ตอนที่ 668 ยากจะหลับ
เมื่อประตูปิดลงกั้นวิสัยทัศน์ของเขา เขาก็ทอดถอนใจออกมาเบาๆ สุดท้ายก็สตาร์ทรถจากไป
ฉู่เจียเสวียนปิดประตูบ้านแล้วถอนหายใจออกมา ในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้เธอก็อยากนอนในอ้อมแขนของเขา
เมื่อไหร่ที่กงจวิ้นฉือจะบอกเรื่องนี้กับคุณย่ากงกันนะ?
อันที่จริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องกังวลกับสายตาของคนอื่นตอนที่กำลังคบหากับเผยหนานเจวี๋ย แต่ว่าเมื่อนึกถึงคุณย่ากงแล้ว เฮ้อ
เปลี่ยนรองเท้าเสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบนและย่องเข้าห้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา เมื่อเปิดประตู ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนโอบรอบตัวเธอ ซูซานช่วยเธอเปิดเครื่องทำความร้อนด้วยความเอาใจใส่
ความเย็นบนร่างกายของเธอค่อยๆ จางหายไป เธอควรอาบน้ำร้อนซะหน่อย
ยี่สิบนาที่ต่อมาฉู่เจียเสวียนออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยเนื้อตัวที่เบาสบาย เธอเดินมายังข้างโต๊ะ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เมื่อไม่เห็นข้อความของเผยหนานเจวี๋ยก็ขมวดคิ้ว ส่งข้อความให้เขา ‘ถึงบ้านแล้วหรือยัง’
ทางด้านเผยหนานเจวี๋ยนั้น เมื่อได้รับข้อความก็รีบตอบกลับในทันที ‘ผมถึงบ้านแล้ว กลัวจะรบกวนคุณ ก็เลยไม่ได้ส่งข้อความหาคุณ’
เขานึกว่าเธอนอนไปแล้ว เห็นอยู่ว่าเมื่อครู่สีหน้าของเธอง่วงนอนมาก
‘คราวหน้าไม่ว่าดึกขนาดไหน คุณจะต้องส่งข้อความมาบอกฉันว่าคุณถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วนะ!’ ฉู่เจียเสวียนตอบกลับอย่างเอาแต่ใจ
‘ได้ คุณรีบนอนเถอะ’ เธอควรจะนอนได้แล้ว
‘อาบน้ำแล้วตาสว่างขึ้นเยอะเลย ตอนนี้ฉันคงหลับยากแล้ว’ หลังจากแก้ไขข้อความ ฉู่เจียเสวียนก็กดปุ่มส่งไปทันที
เมื่อเห็นข้อความ ริมฝีปากบางของเขาก็ยกยิ้มขึ้น ตอนนี้เขาเองก็นอนไม่หลับ ทว่าเขาไม่อยากให้ฉู่เจียเสวียนนอนดึก
‘ฟังเพลงช้าๆ แล้วไปนอนเสีย ไม่ต้องตอบข้อความแล้ว ราตรีสวัสดิ์!’ พวกเขาส่งกลับไปกลับมาแบบนี้ก็ไม่ต้องนอนกันพอดี เผยหนานเจวี๋ยจึงตัดสินใจที่จะออกคำสั่งแบบนี้ ให้เธอเข้านอนเร็วหน่อย
อ่านข้อความของเผยหนานเจวี๋ยจบแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็เบะปากอย่างไม่พอใจ ทว่าเธอก็ยังตัดสินใจทำตามที่เผยหนานเจวี๋ยบอก เปิดเพลงช้าๆ ฟัง
เสียงเพลงเบาๆ ดังคลอในห้อง ฉู่เจียเสวียนฟังทำนองเพลงอย่างเงียบๆ ในไม่ช้าเสียงหายใจสม่ำเสมอก็ดังขึ้น เธอค่อยๆ เข้าสู่ความฝันไป
เสียงเพลงในห้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และดังอย่างนั้นตลอดทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่เจียเสวียนตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ เสียงเพลงลอยอยู่ข้างหู ดวงตาพร่ามัวที่กลมโตของฉู่เจียเสวียนมองดูเครื่องเล่นเพลง เมื่อคืนเธอลืมปิดเพลงเสียแล้ว
เลิกผ้าห่มลงมาจากเตียง เดินไปที่หน้าเครื่องเล่นเพลงแล้วปิดมัน จากนั้นก็หันหลังเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวสวยงามก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง วันนี้ฉู่เจียเสวียนจะไปทำงานแล้ว เธอไม่ได้เจอถังถังนานแล้ว ไม่รู้ว่าเธอกลับบ้านไปตอนตรุษจีนเป็นอย่างไรบ้าง
ลงมาถึงข้างล่าง ซูซานก็กำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะ
“แม่คะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยอย่างอารมณ์ดี นั่งลงตรงข้ามซูซาน
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ เมื่อคืนกลับมาดึกมากเหรอ” ซูซานเอ่ย มองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เจียเสวียน เธอก็ยิ้มตามไปด้วย
“ก็ไม่ดึกมากหรอกค่ะแม่ แม่คงไม่ได้รอหนูกลับมาแล้วถึงได้เข้านอนหรอกนะ?” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยด้วยความเป็นกังวล เธอหวังว่าซูซานคงไม่ได้ทนความหนาวเนิ่นนานแล้วไม่ยอมนอนเพื่อที่จะรอเธอกลับมา ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะรู้สึกผิดมาก
ซูซานส่ายหน้า “เปล่า ห้าทุ่มแม่ก็นอนแล้ว”
“แม่คะ คราวหน้าถ้าหนูกลับบ้านดึก แม่ก็ไม่ต้องรอหนูแล้วนะ เข้าใจไหมคะ แม่ดูสิวันนี้หนูต้องทำงานแล้ว จะต้องมีเรื่องให้ทำเยอะแน่ๆ” ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว
“รู้แล้ว รีบกินข้าวเช้าเถอะ โจ๊กจะเย็นหมดแล้ว” ซูซานยิ้มเอ่ย
ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า ตั้งใจกินอาหารเช้า
หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ขับรถออกจากหลีหยวน ตรงไปที่ร้านเช่าชุดแต่งงานทันที
ตอนที่ 669 เป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้น
เธอไม่ได้มาที่ร้านชุดแต่งงานสักพักแล้ว ตอนที่เธอมาถึงร้านชุดแต่งงานก็เปิดแล้ว พนักงานก็ต่างประจำที่ทำงานกัน
“พี่เจียเสวียน อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ”
“พี่เจียเสวียน อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เมื่อพนักงานเห็นฉู่เจียเสวียนก็ทยอยกันเอ่ยทักทายเธอ ฉู่เจียเสวียนตอบรับทีละคน ก่อนจะนำอั่งเป่าที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ให้พวกเธอ
อย่างไรเสียนี่เป็นวันทำงานวันแรกหลังจากเทศกาลตรุษจีน และแน่นอนว่าเธอจะต้องแจกอั่งเปาสำหรับเริ่มงาน
หลังจากแจกอั่งเปาแล้วฉู่เจียเสวียนก็เข้าออฟฟิศไป ก่อนจะเห็นว่าถังถังทำงานอยู่ที่โต๊ะ
“ถังถัง” ฉู่เจียเสวียนเดินเข้าไปหาถังถัง เอ่ยปากยิ้มแย้ม ไม่รู้ว่าถังถังกำลังดูอะไรอยู่ถึงได้เหม่อลอยอย่างนั้น
ถังถังเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นฉู่เจียเสวียนแล้ว ริมฝีปากแดงก็ยกยิ้ม “ที่รัก! เธอมาแล้วเหรอ”
เธอสวมกอดฉู่เจียเสวียนทันที เพื่อนสนิทที่ไม่เจอกันมานาน แน่นอนว่าต้องให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นพิเศษ
“คิดถึงฉันรึเปล่า” ถังถังคลายกอดฉู่เจียเสวียน นั่งลงบนโซฟา
“คิดถึงสิ ตรุษจีนเป็นยังไงบ้าง” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยหัวเราะเบาๆ มองดูถังถังพร้อมถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ได้ข่าวมาว่าตรุษจีนของเธอไม่เลวเลยนี่นา” ถังถังมองฉู่เจียเสวียนพร้อมยิ้มแย้มด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ฉู่เจียเสวียนยิ้มออกมาแล้ว เมื่อคิดถึงตอนที่อยู่ด้วยกันกับเผยหนานเจวี๋ยหลายวันนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก
อาการเขินอายบนใบหน้าของเธอ ทำให้ถังถังหัวเราะออกมา “เอ๊ะๆๆ นั่นมันสีหน้าอะไรของเธอน่ะ”
“อย่าพูดมากน่า” น้ำเสียงของฉู่เจียเสวียนเจือปนความโกรธเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“รู้แล้ว ดูจากท่าทางของเธอ ฉันก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” ถังถังหัวเราะเสียงเบา
“จริงสิ ตอนนี้เธอก็อยู่กับเผยหนานเจวี๋ยแล้ว แล้วทางกงจวิ้นฉือไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม?” ถังถังขมวดคิ้วเอ่ย คุณย่าของกงจวิ้นฉือไม่รู้ว่าตอนนี้ฉู่เจียเสวียนเลิกกับกงจวิ้นฉือแล้ว
“รอให้เขาไปอธิบายให้ชัดเจนน่ะ” ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้วเอ่ย
“อ่อ ฉันแนะนำว่าเธอให้กงจวิ้นฉือรีบคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุดเถอะ ไม่อย่างนั้นนะ ถึงตอนนั้นหากท่านรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเธอสองคนจากข่าวอื่นเข้ามันจะไม่ดี” ถังถังยังไม่ลืมข่าวในนิตยสารที่เธอเห็นเมื่อสองวันก่อน
เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนด้วยสีหน้าอ่อนโยน แม้ในรายงานนั้นจะไม่ได้พูดอะไร แต่คนฉลาดก็ต่างมองออกว่าเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนเป็นอะไรกัน
คุณย่ากงเป็นคนฉลาดขนาดนั้นทำไมถึงจะไม่รู้ ถ้ากงจวิ้นฉือไม่บอกคุณย่ากงเรื่องนี้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ ท้ายที่สุดถ้าได้ยินเรื่องนี้จากคนอื่น สถานการณ์ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้ว
“ฉันรู้แล้ว” ฉู่เจียเสวียนพยักหน้าตอบรับ ความกังวลปรากฏขึ้นในแววตา
“ทำงานเถอะ ช่วงนี้งานในมือมีมากเกินไปแล้ว” ฉู่เจียเสวียนเดินไปที่โต๊ะทำงาน กำลังคิดอยู่ว่าจะโทรหากงจวิ้นฉือให้เขาอธิบายกับคุณย่าโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นขืนปล่อยให้เป็นไปแบบนี้จะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น
“เอาเถอะ จริงสิ กงจวิ้นฉือบอกฉันว่าวันนี้เขาจะกลับประเทศ” ทันใดนั้นถังถังก็นึกขึ้นมาได้ เธอเกือบจะลืมไปแล้ว
“จริงเหรอ?” ดวงตาของฉู่เจียเสวียนมีความประหลาดใจ แบบนี้ก็ถือเป็นข่าวดีกับเธอแล้วสิ
“จริงสิ ฉันจะโกหกเธอทำไมกัน วันนี้เบื่อๆ ฉันก็เลยคุยกับเขานิดหน่อย เขาเป็นคนบอกฉันเอง” ถังถังเอ่ยปาก
ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า คิดว่าจะโทรหาเขาคืนนี้เพื่อให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
อากาศในเมือง A นึกอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนจริงๆ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสงอยู่ตลอดเวลา แต่ในวินาทีถัดมามันกลายเป็นเมฆครึ้ม ท้องฟ้าที่สดใสในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นผืนสีเทาไปแล้ว