บทที่ 722 ยินดีต้อนรับกลับทีม

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 722 ยินดีต้อนรับกลับทีม

“ชิงเฉิน!นายคือชิงเฉินเพื่อนรัก!”

“ฮ่าฮ่า ชิงเฉินเพื่อนรักยังมีชีวิตอยู่!”

“ดีจังเลย มันดีมากจริงๆ!”

อีกฝั่งของสาย ฉานเจี้ยนและคนอื่นๆตื่นเต้นไม่แพ้กัน รอไม่ไหวเอาศีรษะโผล่เข้ามาในหน้าจอ

ชิงเฉินปาดน้ำตาที่ไหลแล้วพูดว่า :“ท่านอิมพ์แห่งนรก ได้เห็นพวกท่านมันดีมากเกินไปจริงๆ”

“ผมยังคิดว่า…….”

“ใช่แล้ว ฉินเทียนนี่มันเรื่องอะไรกัน?”

หวูฉางหัวเราะฮ่าๆ :“ชิงเฉิน ถูกเจ้าสำนักทารุณมาใช่หรือไม่?ไม่ต้องเสียใจไป ในครั้งแรกที่ฉันเจอเขา ก็ถูกทารุณจนไม่ไหว”

“ฉินเทียนไม่ใช่พวกเราเรียกหรอกนะ ยังไม่รีบเรียกเจ้าสำนัก”

“เจ้าสำนัก?” ชิงเฉินยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเล็กน้อย

ชุยหมิงหัวเราะ : “เขาคือผู้สืบทอดของเถ้าแก่ใหญ่ เป็นเจ้าสำนักของพวกเรา!”

“เจ้าสำนักยังได้จัดตั้งองค์กรคำสาปสวรรค์ขึ้นมา ตอนนี้ได้พัฒนากลายเป็นห้าพญายมแห่งนรกแล้ว!”

“ชิงเฉิน ยินดีต้อนรับกลับทีม ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”

“ที่พวกเขาพูดมันคือเรื่องจริงใช่ไหม?”

“ท่านอิมพ์แห่งนรก คุณรีบบอกฉันที!” ชิงเฉินตื่นตระหนกจนตัวสั่น

เพียงแค่ได้รับการยืนยันจากฉานเจี้ยน ในที่สุดชิงเฉินก็เชื่อโดยไม่มีข้อสงสัย เสียงดังพั่บ เขาคุกเข่าต่อหน้าฉินเทียน

“เสื้อเลือดชิงเฉินเคยได้พบเจ้าสำนัก!”

“การต่อสู้ในต่างประเทศ ฉันได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก หลังจากอาการสาหัส ก็ถูกน้ำทะเลพัดลอยออกไปและก็มีเรือชาวประมงลำหนึ่งช่วยเหลือไว้”

“ต่อมาจ้าวคงได้ไปทำธุรกิจในต่างประเทศ ได้รับการช่วยเหลือจากเขา ผมถึงได้กลับมา ผมสัญญาว่าจะรับใช้เขา จนกระทั้งฆ่าไปอย่างน้อยสิบคน”

“เจ้าสำนัก ผม——”

ฉินเทียนพยักหน้าแล้วยิ้ม :“ชิงเฉินเพื่อนรัก เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมันอีกแล้ว”

“มีอะไรที่ผิดพลาดไป หลังจากนี้ก็ค่อยๆชดใช้”

“ตอนนี้ ผมขอเป็นตัวแทนท่านอาจารย์ของผม เหล่าพี่น้ององค์กรคำสาปสวรรค์ ตอนรับคุณกลับทีม”

ชิงเฉินอยากจะพูดอะไร แต่จู่ๆ ก็มีเสียงปังอย่างดังดังขึ้นมาจากชั้นบน หลังจากนั้นมีแสงเปลวไฟพุ่งขึ้นไปบนฟ้า

“นี้มันเรื่องอะไรกัน?หวังเหล่าหู่ล่ะ?”ฉินชวนช็อก ต้องการพุ่งเข้าไปข้างใน

“ไม่รีบ”

ฉินเทียนหัวเราะ แล้วมองไปทางประตู ไม่นานก็ปรากฎเงาที่งดงามขึ้นสองร่าง

เหลิ่งหยุนและหูรั่วหลันใช้รถเข็นเข็นหวังเหล่าหู่เดินออกมา

มองดูสีหน้าที่ผิดหวังของหวังเหล่าหู่ มีแผนการหนึ่งผุดขึ้นมาบนสมองของฉินเทียน

“หวังเหล่าหู่ มีเรื่องมากมาย ที่ผมไม่ต้องพูด เชื่อว่าคุณก็เข้าใจดีอยู่แล้ว”

“มีโอกาส พวกเรามาคุยกันดีดีเถอะ”

“ฉินชวน พาเขาขึ้นรถ”

ฉินชวนรีบนำหวังเหล่าหู่ขึ้นไปบนรถ

ฉินเทียนเห็น หางตาของหูรั่วหลันมีคราบน้ำตา เหลิ่งหยุนพูดด้วยเสียงเบาเบา : “เจ้าอ้วนคนนั้นปากแข็งจริงๆ ถึงตายก็ไม่ยอมปริปากบอกความจริงออกมา”

“เพียงแค่รั่วหลันใช้เก้าเก้าแปดสิบฟันครั้งเดียว ส่งเขากลับสู่โลกหลังความตาย หลังจากนั้นกลายเป็นเถ้าถ่านท่ามกลางทะเลไฟ”

ฉินเทียนเข้าใจความรู้สึกของหูรั่วหลัน อดทนมาสามปี เจ้าอ้วนหมีเล่อเป็นศัตรูคนแรกที่ฟันด้วยมือของเธอ เป็นการเบิกทางการแก้แค้นอย่างเป็นทางการ

แต่ทว่าเขายังหน้านิ่วคิ้วขมวด “คุณมาได้ยังไง?”

“แล้วทำไมถึงอยู่กับรั่วหลัน?”

ก่อนหน้านี้เขากับเหลิ่งหยุนมาที่นี่ด้วยกัน ไปบ้านเก่าของพ่อแม่เหลิ่งหยุนแล้วไปรับบัญชาซีจุน ในตอนนั้นเหลิ่งหยุนบอกว่า จะอยู่ต่ออีกสักพัก คิดถึงพ่อแม่

เหลิ่งหยุนยิ้ม : “ยังจำเพื่อนสนิทของแม่ฉันได้ไหม ซากุราโกะ?”

“บทบาทภายนอกของเธอ ก็คืออาจารย์สอนเครื่องปั้นดินเผามหาวิทยาลัยโทยามะ ในความบังเอิญของโชคชะตา เธอได้รับรั่วหลันมาเป็นศิษย์ สอนวิชานินจาให้เธอโดยเฉพาะ”

“ครั้งที่แล้วตอนที่พวกเราออกจากญี่ปุ่น ซากุราโกะก็ขอร้องฉันเมื่อถึงซีเป่ยให้ไปหารั่วหลันปกป้องเธอ”

ในที่สุดฉินเทียนก็เข้าใจแล้ว

นี่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เหลิ่งหยุนอยู่ที่ซีเป่ยต่อ เขาคิดอะไรออกก็มองกลับไปที่หูรั่วหลันแล้วพูด : “ก่อนหน้านี้ที่โทรมาบอกผมว่าฮันหลิงอยู่ในอันตราย”

“ในวินาทีสุดท้ายนั้นก็บอกผมอีกว่านั่นคือบักดัก ก็คือเธอใช่ไหม”

หูรั่วหลันพยักหน้า พูดเสียงเบาเบา :“เหลิ่งหยุนเป็นคนให้ฉันทำ”

ขณะนี้ ในที่สุดปริศนามากมายก็ได้คลี่คลายลง

ฉินเทียนถามชิงเฉิน: “สามปีก่อนเรื่องที่ตระกูลหูถูกเผาตายทั้งตระกูล นายรู้เรื่องไหม?”

เมื่อถามประโยคนี้ออกมา เขาก็เป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขารู้ว่าในปีนั้นชิงเฉินอยู่กับจ้าวคง แน่นอนว่าได้ทำเรื่องน่าอับอายลงไปแล้ว

เรื่องอื่นๆล้วนสามารถชดเชยได้ แต่ถ้าหากชิงเฉินเข้าร่วมในเหตุโศกนาฏกรรมเผาล้างตระกูลหูล่ะก็ ก็ยากที่จะปกป้องเขาไว้ได้

ชิงเฉินส่ายหัว : “ผมไม่รู้”

“ในช่วงเวลานั้น ผมยังคงรักษาอาการบาดเจ็บอยู่”

“ต้องการให้ผมทำอะไร เจ้าสำนักโปรดรับสั่ง ผมสามารถไปจับตัวจ้าวคง บังคับให้เขาพูดความจริงออกมา”

ฉินเทียนถอนหายใจแล้วยิ้ม : “ไม่ต้องแล้ว”

“แค่นายต้องกลับไป แล้วบอกว่าภารกิจสำเร็จ หวังเหล่าหู่และเจ้าอ้วนหมีเล่อ ตายไปในกองทะเลเพลิงด้วยกัน”

“อย่างอื่นนั้น ฉันเองวางแผนไว้แล้ว”

ร่างกายชิงเฉินสั่นเทา รีบตอบกลับ : “รับทราบ!”

“ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

มองดูเงาของชิงเฉิน ความเร็วเหมือนกตตัวหนึ่งที่กำลังบินอย่างเร็วไปที่ไกลโพ้น ฉินเทียนรีบพูด : “ไป พวกเรากลับสำนักใหญ่มังกรซ่อนรูป”

เห็นหูรั่วหลันลังเล อกไม่ได้ที่จะถาม : “รั่วหลัน ทำไมเหรอ?”

หูรั่วหลันเหมือนกับจะร้องไห้ สูดหายใจแล้วพูด : “พี่เทียน ฉันอยาก……อยากไปไหว้พ่อแม่ฉันและพี่ชายฉันสักหน่อย”

ฉินเทียนปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”

“วางใจเถอะ ฉันสัญญาไม่เกินสิบวัน เพื่อแก้แค้นให้ตระกูลของพวกคุณ!”

“ถึงตอนนั้น คนที่สมรู้ร่วมคิดทั้งหมด ทั้งหมดสมควรโดนบทลงโทษ”

หูรั่วหลันพยักหน้า เดินไปขึ้นรถกับเหลิ่งหยุน

ในตอนนี้ เสียงรถดับเพลิงที่ดังไกลออกไป ตอนที่เหลิ่งหยุนกับหูรั่วหลันจุดไฟแล้วออกมา เพื่อควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามก็ได้แจ้งความไว้แล้ว  

ฉินชวนไม่ลังเลอีกต่อไปใช้เท้าเหยียบคันเร่ง รถพุ่งออกไปหายไปไปในความมืดมิด

ไม่นานก็กลับถึงสำนักใหญ่มังกรซ่อนรูป คาดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นฉินเทียนควบคุมมังกรซ่อนรูปทิศตะวันตกไว้ได้ หวังเหล่าหู่ก็ช็อกไปชั่วขณะพูดไม่ออก

ตอนที่ได้รู้ว่าฉินเทียนคือแส้มังกร เขาก็มีสีหน้าไม่อยากที่จะเชื่อ

ฉินเทียนให้คนนำตัวหวังถูขึ้นมา ฟังหวังถูพูดรายละเอียดแผนของหยางต้าว หวังเหล่าหู่ก็ด่าคำหยาบคายออกมา  

“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ลูกชายฉันเขาทำความผิดด้วยตัวเขาเอง สมควรตาย!”

“คุณฉิน คุณพาฉันมาที่นี่อย่างลับลับ อีกทั้งยังให้ชิงเฉินไปรายงานข่าวว่าผมได้ตายไปในกองเพลิงแล้ว ก็เพื่อจัดการกับหยางต้าวพวกเขาใช่ไหม?”

“พูดมาเถอะ ต้องการให้ฉันทำยังไร ฉันจะให้ความร่วมมือแน่นอน!”

ตอนนี้ เขาคือไม่มีจิตใจที่จะโต้กลับ ในขณะเดียวกัน เขาต้องยืมมือของฉินเทียน ฆ่าหยางต้าวพวกเขาเหล่านั้น เพื่อแก้แค้นให้ลูกชาย!

“สรุปพวกเขาวางแผนทำร้ายพวกเรายังไง คุณรู้อะไรบ้าง พูดออกมาเถอะ!”หูรั่วหลันพูดด้วยตาที่แดงกำ

ในแววตาของหวังเหล่าหู่แสดงถึงความรู้สึกผิด กัดฟันพูด : “จะว่าไป ผมมันก็สารเลวคนหนึ่ง”

“แต่ก่อนที่เจ้าบ้านหูยังอยู่ ช่วยฉันไว้ไม่น้อยเลย หลังจากพวกเขาเกิดเรื่องขึ้น ฉันก็ไม่ได้รีบทำหน้าที่เพื่อแก้แค้นให้”

“หลังจากบังเอิญรู้มาเรื่องภายในมาเล็กน้อย ด้านหนึ่งคือแก้แค้นคนที่ทำร้ายหยางต้าวเหล่านั้น อีกด้านคือผลประโยชน์ นึกไม่ถึงเลยว่าจะตอบตกลงความร่วมมือกับพวกเขา”

รำลึกความทรงจำที่ผ่านมา เขาอารมย์สับสน

“ในคืนนั้น ฉันรู้ว่าเว่ยเทียนเหอและจ้าวคง จัดงานเลี้ยงเจ้าบ้านหู เจ้าบ้านหูยังเชิญลูกศิษย์จำนวนมาก รวมไปถึงพาร์ทเนอร์มาอีกด้วย”

“ผมรู้สึกว่าตัวเองก็มีตำแหน่งอยู่บ้าง แต่พวกเขากลับไม่ได้เชิญผม ผมเลยรู้สึกแค้นในใจ”

“ฉันรู้สึกว่าเขาดูถูกผม คิดว่าผมเป็นคนที่ไม่สุภาพไม่สามารถขึ้นเวทีได้”

“ผมดื่มเหล้าย้อมใจ หายใจไม่ทั่วท้อง กลางดึกก็ออกมาที่คฤหาสน์หูซื่อ เตรียมที่จะไปหาเจ้าบ้านหูพูดคุย ใครจะคิดว่า———”