แดนนิรมิตเทพ บทที่ 812
“พี่เล่!” ชายวัยกลางคนประสานมือ ท่าทีค่อนข้างยโส

เล่ชิงชางไม่รอช้า รีบประสานมือคำนับกลับ “คุณเอี๋ยน!”

“เชิญนั่ง!”

เอี๋ยนฟู่นั่งลง บรรดาเจ้าสัวลุกขึ้นยืนคารวะและแนะนำตัวทันที

ท่าทีของเอี๋ยนฟู่จองหองมากกว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเล่ชิงชางเมื่อครู่เสียอีก แค่พยักหน้าให้พวกเขาและพูดตามมารยาทอย่างขอไปที

แม้ว่าในใจบรรดาเจ้าสัวจะไม่ยินยอม แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา หากทำให้เอี๋ยนฟู่ขุ่นเคือง ตัดขาดการจัดหาน้ำชีวิตเมื่อไร พวกเขาจะขาดทุนย่อยยับแน่

ตอนนี้น้ำชีวิตเป็นเพียงธุรกิจเดียวที่สามารถทำเงินได้มากกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะถึงอย่างไรชีวิตก็ไร้ค่า!

นี่เป็นเพียงตลาดภายในประเทศเท่านั้น หากส่งออกนอกประเทศ เกรงว่าจะเข้ายึดครองตลาดทั่วโลกทันที ถึงตอนนั้นมูลค่าตลาดของน้ำชีวิตจะเป็นตัวเลขที่น่าสะพรึงกลัว

แต่ได้ยินมาว่าเฉินไต้ซือไม่ได้สนใจเรื่องเงินเป็นพิเศษ มีหลายคนต้องการให้เขาได้สิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำชีวิตในต่างประเทศ เสนอเงินโบนัสสูงเสียดฟ้า แต่ก็ถูกปฏิเสธกันหมด

ตามที่เฉินไต้ซือกล่าว น้ำชีวิตมีไว้เพื่อสร้างความผาสุกให้กับประชาชนหัวเซี่ยเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อหากำไร

เล่ชิงชางเชิญเอี๋ยนฟู่มาได้ ทำให้บรรดาเจ้าสัวรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาคิดว่าช่องว่างระหว่างตนกับตระกูลเล่นั้นไม่มากนัก ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันต่างมาก!

เล่ชิงชางมองไปที่บรรดาเจ้าสัวพลางกล่าวว่า “คุณเอี๋ยนได้รับปากว่าจะตัดขาดการจัดหาน้ำชีวิตของหอการค้าโม่เจียแล้ว”

“เอ๊ะ จริงหรือ?” บรรดาเจ้าสัวทั้งหลายต่างพากันยินดี

เล่ชิงชางมองไปที่เอี๋ยนฟู่ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณเอี๋ยนรับปากด้วยตัวเอง จะไม่จริงได้อย่างไร?”

“พรุ่งนี้พวกคุณเชิญผู้จัดการของหอการค้าโม่เจียมาที่นี่ พวกเรามาช่วยกันกดดัน ถ้าหอการค้าโม่เจียยินดีถอนตัวออกจากจงไห่ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น หากพวกเขายังคงดื้อดึงไม่เปลี่ยน คุณเอี๋ยนได้โปรดออกหน้าช่วยเหลือด้วย!” เล่ชิงชางประสานมือให้เอี๋ยนฟู่

เอี๋ยนฟู่คารวะตอบ “พี่เล่ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าหอการค้าโม่เจียไม่รู้กาลเทศะ ผมจะทำให้เขาแตะต้องน้ำชีวิตไม่ได้อีกต่อไป”

เล่ชิงชางดีใจมาก “ได้ยินคุณเอี๋ยนพูดแบบนี้ผมก็เบาใจแล้ว!”

หลังจากแผนเสร็จสิ้น ทุกคนก็แยกย้ายกลับ ตั้งตารอที่จะขับไล่หอการค้าโม่เจียออกจากจงไห่ในวันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตาม ในคืนนั้น จู่ๆ ก็มีคนมาจากตระกูลหยุน

เขาพูดอะไรบางอย่างกับเล่ชิงชางด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตร

เล่ชิงชางฟังจบก็โกรธมาก โกรธจนโยนถ้วยน้ำชาลงบนพื้น ตะโกนด่าลูกอกตัญญู นำความอัปยศมาสู่วงศ์ตระกูล ไม่น่าฟังเอาเสียเลย

จากนั้นเล่ชิงชางก็เรียกเล่หรูเฟิงเข้ามา สั่งให้เล่หรูเฟิงติดตามคนจากตระกูลหยุนที่เพิ่งส่งกลับไป

วันถัดมา เฉินซงจื่อได้รับคำเชิญจากตระกูลเล่และเจ้าสัวอื่นๆ ในเมืองจงไห่ เชิญเขาไปหารือเรื่องการค้าที่ตระกูลเล่

เฉินซงจื่อยิ้มเล็กน้อย ไปร่วมงานตามลำพัง

ในห้องโถงของตระกูลเล่ เล่ชิงชางนั่งที่หัวโต๊ะ มองดูประตูใหญ่ที่เงียบสงบ รอคอยการมาถึงของเฉินซงจื่อ

บรรดาเจ้าสัวรายอื่นรู้สึกประหม่าเล็กน้อย หลีเจี้ยนฮุยถามขึ้น “พี่เล่ ผู้จัดการของหอการค้าโม่เจียจะกลัวจนไม่กล้ามาหรือไม่?”

เล่ชิงชางส่ายหัว “ไม่มีทาง หอการค้าโม่เจียมีเป้าหมายสูงมาก ไม่มีทางกลัวจนหนีไปง่ายๆ”

ขณะที่กำลังคุยกัน เฉินซงจื่อในชุดจีวรนักพรตเต๋าสีฟ้าอมเขียวร่อนลงมา เท้ายังไม่แตะพื้น ค่อยๆ ลงสู่กลางห้องโถง มองดูฝูงชนด้วยสีหน้าเฉยเมย

สีหน้าของเล่ชิงชางและบรรดาเจ้าสัวเปลี่ยนไป พวกเขารู้เพียงว่าเฉินซงจื่อเป็นนักบู๊ แต่ไม่คิดว่าพลังบำเพ็ญของเขาจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้แล้ว

“ท่านพรตเฉิน นี่ท่านต้องการแสดงอิทธิฤทธิ์ต่อหน้าพวกเราหรือ?” เล่ชิงชางพูดทีเล่นทีจริง ความไม่พอใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขา

เมื่อมีการควบคุมจากตระกูลหยุน เขาเชื่อว่าเฉินซงจื่อจะไม่มีวันกล้าใช้พลังวิชาบู๊กับคนธรรมดาอย่างพวกเขา

เฉินซงจื่อยิ้มเล็กน้อย ตาต่อตาฟันต่อฟัน “พวกคุณบรรดาเจ้าสัวแห่งเมืองจงไห่ร่วมมือกันเชิญผมมา ไม่ใช่เพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์อวดผมเหรอ?”

แค่ประโยคนี้ก็ทำให้ทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้

เรื่องในวันนี้ เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีแล้ว

เล่ชิงชางมีสีหน้าจริงจัง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ในเมื่อเช่นนี้ พวกเราก็มาเข้าประเด็นงั้นเลยเถอะ!”

“ผมก็คิดเช่นเดียวกัน!” เฉินซงจื่อพูดจบก็หาที่นั่งนั่งลงด้วยท่าทีจองหอง โดยไม่ต้องรอให้เล่ชิงชางเชื้อเชิญ