ตอนที่ 575 ไม่ควรใกล้ชิด / ตอนที่ 576 บังคับกิน

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 575 ไม่ควรใกล้ชิด 

 

 

 

 

 

หลังจากกินจนหมดแล้ว นางก็มองไปทางชิงอวิ๋นอีกครั้ง จึงเห็นว่าเขาเริ่มหั่นเนื้อจานที่สอง ก็รีบยกมาเพื่อเตรียมย่างต่อ 

 

 

ทุกคนกินอย่างอิ่มหนำ ในใจของบรรดาข้ารับใช้ยิ่งนิยมในตัวอวี้อาเหรามากยิ่งขึ้น มีเจ้านายที่ไหนบ้างที่จะปฏิบัติตัวกับบ่าวไพร่เช่นนี้? ยังให้พวกบ่าวไพร่ได้กินเนื้อ หากเป็นคนอื่นแล้ว หากตัวเองยังกินไม่อิ่ม ไหนเลยจะแบ่งให้คนอื่นกัน? นี่ก็ไม่จำเป็นต้องคิดเลย 

 

 

ชิงอวิ๋นที่ถูกกลิ่นหอมของอาหารเข้าครอบงำจนอยากกินอย่างตะกละตะกลาม เมื่อเห็นพวกนางกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็คิดว่า อยู่ด้วยกันเสียหลายคน เหตุใดถึงมีเพียงเขาคนเดียวที่ต้องลำบากมานั่งหั่นเนื้อด้วย แม้แต่เนื้อสักชิ้นก็ยังไม่ได้กิน เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ในขณะที่มือยังหั่นเนื้ออยู่ นึกอยากจะกินสักคำ แล้วจึงรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา 

 

 

หากเขามัวแต่หั่นอยู่เช่นนี้ คงจะไม่ได้กินเป็นแน่แท้ คนอื่นคงจะกินเสียหมด 

 

 

หลังจากกินไปสักครู่ อวี้อาเหราก็มองชิงอวิ๋น เห็นเขาเงยหน้าขึ้นมองมา เอาแต่จ้องมองมาตลอด ราวกับกลัวคนอื่นกินหมด จากนั้นจึงเอ่ยกับเมี่ยวอวี้ว่า “ประเดี๋ยวเจ้าก็เอาเนื้อที่ย่างแล้วไปให้ชิงอวิ๋นเถิด แล้วเจ้าไปหั่นแทนเขา” 

 

 

“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ชะงักไป แล้วก็เข้าใจขึ้นมาทันที ในใจนางคิดว่าคุณหนูช่างละเอียดอ่อนนัก 

 

 

เมี่ยวอวี้ย่างเนื้อสุกไปหลายชิ้น จากนั้นก็ยกไปให้ชิงอวิ๋น 

 

 

ชิงอวิ๋นมองเมี่ยวอวี้แล้วชะงักไป เมี่ยวอวี้พูดกับเขาเล็กน้อย เขาจึงมองไปทางอวี้อาเหราแล้วพยักหน้า 

 

 

อวี้อาเหราถอนสายตากลับมา แล้วกินต่อไป 

 

 

เจาเอ๋อร์และสาวใช้อีกสองสามคนย่างเนื้อของตัวเองต่อไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะย่างให้อวี้อาเหราด้วย นางไม่ต้องทำเองเลย เพียงแค่นั่งรอกินเท่านั้น 

 

 

ยามที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้นเอง ด้านนอกก็มีเงาร่างที่คุ้นเคยเดินเข้ามา 

 

 

“ข้ากำลังคิดอยู่เชียวว่ากลิ่นอะไรเหตุใดถึงได้หอมเช่นนี้ ที่แท้พวกเจ้าก็กำลังกินกันอยู่นี่เอง ย่างอะไรกินกันหรือ” 

 

 

อวี้อาเหรามองไปทางด้านหน้าประตู ก็เห็นจวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสว่างไสว รอบกายเต็มไปแววเจ้าสำราญไม่ด้อยค่า แต่งกายหล่อเหลา หากคนที่ไม่ทราบคงจะคิดว่าพวกเขาทั้งสองกำลังจะแต่งงานเป็นแน่ 

 

 

“พวกเจ้ามาได้อย่างไร” 

 

 

อวี้อาเหราลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้อย่างแปลกใจ 

 

 

จวินอู๋เหินเลิกคิ้วขึ้น แล้วหัวเราะ “ถ้าเราไม่เดินมา จะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเจ้าแอบย่างอะไรกินกันลับหลังเรา มีของดีแต่ไม่ยอมบอกเรารึ?” 

 

 

“แล้วเหตุใดข้าต้องแอบกินกันลับหลังเจ้าด้วยเล่า?” อวี้อาเหรารู้สึกขัน ก้าวไปข้างหน้า จนจวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิงต้องเดินถอยหลัง “อาเหรา เจ้าทำอะไรน่ะ หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดนะ!” 

 

 

“ไม่ควรใกล้ชิดอะไรกัน เมื่อก่อนเจ้าก็ไม่ได้เป็นคนเคร่งครัดถึงเพียงนี้นี่นา” อวี้อาเหราว่าเสียงขุ่น จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงยืดกายขึ้น “ข้าได้กลิ่นเหล้าและเครื่องสำอางมาจากกายของพวกเจ้า คงจะไปที่หอวั่นฮวาหรืออะไรทำนองนี้มากระมัง?” 

 

 

“หอวั่นฮวา? มันคือสถานที่แบบใดกัน” จวินอู๋เหินแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา หากไม่รู้เช่นเห็นชาติว่าเขาเป็นคนเช่นไร นางก็คงจะถูกท่าทีโง่เขลาเช่นนั้นหลอกเอาเสียแล้ว แต่ก็ไม่ไช่ 

 

 

อวี้อาเหราปรายตามองอย่างอารมณ์ไม่ดี “เจ้าจะมาแกล้งทำไขสือทำไมกัน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้อะไรนะ” 

 

 

“อ้อ? เจ้ารู้หรือ ไม่คิดว่าอาเหราก็เคยไปหอวั่นฮวาเช่นเดียวกัน ไม่คิดว่าเจ้าจะสนใจสตรีด้วย…” จวินอู๋เหินเลิกคิ้วขึ้นอย่างจงใจ น้ำเสียงมีความชักนำให้คิดอย่างชัดเจน 

 

 

อวี้อาเหราหมดคำจะพูด ก็ว่าขึ้นมาด้วยเสียงโกรธๆ “สนใจกับผีน่ะสิ เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่าไม่รู้จักหอวั่นฮวาอยู่เลยแท้ๆ ดูสิ แม้แต่ผู้หญิงอย่างข้ายังรู้ แล้วเจ้าจะแกล้งโง่เช่นนี้หรือ?” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 576 บังคับกิน 

 

 

 

 

 

“…” จวินอู๋เหินที่เอาแต่ค้นหาข้อผิดพลาดของอวี้อาเหรา ทว่ากลับลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท จึงพยายามที่จะหาคำพูดมาเพื่อตอบโต้ “ที่เจ้าพูดคงจะหมายถึงหอวั่นฮวา แน่นอนว่าต้องเป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับสตรีเช่นพวกเจ้า ไหนเลยเหล่าคุณชายอย่างเราจะรู้จัก?” 

 

 

คำพูดที่บิดเบือนของเขาก็ฟังดูเข้าที อวี้อาเหราฟังเขาพูดเช่นนี้จนไม่สามารถโต้กลับได้เลย 

 

 

ฟู่เส่าชิงเห็นพวกเขาลับฝีปากคุยกันเช่นนี้ ก็หัวเราะขึ้นอย่างเบื่อหน่าย “พวกเจ้าทั้งสองคนค่อยๆ พูดกันเถิด เราขอกินก่อนก็แล้วกัน” 

 

 

“เจ้าอย่าใช้โอกาสนี้ขโมยกินเชียวนะ!” จวินอู๋เหินยื่นขาออกไปขวางทางเขาไว้ แล้วสบถต่อว่า 

 

 

ฟู่เส่าชิงยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายมากยิ่งขึ้น “ถ้ารู้เช่นนี้คงไม่บอกพวกเจ้าหรอก แอบกินเสียก่อนตอนที่พวกเจ้ากำลังทะเลาะกันก็ดีแล้ว ต่อให้ข้ากินไป พวกเจ้าก็คงไม่รู้ตัว” 

 

 

อวี้อาเหราย่อมไม่อาจปล่อยให้คนเสเพลลอยชายไปทั่วอย่างพวกเขามากินของนางเปล่าๆ แน่ จึงขวางทางเอาไว้ 

 

 

“พวกเจ้าจะกินก็ได้ แต่จ่ายมาก่อนห้าสิบตำลึงเงิน” 

 

 

“ห้าสิบตำลึงเงินหรือ?” จวินอู๋เหินตกใจ “เนื้อหมูแค่ไม่กี่ชิ้นก็ตั้งห้าสิบตำลึงเงินเชียวหรือ แบบนี้มันปล้นกันชัดๆ อย่าคิดว่าเราชอบสำมะเลเทเมา แต่เราก็ไม่ใช่คนโง่นะ เจ้าโกงข้าเช่นนี้ อีกทั้งยังใจร้ายใจดำ เสียแรงที่รู้จักกันมานาน ข้ายังช่วยเจ้าไว้ตั้งหลายเรื่อง” 

 

 

“แม้จะเป็นพี่น้องแท้ๆ ข้าก็คิดเงินทั้งนั้น แน่นอนว่าเจ้าไม่อาจบังคับขู่เข็ญขอกินเปล่าๆ อีกอย่าง นี่ก็ไม่ใช่เนื้อย่างธรรมดา ข้ายังต้องสิ้นเปลืองเครื่องปรุงรสต่างๆ มากมาย หากไม่อร่อยจริง คงไม่เก็บเงินเจ้าแพงถึงเพียงนี้ ต้องใช้เงินมาแลกของสิถึงจะถูก หากพวกเจ้าไม่อยากกินก็ช่างเถิด” 

 

 

“อาเหรา เหตุใดเจ้าถึงได้เป็นคนเช่นนี้?” จวินอู่เหินโกรธเคือง เมื่อนึกถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่หอจุ้ยเซียน เขาที่โดนฉู่เกอขู่เข็ญเอาเงินไปเสียหลายร้อยตำลึงเงิน ทันใดนั้นก็ร้อนรนขึ้นมา ครั้งนี้เขาไม่ยอมที่จะโดนหลอกต้มอีกเป็นครั้งที่สองแน่ 

 

 

“จะกินหรือไม่?” ใบหน้าของอวี้อาเหราไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ สำหรับจวินอู๋เหินที่มีดีก็แค่เรื่องเงินนั้น แน่นอนว่านางไม่ได้ล้อเล่นแน่ หากมีเงินเหลือกับตัวเขาก็คงจะเอาไปจ่ายให้เหล่าหญิงที่อยู่ที่หอวั่นฮวา เช่นนั้นมิสู้เอาเงินมาให้นางยังจะดีกว่า แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในมือของนางแล้ว เงินนี้ก็คงถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน 

 

 

จวินอู๋เหินที่เห็นว่าพูดอย่างไรก็คงไร้ประโยชน์ จึงโกรธเคืองขึ้นมา “เจ้าไม่ยอมให้พวกเรากิน เช่นนั้นเราก็จะแย่งให้ได้!” 

 

 

“มีปัญญาก็ลองแย่งดูสิ” อวี้อาเหราร้องขึ้นไปในอากาศ พวกต้าเว่ยและเหล่าองครักษ์ต่างก็พุ่งเข้ามา จากนั้นก็แย้มยิ้มแล้วมองไปทางจวินอู่เหิน “เจ้าคิดให้ดีแล้วกัน ว่าจะเข้ามาแย่งหรือไม่” 

 

 

จวินอู่เหินและฟู่เส่าชิงเห็นดังนี้ก็พูดไม่ออก 

 

 

ฟู่เส่าชิงเปยรอยยิ้มสว่างบนใบหน้า แล้วยื่นเงินห้าสิบตำลึงเงินที่ควักออกมาจากอกส่งให้อวี้อาเหรา พร้อมทั้งกล่าวว่า “ก็แต่เงินเองมิใช่หรือ? เหตุใดเราจะไม่มีเล่า อีกอย่างก็ไม่ได้มากมายเท่าไร จ่ายเงินไปห้าสิบตำลึงเงินแล้วสามารถกินเนื้อย่างที่ปรุงโดยคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว” 

 

 

“องค์ชายแห่งเป่ยเจียงช่างไม่เหมือนคนอื่นยิ่งนัก เจ้าเข้ามาได้” อวี้อาเหรารับเงินมา แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในทันที 

 

 

จวินอู๋เหินโกรธเคืองเป็นที่สุด ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมหลีกทาง อีกทั้งยังไม่ยอมขยับ 

 

 

ที่เขาโกรธเคืองนั้น เป็นเพราะครั้งก่อนเขาก็โดนโกง ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ครั้งนี้ก็ยังโดนหลอกแบบโง่ๆ อีกแล้ว ช่างน่าเจ็บใจนัก! 

 

 

อวี้อาเหราเห็นเขาไม่ยอมหลีกทาง ก็หมดความอดทน “ท่านอ๋องน้อย เจ้าก็เป็นคนมีหน้ามีตา เหตุใดถึงได้พาลพาโลเช่นนี้นะ ไม่ขายหน้าคนอื่นเขาบ้างหรืออย่างไร”