ตอนที่ 577 ขายหน้าอะไร / ตอนที่ 578 ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 577 ขายหน้าอะไร 

 

 

 

 

 

“ขายหน้าอะไร?” จวินอู๋เหินถามอย่างไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย 

 

 

“…” อวี้อาเหราหมดคำจะเอ่ย 

 

 

จวินอู๋เหินนี่ช่างเป็นคนที่หน้าไม่อายเสียเหลือเกิน มีเรื่องอะไรก็พร้อมที่จะพูดออกมา ไม่ได้กลัวที่อวี้อาเหราว่ากล่าวเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างครั้งที่แล้วเขาก็เสียเปรียบไปมาก ไหนเลยจะอดทนอดกลั้นได้ ในเมื่อสร้างปัญหาให้ฉู่เกอไม่ได้ เขาก็พาลไปทั่ว 

 

 

พวกเขาทั้งสองยืนอยู่หน้าประตู ฟู่เส่าชิงที่จ่ายเงินแล้วจึงเข้ามากินได้อย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเขาเข้ามาแล้ว พวกเจาเอ๋อร์ก็หลีกทางให้ ทั้งยังย่างเนื้อให้เขากินแต่เพียงผู้เดียว บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมามองจวินอู๋เหิน เหมือนยั่วยุทั้งยังเหมือนโอ้อวดอยู่ในที 

 

 

อวี้อาเหราเห็นว่าด้านในกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ตัวนางที่ยื่นขวางจวินอู๋เหินอยู่ก็รู้สึกหมดสนุก นางขมวดคิ้วแล้วมองไปทางเขา “เจ้าจะเข้ามาหรือไม่เ อย่างไรเจ้าก็เป็นถึงท่านอ๋องน้อย จะมามัวยืนอยู่ที่ลานบ้านของข้าทำไมให้เปล่าประโยชน์?” 

 

 

“ไม่เข้า” จวินอู๋เหินตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย 

 

 

อวี้อาเหรารำคาญ ทันใดนั้นดวงตาก็พลันสว่างไสว “วันนี้เจ้าไปที่หอวั่นฮวามามิใช่หรือ หากข้าเอาเรื่องนี้ไปทูลต่อหนานหยางอ๋อง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะจัดการกับเจ้าอย่างไร?” 

 

 

“นี่เจ้าขู่ข้าหรือ?!” จวินอู๋เหินเข้าใจความหมายของนาง ทันใดนั้นก็ยิ้มเ**้ยมขึ้นมา 

 

 

“ข้าไปขู่เจ้าตอนไหนกัน?” อวี้อาเหราแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง 

 

 

จวินอู่เหินเห็นนางเลียนแบบท่าทางของเขาเมื่อครู่นี้แล้วก็แค่นลมหายใจออกจากจมูกแรงๆ อย่างอารมณ์ไม่ดี “อยากพูดอะไรก็พูดไปเลย ในเมื่อไม่มีพยานหลักฐาน ก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก วันนี้ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ดูสิว่าเจ้าจะให้ข้าเข้าไปโดยไม่ต้องจ่ายเงินได้หรือไม่!” 

 

 

เมื่อพูดจบ สายตาของเขาก็มองไปทางกลุ่มองครักษ์ จากนั้นก็หันกลับมามองอวี้อาเหรา หัวเราะแล้วกล่าวว่า “เจ้าอย่าคิดว่าจะให้พวกเขามาต่อกรกับข้า อย่าได้คิดว่าข้าไม่มีคนของข้า ถ้าหากจะสู้จริงๆ อย่างไรก็ต้องได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่ายแน่!” 

 

 

อวี้อาเหรามองท่าทีไร้ทางเลือกของเขานิ่งๆ จากนั้นมุมปากของเขาก็โค้งขึ้น แล้วมองไปทางด้านหลัง  

 

 

“ฟู่เส่าชิง เจ้าว่าหากเราสองคนไปทูลหนานหยางอ๋องที่จวนหนานหยางว่าท่านอ๋องน้อยจวินไปหอวั่นฮวาในวันนี้ เจ้าว่าจะเป็นอย่างไร?” 

 

 

จวินอู๋เหินหัวเราะเสียงเย็น “ข้าไม่ช่วยเจ้าเปล่าๆ แน่” 

 

 

“อย่างนั้นหรือ?” อวี้อาเหราเลิกคิ้ว แล้วยิ้มออกมา “ฟู่เส่าชิง หากเจ้ายอมไปจวนหนานหยางพร้อมกับข้า เงินค่าเนื้อย่างนี้ข้าจะละเอาไว้” 

 

 

หึ! เงินแค่ห้าสิบตำลึงเงินยังจะเก็บอีกหรือ? ยามนี้ในใจของจวินอู่เหินกำลังหัวเราะเสียงหยัน 

 

 

แต่ไม่คิดว่า ฟู่เส่าชิงจะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วรับปากทันที “ก็ได้ ตกลง!” 

 

 

“เพื่อเงินเพียงห้าสิบตำลึง เจ้าถึงกับยอมขายข้าเชียวหรือ?” ความโกรธของจวินอู๋เหินยิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น เขาก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อจริงๆ แต่ที่มากกว่านั้นก็คือความเศร้าเสียใจ มิตรภาพที่มีนั้นไม่อาจช่วยอะไรได้เลย วันเวลาที่เคยดื่มเหล้าเคล้านารีด้วยกัน เขาเคยคิดว่าจะสามารถทำให้ความสัมพันธ์นั้นลึกซึ้งเสียแล้ว แต่เพียงชั่วพริบตาก็กลับขายเขาด้วยเงินเพียงห้าสิบตำลึง 

 

 

ฟู่เส่าชิงหัวเราะเบาๆ “การไปเที่ยวที่หอวั่นฮวาเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดังนั้นจะต้องให้หนานหยางอ๋องสั่งสอนเจ้าให้มากขึ้นถึงจะถูก” 

 

 

ไม่ถูกต้องกับผีน่ะสิ! หากเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แล้วเหตุใดเขาถึงเข้าออกหอวั่นฮวาเป็นว่าเล่นเล่า? จวินอู๋เหินสาปแช่งอยู่ในใจ 

 

 

อวี้อาเหราถามขึ้นอย่างสาแก่ใจยิ่งนัก “ตอนนี้เจ้าอยากจะเข้ามากินเนื้อย่าง หรือว่าอยากจะไปที่จวนหนานหยางอ๋องเพื่อ…” 

 

 

“กินเนื้อย่าง!” จวินอู๋เหินแทบจะกัดฟัน แต่ละคำที่พูดออกมาล้วนลอดผ่านไรฟันทั้งสิ้น 

 

 

อวี้อาเหราแบบมือออก ยื่นมือออกไปรับเงิน 

 

 

จวินอู๋เหินดึงเงินออกมาจากสาบเสื้อที่หน้าอกห้าสิบตำลึง แล้วโยนใส่มือของอวี้อาเหรา 

 

 

อวี้อาเหรานับเงินที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่นี้เป็นจำนวนร้อยตำลึงเงิน สำหรับครอบครัวที่ไม่มีอันจะกินนั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว และเมื่อรวมเข้ากับเงินปลอบขวัญที่ไทเฮามอบให้ในครั้งก่อน นางก็สามารถมอบเงินคืนให้อนุสี่เป็นจำนวนหนึ่งหมื่นตำลึงแล้ว ทั้งยังเหลืออีกตั้งมากทีเดียว 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 578 ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย 

 

 

 

 

 

เมื่อจวินอู๋เหินเห็นท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่องของนางแล้ว ในใจของเขาก็ไม่ใคร่จะยินดีนัก คนที่ถูกโกงจนต้องเสียเงินจะมีใครดีใจกัน? อีกทั้งเห็นฟู่เส่าชิงกลับกินได้อย่างออกรสออกชาติถึงเพียงนั้น เขาก็โกรธเสียจนหิว หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อใส่ปากทันทีแล้วกลืนลงท้องไปจนหมด 

 

 

“เจ้าเป็นถึงท่านอ๋องน้อย เพียงเสียเงินห้าสิบตำลึงเงินเองมิใช่หรืออย่างไร เหตุใดจึงต้องอาลัยอาวรณ์เช่นนี้ด้วย ขี้เหนียวเหมือนสตรีไม่มีผิดเชียว” ฟู่เส่าชิงที่กำลังจะคีบเนื้อเข้าปาก แต่ถูกแย่งไปเช่นนี้กลับไม่โกรธ ทั้งยังมองท่าทีไร้สาระของเขาอย่างขบขัน 

 

 

จวินอู๋เหินสบถออกมา “แม้จะบอกว่าบ้านข้าร่ำรวย แต่เงินไม่ใช่ของที่จะเอามาใช้อย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้!” 

 

 

เมื่อพูดจบ ก็สั่งให้สาวใช้คีบเนื้อที่ย่างสุกแล้วส่งให้จนวุ่นวายไปหมด 

 

 

เพียงมีเขานั่งอยู่คนเดียวในห้อง บรรดาสาวใช้ก็รู้สึกขนลุกแล้ว เพราะไม่อยากจะล่วงเกินจนเป็นใหญ่เป็นโต 

 

 

“อ้อ ไม่ควรเอามาใช้สิ้นเปลืองหรือ? เจ้านี่พูดจาไม่อายฟ้าอายดินเสียจริง ก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าใครกันที่ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยใหญ่โต ทุบร้านคนอื่นเขาเสียพัง ทั้งยังใช้จ่ายเงินไปหลายพันตำลึงเงิน จากนั้นใครก็ไม่รู้เมื่อพบหญิงในหอคณิกาที่ถูกใจ ก็แต่งนางมาเป็นเมียทาส เสียเงินไถ่ตัวเป็นหมื่นตำลึงอย่างไม่เสียดาย สุดท้ายเป็นอย่างไรเล่า? ถูกหนานหยางอ๋องไล่ตี เรื่องไร้สาระเช่นนี้พูดเท่าไรก็ไม่หมด แล้วเจ้ายังกล้าที่จะพูดเรื่องใช้เงินสิ้นเปลืองอีกหรือ ข้าว่านะเป็นเพราะเจ้านั้นแค้นท่านหญิงเซิ่นเมื่อครั้งก่อน เพราะอย่างนั้นจึงไม่พอใจต่างหาก!” 

 

 

เมื่อพูดจบฟู่เส่าชิงก็หัวเราะเยาะ 

 

 

จวินอู๋เหินได้ยินเขาพูดเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร ทำได้แต่เพียงก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ ความโกรธก็ลดทอนลงไปมาก 

 

 

อวี้อาเหราได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็ให้พวกต้าเว่ยออกไป แล้วจึงเดินเข้ามาเอ่ยกับจวินอู๋เหินว่า “เจ้าทำให้สาวใช้ของข้ากลัวหมดแล้ว อย่างนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้” 

 

 

“ตกใจกลัวหรือ? พวกนางขี้ขลาดถึงเพียงนั้นเชียวหรืออย่างไร” จวินอู๋เหินว่าเสียงเบา “ก็แค่สาวใช้ไม่กี่คนเองมิใช่หรือ? หากพวกนางตกใจกลัวจนตายจริงๆ ข้าจะส่งมาให้ใหม่อีกสิบคน ล้วนแล้วแต่เป็นสาวใช้ที่ถูกอบรมมาจากจวนหนานหยางอ๋องของข้า ไม่ด้อยไปกว่าพวกนางแน่” 

 

 

เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สาวใช้ที่กำลังย่างเนื้ออยู่ก็จกใจเสียจนตัวสั่น 

 

 

อวี้อาเหราไม่ยินยอม “ข้าไม่อยากได้ เจ้าเก็บเอาไว้รับใช้เจ้าเองเถิด” 

 

 

จวินอู๋เหินถอนสายตากลับมา ก่อนจะมองไปรอบๆ อย่างไม่ชอบใจ “กินเนื้อย่างแต่ไม่มีเหล้าได้อย่างไรกัน” 

 

 

“ไม่มีเหล้า และที่นี่ก็ไม่ใช่หอวั่นฮวา ดูเจ้าสิ ดื่มเหล้ามาตั้งมากมายแล้ว หากยังดื่มอีกเจ้าก็คงไม่ต้องกลับจวนหนานหยางอ๋องหรอก หนานหยางอ๋องคงได้กลิ่นเหล้าหึ่งของเจ้าแล้วตามมาจับตัวที่นี่ได้แน่ ตอนนั้นเจ้าคงถูกเฆี่ยนตีเจ็บเลยทีเดียว” อวี้อาเหราว่าอย่างเยาะเย้ย 

 

 

จวินอู๋เหินก้มหน้าลง “เจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอก นั่งลงกินด้วยกันเถิด หากเจ้าเอาแต่บ่นว่าเช่นนี้ เนื้อคงไม่เหลือให้เจ้ากินอีกแล้ว” 

 

 

อวี้อาเหรามองไปที่เมี่ยวอวี้ที่กำลังหั่นเนื้อ ก็บอกให้นางนั่งลงแล้วกินเสีย เปลี่ยนให้ชิงอวิ๋นไปหั่นอีกครั้ง 

 

 

คนตั้งมากถึงเพียงนี้ หากให้หั่นเพียงคนเดียวน่าจะไม่พอ และเนื้อแต่ละชิ้นก็ต้องแล่บางเฉียบ แน่นอนว่าคงได้ไม่เท่าไหร่ เนื้อที่ถูกกินไปแล้วสองสามจาน ทุกคนผลัดกันกิน ข้าคำหนึ่งเจ้าคำหนึ่ง ผ่านไปไม่นานก็หมดแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงตั้งตารอกันถ้วนหน้า 

 

 

หลังจากนั่งลงแล้ว อารมณ์โกรธของจวินอู๋เหินก็ค่อยๆ ดีขึ้น ในยามนี้เอง อวี้อาเหราจึงค่อยถามคนทั้งสองอย่างสงสัย “จริงสิ พวกเจ้ามาที่นี่ทำไมกัน” 

 

 

ก่อนหน้านี้นางเคยถามไปแล้ว แต่ก็ถูกเมินไปเสียสิ้น 

 

 

ทั้งสองคนไม่ใช่คนที่อยากจะมาก็มา พวกเขาจะต้องมาเพราะมีเรื่องอะไรแน่ 

 

 

เมื่อคิดเช่นนั้น ก็ได้ยินจวินอู๋เหินที่ตีสีหน้าจริงจังแล้วอธิบายขึ้นมา 

 

 

“เมื่อวานนี้พวกเราค้างที่หอวั่นฮวา ตอนที่เราออกมานั้นได้ยินคนพูดกันว่าเจ้าและสองพี่น้องจากจวนเซิ่นอ๋องแอบไปกินปลาร้อนที่พระแท่นวายุจันทราจนฮ่องเต้ทรงพิโรธ จึงคุมตัวเจ้าเข้าวังหลวงไป จากนั้นก็ได้ยินมาว่าไทเฮาช่วยเหลือเจ้าไว้ ดังนั้นจึง…”