ตอนที่ 666 ดูแลตัวเองไม่เป็นเลย
ขณะนี้ราตรียิ่งดึกขึ้นเรื่อยๆ ฉู่เจียเสวียนนอนหลับสนิทในอ้อมแขนของเผยหนานเจวี๋ยโดยไม่รู้ตัว เขากดปุ่มหยุดรถอย่างนุ่มนวลและรถฟักทองก็หยุดลงช้าๆ
เขามองใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอ มองดูเธอที่หลับตาสนิท อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาและลูบใบหน้าของเธอเบาๆ
แต่ละนาที แต่ละวินาทีไหลผ่านไป มีความอบอุ่นไหลเวียนอยู่ในบรรยากาศ ขณะที่ฉู่เจียเสวียนตื่นจากอ้อมแขนของเผยหนานเจวี๋ยนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้น และมองเห็นดวงตาที่ปิดสนิทของเผยหนานเจวี๋ย ขนตายาวเป็นแพนั้นสวยงามมาก
“หนานเจวี๋ย ฉันโชคดีเหลือเกินที่คุณชอบฉัน” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากแผ่วเบา มองเขาด้วยความหลงใหล
มุมปากของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้ม ก่อนจะลืมตาขึ้น “เด็กโง่”
“คุณยังไม่หลับเหรอ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ย
“ผมแค่หลับตาเฉยๆ ใช่ว่าคุณจะไม่รู้” ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา เขาก็ตื่นแล้ว ความตื่นตัวของเขาดีอยู่เสมอ
“พวกเรากลับกันเถอะ ตอนนี้น่าจะดึกแล้ว” ฉู่เจียเสวียนกล่าว หากเธอยังไม่กลับไปอีก เธอกลัวว่าซูซานจะเป็นห่วง
“ตกลง ผมจะไปส่งคุณ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างอดเสียไม่ได้ จะต้องส่งเธอกลับหลีหยวนแล้ว
“แบบนั้นจะยุ่งยากหรือเปล่า” หลีหยวนอยู่ค่อนข้างไกลจากคฤหาสน์ของตระกูลเผย
“ไม่เลย ผมไม่รังเกียจที่จะใช้เวลาในคืนนี้อยู่กับคุณ” จู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยก็เผยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่ได้” ซูซานอยู่นี่นา แล้วเธอจะให้เขาค้างคืนได้อย่างไร
เผยหนานเจวี๋ยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องปฏิเสธ
ทั้งสองลงจากรถฟักทอง เผยหนานเจวี๋ยกอดฉู่เจียเสวียนอยู่ในอ้อมแขน เมื่อผ่านตรอกอีกครั้ง ฉู่เจียเสวียนก็ไม่รู้สึกกลัวแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
“หนาวหรือเปล่า” เผยหนานเจวี๋ยกอดเธออย่างทะนุถนอม ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่พาเธอออกมาตอนกลางคืนเช่นนี้ อากาศหนาวแบบนี้ ถ้าเธอเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไร
“ไม่หนาวค่ะ” ฉู่เจียเสวียนพูดเสียงเบา มีเขาอยู่ข้างกาย เธอก็ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด
“คุณน่ะหนาวหรือเปล่า ร่างกายของคุณหายดีแล้วหรือยัง ทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอไง” ฉู่เจียเสวียนกลับเป็นห่วงสุขภาพของเขามากกว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ร่างกายของผมฟื้นตัวแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยยิ้มอย่างเฉยเมย ความหนาวเย็นนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลย
“อาการบาดเจ็บทางร่างกายของคุณจะดีขึ้นเมื่อไรกันแน่” ฉู่เจียเสวียนไม่อยากเชื่อที่หมอกล่าวว่าต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว
“บางทีปีหน้าผมอาจจะหายแล้วก็ได้” การดูแลสุขภาพตามปกติของเผยหนานเจวี๋ยไม่ได้ลดลงเลย ร่างกายของเขาจำต้องได้รับการปรับตัวจริงๆ
“เร็วขนาดนั้นเลย?” ฉู่เจียเสวียนถามอย่างสงสัย ทั้งๆ ที่หมอพูดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองปี
ระหว่างการสนทนา ทั้งสองก็ออกจากซอยไปแล้ว เมื่อมาถึงด้านหน้าของรถ เผยหนานเจวี๋ยก็เปิดประตูให้ฉู่เจียเสวียนเข้ามาในรถ
ฉู่เจียเสวียนก้มตัวเข้าไปนั่ง อุณหภูมิภายนอกเย็นเกินไปแล้วจริงๆ เธอต้องการความอบอุ่นภายในรถ
เมื่อเปิดประตูแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็เดินไปนั่งที่เบาะคนขับ เขาปิดประตูรถ ความร้อนภายในรถทำให้ทั้งสองรู้สึกอบอุ่นขึ้น
ฉู่เจียเสวียนจับมือของเผยหนานเจวี๋ยขึ้นมา แล้วเป่าให้เขา “มือคุณเย็นขนาดนี้ ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก คุณนี่ไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้างเลย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หายแล้ว” ความอบอุ่นภายในรถทำให้ทั้งคู่หยุดสั่นแล้ว
“รู้อย่างนี้ผมก็ไม่พาคุณมาที่นี่ตอนกลางคืนหรอก” เผยหนานเจวี๋ยพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงตำหนิตนเอง
“คืนนี้ฉันมีความสุขมาก ดึกนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร ที่นี่สวยขนาดนี้ คุณน่าจะพาฉันมาตั้งนานแล้ว” ฉู่เจียเสวียนมีความสุขกับของขวัญที่เผยหนานเจวี๋ยเตรียมไว้ให้เธอเป็นอย่างมาก เธอชอบที่เขาปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี
“กลับบ้านกันเถอะ” หลังจากเผยหนานเจวี๋ยรู้สึกอบอุ่นแล้ว ก็สตาร์ทรถจากไป
ระหว่างทาง พวกเขาพูดคุยกันน้อยมาก ฉู่เจียเสวียนมองไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ ในตอนกลางคืน บนถนนมีรถน้อยมาก และเงาของต้นไม้ก็ดูน่ากลัวเล็กน้อยภายใต้แสงจันทร์
ตอนที่ 667 วัวแก่กินหญ้าอ่อน
บรรยากาศภายในรถลดฮวบจนน่าอึดอัดใจ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาและไม่เต็มใจที่จะเอ่ยปากพูดก่อน
ฉู่เจียเสวียนยังคงนึกถึงเซอร์ไพรส์ที่เผยหนานเจวี๋ยทำให้เธอเมื่อสักครู่ ส่วนในใจของเผยหนานเจวี๋ยก็กำลังคิดถึงฉู่เจียเสวียน เขาสงสัยว่าเธอชอบทุกสิ่งในคืนนี้จริงๆ หรือเปล่า เธอดูไม่ตื่นเต้นเลย ความเยือกเย็นของเธอชวนให้เขารู้สึกว่าเธอคล้ายกำลังดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
แต่ประโยค ‘ฉันรักคุณ’ ของเธอนั้นยังคงดังสะท้อนอยู่ในสมองไม่เลือนหาย หัวใจของเขายังคงเต้นแรงจนถึงตอนนี้
บางทีบรรยากาศในรถอาจเงียบเกินไป เผยหนานเจวี๋ยเปิดวิทยุและทันใดนั้นเสียงเพลงอันไพเราะก็ดังก้องขึ้นภายในรถ
บางทีถ้าคุณรักใครสักคนคุณก็จะมีจุดอ่อน แม้แต่ชีวิตก็ไม่ได้เป็นของตัวเองอีกต่อไป
ตั้งแต่โบราณมา มีบทกวีที่ยกย่องความรักกี่บทกันล่ะ?
บทกวีที่สร้างความประทับใจให้ฉู่เจียเสวียนมากที่สุดคือ ถามโลกใบนี้ว่าความรักคือสิ่งใด ที่ติดตามคนไปทั้งชีวิตและความตาย
เธอแอบสำรวจเผยหนานเจวี๋ยด้วยหางตา มองดูริ้วรอยแห่งความเด็ดเดี่ยวนั้น ริมฝีปากของเธอก็ยกยิ้มน้อยๆ
“คุณไม่แก่ลงเลยสักนิด คุณยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่เปลี่ยนไปเลย” จู่ๆ ฉู่เจียเสวียนก็นึกถึงเรื่องที่คุณหมอบอกว่าเธอ ‘แก่ก่อนวัย’ ทันใดนั้นเธอก็กลัวว่าตัวเองจะแก่ก่อนเขาขึ้นมา
“คุณก็ไม่มีริ้วรอยของความแก่เลยไม่ใช่เหรอ ทั้งๆ ที่ไม่เด็กแล้ว ทำไมยังดูเหมือนนักศึกษาวัยยี่สิบอยู่เลยล่ะ” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เผยหนานเจวี๋ยก็คิดอยากถามเธอจริงๆ ว่าทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอไม่ได้สวยเหมือนตอนนี้ ทำไมไม่เจอกันสามปี เธอยิ่งสวยกว่าเมื่อก่อนอีกล่ะ?
ฉู่เจียเสวียนกะพริบตาปริบๆ “ถ้าอย่างนั้นคุณชอบให้ฉันแต่งตัวแบบไหน แก่หน่อยหรือว่าเปรี้ยวหน่อย?”
“ผมชอบทั้งนั้น” ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไรเขาก็ชอบ ขอแค่เป็นเธอ จะอะไรก็ได้
“ไม่ได้ คุณต้องเลือกสักอย่างสิ!” อย่างไรเสียเธอก็รู้รสนิยมของเผยหนานเจวี๋ยเป็นอย่างดี
“เด็กหน่อย” เขาเห็นชุดที่หรูหราเหล่านั้นจนชินตาแล้ว เขาชอบบุคลิกที่เย็นชาและสง่างามของฉู่เจียเสวียนมากกว่า
“เผยหนานเจวี๋ย คุณนี่มันวัวแก่กินหญ้าอ่อน!” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย แม้ว่าเผยหนานเจวี๋ยจะแก่กว่าเธอเพียงห้าปีก็ตาม
เผยหนานเจวี๋ยมีสีหน้าหม่นหมองฉายออกมาบางๆ เธอยังไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิดจริงๆ จู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากยืนไว้อาลัยให้กับตัวเอง
“ถึงหลีหยวนแล้ว” เขาไม่ต้องการคุยเรื่องนี้กับเธออีก จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
ในค่ำคืนที่มืดมิด ฉู่เจียเสวียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ในเวลากลางคืน ทิศทางของเธอมักจะไม่ค่อยดีนัก ด้วยเหตุนี้เธอจึงดูถูกตัวเองอยู่หลายครั้งในใจ
รถค่อยๆ หยุดที่คฤหาสน์หลีหยวน ฉู่เจียเสวียนหันไปมองเผยหนานเจวี๋ย “ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะ”
“แน่ใจเหรอว่าจะไม่ให้ผมอยู่ต่อ?” คิ้วของเผยเลิกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข
ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า “คุณค่อยๆ ขับล่ะ” การที่เขาไปๆ มาๆ แบบนี้มันเสียเวลามากเกินไปแล้ว
“ไม่รีบหรอก ผมยังไม่ง่วงเลย” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ เวลาที่ได้อยู่กับเธอ เขามักจะอารมณ์ดีเสมอ
“ฉันเริ่มง่วงแล้ว” วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวัน เธอไม่สามารถอยู่กับเขาได้อีกต่อไป อีกอย่างพรุ่งนี้พวกเขาต่างต้องไปทำงาน
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบนอนเถอะ ผมกลับแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างเสียมิได้
การได้นอนกับผู้หญิงที่รักในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้เป็นเรื่องสวยงามเหลือเกิน
“ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ” ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่ขยับรถ ก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“คุณขึ้นไปก่อน” เขาอยากเห็นเธอเข้าไปข้างในอย่างปลอดภัยก่อนที่เขาจะจากไป
ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า กล่าวอย่างจนใจ “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ” พูดจบ ก็หันหลังเปิดประตูบ้านเข้าไป