Chapter 116 อาจารย์และลูกศิษย์ได้พบหน้ากัน

ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything

หลังจากออกไปจากภูเขา เฉินเฉินถอนหายใจออกมา

 

การไล่เซี่ยวอู่โยวออกไปคือบททดสอบที่โจวเหรินหลงมีให้กับเขา

 

ถ้าเขาข้องเกี่ยวกับสำนักอู๋ซิ่นแล้ว เขาจะก่อความวุ่นวายขึ้นและป้องกันไม่ให้เซี่ยวอู่โยวกลับไปยังรัฐจิน ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่ดีกับสำนักอู๋ซิ่น

 

ยังไงก็ตาม โจวเหรินหลงคงไม่ได้คาดคิดว่าลูกศิษย์ที่เขารับมาจากรัฐจินจะไม่เกี่ยวข้องกับสำนักอู๋ซิ่น แต่กลับมาจากสำนักเทียนหยุนแทน

 

ยังไงก็ตามมันก็ยังเป็นบททดสอบของสำนักอสูรอยู่ดี

 

“จางเฉิน เจ้าสำนักอาจจะยังไม่เชื่อใจเจ้า แต่มันยังไม่ถึงระดับที่จะต้องพาผู้ฝึกตนระดับก่อกำเนิดวิญญาณสองคนคอยตามเจ้าแบบนี้ พูดตามจริงแล้ว โจวฉานและข้าต่างเป็นผู้ฝึกตนระดับก่อกำเนิดวิญญาณที่เจ้าสำนักส่งออกไปดูแลเจ้าเท่านั้น มันเป็นเพราะว่าเขากังวลในความปลอดภัยของเจ้า” โจวเฟิงพูดปลอบออกมา เมื่อเขาสังเกตเห็นการก้าวเดินของเฉินเฉินมันดูหนักอึ้งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

 

เฉินเฉินหยุดและถามออกมาอย่างเบาๆ “มันมีศัตรูคู่อาฆาตกับสาขาขัดเกลาร่างกายเหรอครับ? ไม่อย่างงั้นแล้วมันจะจำเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ?”

 

“พวกเรามีศัตรูคู่อาฆาตอยู่จริง! เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวกับตอนที่เจ้าออกไปนะ” โจวฉานพูดขัด

 

เฉินเฉินพูดไม่ออก เขาตกลงไปในกับดักเสียแล้ว

 

 

ด้านในอาณาเขตของสาขาสองของรัฐอสูร เฉินเฉินและทั้งสองคนต่างได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น

 

คนที่รับหน้าที่จัดการดูแลสาขาสองคือผู้อาวุโสอันเฉินและอันฉิง ผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำขั้นสูงสุด

 

ด้วยความสามารถของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่มีทางที่จะจัดการกับเซี่ยวอู่โยวได้เลย มันทำให้พวกเขาทั้งสองคนหงุดหงิดมาก

 

ยังไงก็ตาม หยวนฉิงเทียนไม่ได้ก่อความวุ่นวายอะไรเลยสักนิด หลังจากที่เขากลับมาเขาก็เอาแต่หันหน้าเข้ากำแพงและพึมพำกับตัวเอง

 

เฉินเฉินได้ยินชื่อเขาอยู่บ้างและตาของเขาก็กระตุก เขาหันไปมองอันเฉินและอันฉิง ก่อนที่จะถามออกมา “เซี่ยวอู่โยวอยู่ที่ไหน?”

 

“มันมีเมืองสิบหกเมืองในอาณาเขตสาขามืดของข้า เขาได้ปรากฏตัวขึ้นทั้งสิบห้าเขต ในแต่ละเมืองเขาอออกมาสังหารลูกศิษย์สำนักอสูรหลายต่อหลายคนเพื่อระบายความโกรธของเขา”

 

“พูดตามตรงแล้ว นายน้อยของสาขาเป็นแบบนี้เพราะว่าเฉินเฉิน ถ้าเฉินเฉินตายลงไปแล้ว พวกเราจะดีใจกันมาก แต่การตายของเขาไม่ใช่พวกเราเป็นคนทำ การมายังสาขาของพวกเราเพื่อระบายความโกรธของเขานี่มันเห็นได้ชัดว่าเขากำลังดูถูกพวกเราอยู่ ถ้าเจ้าสาขายังอยู่….”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผู้อาวุโสอันเฉินรู้สึกเศร้าสร้อยและแทบจะระเบิดน้ำตาออกมา

 

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สาขาสองจะกลายเป็นที่รองรับความโกรธของคนอื่นแบบนี้กัน?

 

สำนักอู๋ซิ่นนั้นหงุดหงิดมากกับการต่อสู้ในเมือง แต่สาขาสองก็ได้รับการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงด้วยเช่นกัน

 

เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว ตาของเฉินเฉินดูเย็นยะเยียบและเขาก็ตบไปที่ไหล่ของอันเฉิน ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างจริงจัง “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนที่สละเลือดให้กับสำนักอสูรผิดหวัง! ถ้าเซี่ยวอู่โยวไม่ถอยกลับไป เขาก็ลืมที่จะได้กลับออกไปอีกเลย!”

 

อันเฉินคุกเข่าลงข้างหนึ่งและร้องไห้ออกมา

 

“ขอบคุณมากครับ นายน้อยสาขา!”

 

เมื่อได้ยินคำแทนตัวที่เขาเรียกแล้ว เฉินเฉินรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย

 

‘ข้าไม่ใช่นายน้อยของสาขา ข้าเป็นแค่ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของสาขาขัดเกลาร่างกายต่างหาก มันไม่เหมือนกัน’

 

“ข้าไม่ควรที่จะช้าไปกว่านี้แล้ว ข้าจะพาผู้อาวุโสโจวฉานและโจวเฟิงไปยังเมืองสุดท้าย”

 

เฉินเฉินลุกขึ้นยืน เขาดูจริงจังและดูกล้าหาญ

 

“ขอบคุณมากครับ นายน้อยสาขา!” อันเฉินและอันฉิงต่างก้มหัวให้พร้อมกัน

 

โดยปราศจากการพูดอะไรออกมาต่อ เฉินเฉินหันหลังและเดินจากไป

 

 

“ระบบ เซี่ยวอู่โยวอยู่ใกล้กับพวกเราไหม?” เฉินเฉินถามกับระบบอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาอยู่ด้านบนเหนือเมืองเมฆดำ

 

ถ้าผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นก่อกำเนิดวิญญาณระดับกลางต้องการที่จะซ่อนตัวแล้ว มันจะเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะหาตัวเขาพบ แม้ว่าจะเป็นโจวฉานและโจวเฟิงก็ตาม

 

ยังไงก็ตามเฉินเฉินนั้นแตกต่างออกไป เขามีระบบอยู่กับตัวเขาและตราบเท่าที่เขาบินวนไปวนมาด้านบนเมืองเมฆดำด้วยระดับความสูงที่ไม่สูงมากนัก พร้อมกับถามระบบอย่างต่อเนื่องแล้ว เขาก็จะหาเซี่ยวอู่โยวพบอย่างแน่นอน ตราบเท่าที่เขายังอยู่ในเมืองนี้

 

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ระบบก็ได้ตอบกลับด้วยคำตอบที่แตกต่างออกไป

 

“28 เมตรด้านล่างค่ะ”

 

เมื่อได้ยินคำตอบนี้แล้ว เฉินเฉินหยุดพูดต่อทันที

 

มันมีโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งมันไม่ใหญ่เลยสักนิด ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น มันเต็มไปด้วยลูกค้า ท่ามกลางพวกเขาแล้วมันมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดขาวนั่งอยู่บนโต๊ะและดื่มเหล้าคนเดียวอย่างเงียบๆ โดยเขาไม่มีพลังปราณไหลออกมาเลยสักนิด

 

‘เขาดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเลย’

 

‘อาจารย์อยู่ในเมืองนี้จริงด้วย!’

 

เฉินเฉินตื้นตันใจมาก

 

อันเฉินและอันฉิงไม่เข้าใจเหตุผลที่ว่าทำไมเซี่ยวอู่โยวถึงได้ก่อความวุ่นวายไปทั่วแบบนี้ แต่เมื่อเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว เฉินเฉินเข้าใจ

 

ดูจากภายนอกแล้ว มันอาจจะเป็นเพราะว่าเซี่ยวอู่โยวดูเหมือนจะระบายความโกรธ แต่ความจริงแล้วเซี่ยวอู่โยวนั้นคาดเดาว่าเฉินเฉินติดอยู่ในสำนักอสูร ดังนั้นเขาจึงออกไปยังเมืองใหญ่เพื่อตามหาเขา

 

เขาได้บอกกับสาธารณะว่าเฉินเฉินได้พลาดท่าตายไป เพื่อปกป้องเฉินเฉิน

 

ถ้าเขาบอกว่าเฉินเฉินหายตัวไปและสำนักอสูรได้รับยอดฝีมือคนใหม่ขึ้นมาแบบฉับพลันเช่นนี้แล้ว โจวเหรินหลงที่ชาญฉลาดก็จะต้องเดาว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไปกับลูกศิษย์ของสำนักเทียนหยุน

 

ด้วยการสืบหาเบาะแสแล้ว เขาจะหาต้นตอเบาะแสได้อย่างแน่นอนและเมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว เฉินเฉินก็จะตกอยู่ในปัญหา

 

‘อาจารย์มีเจตนาที่ดีเช่นนี้…’

 

เมื่อมองไปยังแผ่นหลังที่กว้างขวางของเขาแล้ว เฉินเฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนจนพูดไม่ออก

 

ถึงแม้ว่าอาจารย์จะไม่ได้สอนเขาได้มากสักเท่าไหร่ เขาก็ดีกับเฉินเฉินมากและในช่วงยามคับขันเช่นนี้แล้ว เขายังออกมาตามหาเขาอีก

 

สัมผัสของเซี่ยวอู่โยวแม่นยำมากและในเวลานี้เองร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ เขาหันกลับไปและมองไปยังเฉินเฉินที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมกับสวมหน้ากากน่ารังเกียจ

 

ทั้งสองคนต่างสบตากันเล็กน้อย

 

ใบหน้าและรูปร่างของคนอาจจะเปลี่ยนไปได้ แต่วิธีการมองในดวงตาของพวกเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป

 

มันมีความตกตะลึงและไม่สบายใจในดวงตาของเซี่ยวอู่โยว แต่เขาก็รีบซ่อนมันด้วยสายตาที่เย็นยะเยียบ

 

“เจ้าสมาชิกของสำนักอสูร! เตรียมตัวตายซะ!” เขาคำรามออกมาและแทงดาบสายฟ้าไปที่เฉินเฉิน

 

ความวุ่นวายบังเกิดขึ้นบนถนนที่คึกครื้น คนธรรมดาทั่วไปในเมืองต่างวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทั่ว

 

บึ้ม!

 

โจวเฟิงและโจวฉานต่างปรากฏตัวขึ้นมาอย่างลึกลับและป้องกันดาบสายฟ้า

 

“เซี่ยวอู่โยว เจ้ากล้าที่จะโจมตีคนรุ่นเยาว์เนี่ยนะ? เจ้าไม่สมกับเป็นเจ้าสำนักเลยสักนิด!” โจวเฟิงพูดออกมาอย่างเย็นชา

 

ในอีกด้านหนึ่ง เฉินเฉินรีบถอยกลับก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าสำนักเซียว มันมีคนธรรมดาในเมืองนี้อยู่มาก เจ้ากล้าที่จะออกไปนอกเมืองเพื่อต่อสู้หรือเปล่า?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เซี่ยวอู่โยวหัวเราะออกมาดังก้องและพูดตอบ “เจ้าทั้งสองคนต่างอยู่ในขั้นกลางของขั้นก่อกำเนิดวิญญาณและเจ้าต้องการให้ข้าไปสู้กับพวกเจ้านอกเมืองอีกเนี่ยนะ? เด็กน้อย เจ้าคิดว่าข้าจะทำ?!”

 

เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว เฉินเฉินพูดไม่ออก

 

ชีวิตเหมือนเป็นดั่งการแสดงและมันขึ้นอยู่กับวิธีการแสดงของพวกเขา เซี่ยวอู่โยวอาจจะดูทื่อ แต่ในช่วงยามคับขันเช่นนี้แล้ว เขากลับแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ในขณะที่พูดเช่นนั้น ดาบสายฟ้าของเซี่ยวอู่โยวต่างถูกขว้างเข้าใส่โจวเฟิงและโจวฉาน

 

ตั้งแต่ที่พวกเขานั้นอยู่ในเมือง ทั้งสองคนจึงไม่กล้าที่จะใช้พละกำลังแบบเต็มกำลัง พวกเขาจัดการมันอย่างระมัดระวัง เพื่อทำให้คนอื่นหวาดกลัวน้อยลง

 

เซี่ยวอู่โยวไม่มีเจตนาที่จะบังคับให้ทั้งสองคนเอาจริงด้วยเช่นกัน พวกเขาจึงต่อสู้กันอย่างเรียบง่าย

 

เฉินเฉินมองการต่อสู้จากระยะไกลและถามออกมาดังก้อง “เจ้าสำนักเซียว ในตอนนี้รัฐจินนั้นตกอยู่ในความยุ่งเหยิงและสำนักเทียนหยุนตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ ทำไมท่านถึงไม่กลับไปจัดการสำนักตัวเองก่อนละ?!”

 

“ความตายของลูกศิษย์ข้ามันทำให้ข้ากราดเกรี้ยวเนี่ยสิ ข้าไม่สามารถละทิ้งความโกรธนี้ไปได้!” เซี่ยวอู่โยวตะโกนกลับไป

 

“คนตายไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ แต่สำนักเทียนหยุนมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เจ้าสำนักเซียว เจ้าทนได้หรืออย่างไรกับการที่มรดกตกทองของสำนักเทียนหยุนจะถูกกำจัดหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์? นอกจากนี้แล้วนายน้อยของสาขาจากสำนักอสูรของข้า หยวนฉิงเทียนก็ได้สูญเสียสติปัญญาไป เขาถูกทำลายไปโดยลูกศิษย์ของเจ้า เฉินเฉิน ถ้าพวกเราต้องการที่จะชำระแค้นกัน พวกเราก็จะไปจัดการกับเจ้าก่อนเป็นอันดับแรก!”

 

เซี่ยวอู่โยวไม่ได้พูดอะไรต่อ

 

เมื่อเห็นดังนี้ เฉินเฉินพูดต่อ “เจ้าสำนักเซียว ถ้าเจ้าต้องการที่จะสร้างปัญหากับสำนักอสูรต่อไปละก็…”

 

ร่างกายของเซี่ยวอู่โยวแข็งทื่อขึ้น

 

เฉินเฉินรีบตีเหล็กที่กำลังร้อนต่อ “ถ้าเจ้าสำนักเซียวปรารถนาที่จะจากไป พวกเราก็จะยื้อสำนักอู๋ซิ่นเอาไว้ให้และยื้อเวลาให้กับสำนักเทียนหยุน สำนักพยัคฆ์ขาว สำนักวิหคสีชาดและสำนักอื่น!”

 

เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว เซี่ยวอู่โยวระเบิดอารมณ์ออกมาและตะโกนกลับไป “เจ้าต้องการให้สำนักเทียนหยุนทำงานให้กับสำนักอสูรเนี่ยนะ?!”

 

“ให้ข้าบอกเจ้าละกัน! แม้ว่าสำนักเทียนหยุนจะถูกสังหารจนเหี้ยนไปก็ตามที พวกเราจะไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับสำนักอสูร!”

 

เฉินเฉินหัวเราะและส่ายหัว “ทำไมสำนักอสูรต้องร่วมมือกับเจ้าด้วยกัน? พวกเราเพียงแค่ต้องการโจมตีสำนักอู๋ซิ่นเท่านั้น เจ้าสำนักเซียว สิ่งที่เจ้าทำไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสำนักอสูรเลย อา ใช่สิ….ข้าดันเผยข้อมูลสำคัญออกไปแล้วสิ เจ้าสำนักเซียว แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไปซะ”

 

“ฮึ่ม!”

 

เซี่ยวอู่โยวพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาและจากไปพร้อมกับดาบ ก่อนที่จะบินหายไป

 

เมื่อเห็นดังนี้แล้ว โจวเฟิงและโจวฉานต่างถอยกลับและหันไปมองเฉินเฉินอย่างประหลาดใจ

 

“นายน้อย ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าท่านจะไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ในด้านขัดเกลาร่างกายแล้ว แต่ยังความสามารถในการพูดจาที่ดีแบบนี้อีก”

 

เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว เฉินเฉินต้องการที่จะโอ้อวดต่อ แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของเขาแล้ว สายตาของเขาก็กลับมาเย็นชาอีกครั้งหนึ่ง

 

“คำพูดจามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่าเก็บมันไปคิดครับผู้อาวุโส ยังไงก็ตาม พวกเรายังต้องคอยตรวจดูสำนักอู๋ซิ่นเอาไว้ เผื่อที่จะเกิดเหตุการณ์เร่งด่วนกับสำนักอสูร ดังนั้น ท่านอาวุโส ได้โปรดตามข้าไปยังรัฐจินด้วยครับ”