ตอนที่ 518 กินอมยิ้ม / ตอนที่ 519 ก้าวหน้าไปก้าวหนึ่งเล็กๆ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 518 กินอมยิ้ม 

 

 

           จู่ๆ ด้านหลังก็มีเงาคนคนหนึ่งเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ เขายืนอยู่ไม่ไกลนัก จ้องมองเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน 

 

 

           ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ 

 

 

           คนคนนั้นค่อยๆ เดินมุ่งหน้าเข้าสู่จุดศูนย์ไปหาเด็กหนุ่มคนนั้น 

 

 

           มั่วไป๋รู้สึกได้ว่าข้างๆ เขามีคนอยู่ เมื่อได้สติกลับคืนมาก็มองตามเข้าไป ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาเล็กน้อย 

 

 

           “นายตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” 

 

 

            ใบหน้าไป๋จิ่งยังคงอยู่ในอาการป่วย แต่นัยน์ตากลับประกายรอยยิ้ม “เมื่อกี้” 

 

 

           เขาตื่นมาพบว่ามั่วไป๋ไม่อยู่ในห้อง เขาก็ลงมาตามหามั่วไป๋อย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น 

 

 

           ผลสุดท้ายดันมาเจอเขาอยู่ที่นี่ 

 

 

           มั่วไป๋นั่งอยู่บนเก้าอี้แขวนโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว ทำให้หัวใจของเขาบีบคั้น 

 

 

           ราวกับมีคนยื่นมือเข้ามาบีบหัวใจไว้อย่างหนักหน่วงและรุนแรง มันค่อยๆ รัดตัวแน่นขึ้นทีละนิดๆ จากนั้นก็ปล่อยออกทันที 

 

 

           วนเวียนครั้งแล้วครั้งเล่า เจ็บจนฝังลึกในหัวใจ 

 

 

           “ป่วยแล้วก็นอนพักดีๆ อย่ามาเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก” มั่วไป๋เอ่ยเสียงต่ำ 

 

 

           นัยน์ตาไป๋จิ่งทอประกายความดีใจ นี่มั่วไป๋กำลังเป็นห่วงเขาอยู่ใช่ไหม 

 

 

           เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกอย่างไรชอบกล ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตอนนี้ทุกครั้งที่เห็นมั่วไป๋ ตัวเองก็จะเหมือนกับเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

            ขอเพียงแต่มั่วไป๋ดีกับเขานิดหน่อย หัวใจเขาก็ไม่ต่างกับกวางน้อยที่วิ่งโลดแล่นแล้ว 

 

 

           “แล้วคุณล่ะ คุณก็ไม่สบายไม่ใช่เหรอ” 

 

 

           มั่วไป๋ถูกเขาถามอย่างนี้ ตัวเองก็พูดไม่ออกทันที 

 

 

           จู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ไป๋จิ่งพูดมานั้นถูกต้องมากทีเดียว เขาเองก็เป็นผู้ป่วย มีเหตุผลอะไรไปบอกคนอื่น 

 

 

           “ผมนั่งเป็นเพื่อนคุณตรงนี้ได้หรือเปล่า” ไป๋จิ่งเอ่ยเสียงต่ำ 

 

 

           ถ้ามั่วไป๋นั่งอยู่คนเดียวดูโดดเดี่ยวเกินไป ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะอยู่เป็นเพื่อนมั่วไป๋ตรงนี้ 

 

 

           พวกเขาอยู่ด้วยกันสองคน แบบนี้ก็จะไม่โดดเดี่ยวแล้ว 

 

 

           มั่วไป๋ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้พยักหน้ารับ ท่าทีแบบนี้ในสายตาของไป๋จิ่งบอกเป็นนัยว่าเขานั่งอยู่ข้างๆ ด้วยได้ 

 

 

           ด้วยเหตุนี้ไป๋จิ่งจึงตัดสินใจทำตัวเป็นคนหน้าหนาหน้าทน อยากอยู่เคียงข้างมั่วไป๋ 

 

 

           ขอเพียงแต่มั่วไป๋ไม่ออกเสียงไล่เขาไป เขาก็จะไม่ไป 

 

 

           แน่นอนว่าต่อให้ไล่เขาไป เขาก็จะไม่ไปเหมือนเดิม 

 

 

           ถึงอย่างไรเมื่อตัดสินใจจะด้านได้อายอดแล้ว ยังมีอะไรให้ต้องกลัวอีก 

 

 

           สถานที่แห่งนี้ที่พวกเขาสองคนอยู่ไม่ใช่ที่โล่งแจ้ง เพดานมุงด้วยกระจกใส ลมจากข้างนอกไม่เข้ามา ดังนั้นอากาศข้างในจึงไม่หนาว 

 

 

           ตรงกันข้ามมันสบายมาก 

 

 

           และก็เพราะเหตุผลนี้ด้วย ไป๋จิ่งถึงได้เห็นด้วยที่จะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนมั่วไป๋ 

 

 

           ทั้งสองคนอยู่กันอย่างนี้ นั่งเคียงกันไม่อะไรพูดสักคำ 

 

 

           จู่ๆ ไป๋จิ่งก็ลุกยืนขึ้นมากะทันหัน มั่วไป๋เอียงหน้ามองเขาแวบหนึ่ง  

 

 

           ก็เห็นเพียงแค่ไป๋จิ่งพูดมาประโยคเดียว “รอผมก่อนนะ” แล้วก็วิ่งออกไป 

 

 

           มั่วไป๋มองดูเขา แค่เพียงไป๋จิ่งเพิ่งจะไปเองเท่านั้น เขาก็รู้สึกว่าความอบอุ่นที่ข้างกายนี้ติดตามไป๋จิ่งออกไปด้วย   

 

 

           เขากระชับมือแน่นโดยไม่รู้ตัว ราวกับอยากจะคว้าความอบอุ่นที่เหลืออยู่เมื่อครู่นี้เอาไว้ 

 

 

           ไป๋จิ่งพุ่งตัวเข้าร้านสะดวกซื้อข้างๆ ซื้ออมยิ้มสองแท่ง แล้ววิ่งออกมาอีก 

 

 

           เขาวิ่งมาด้วยความเร็วมาหยุดอยู่ต่อหน้ามั่วไป๋ เหมือนกลัวว่าถ้าตัวเองช้าแค่เพียงนิดเดียว มั่วไป๋จะสลายหายไปได้ 

 

 

           ไป๋จิ่งกลับมานั่งเก้าอี้ เขายื่นมือส่งอมยิ้มไปอยู่ต่อหน้ามั่วไป๋ 

 

 

           มั่วไป๋เห็นอมยิ้มแท่งนั้น เขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเท่าไหร่นัก เหมือนไม่เข้าใจความหมายของไป๋จิ่งเลย 

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นเขาไม่รับเอาไปสักที ก็ยื่นมือไปแกะซองที่ห่ออมยิ้มไว้ออก แล้ววางอมยิ้มไว้ต่อหน้ามั่วไป๋ 

 

 

           มั่วไป๋จ้องมองอมยิ้มในมือมองดูอยู่นานสองนาน 

 

 

           ไป๋จิ่งถืออมยิ้มอยู่ตรงนั้นไม่ปล่อย ราวกับกำลังรอมั่วไป๋อ้าปากมาตลอด 

 

 

           มั่วไป๋เห็นอมยิ้มสีชมพูชิ้นเล็กนั้น ในที่สุดนัยน์ตาก็ลุกวาว เขาอ้าปากก้มหน้าลงกัดเข้าไป 

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นว่ามั่วไป๋กินอมยิ้มนั้นเสียที รอยยิ้มก็ทอประกายในแววตา 

 

 

           เขาเก็บมือกลับมา แกะอมยิ้มอีกแท่งออกมาวางไว้ในปากตัวเอง 

 

 

           คนสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้เงียบๆ กินอมยิ้มด้วยกัน ทั้งคู่ยังเป็นผู้ชายสองคนที่อายุใกล้จะสามสิบแล้วด้วย 

 

 

           เป็นภาพที่ดูแปลกเหลือเชื่อ  

 

 

            

 

 

ตอนที่ 519 ก้าวหน้าไปก้าวหนึ่งเล็กๆ 

 

 

           มั่วไป๋บีบก้านของอมยิ้มเอาไว้ ในปากเต็มไปด้วยรสหวานหอม 

 

 

           จู่ๆ มั่วไป๋ก็เอียงหน้ามองไป๋จิ่งแวบหนึ่ง รอยยิ้มทอประกายในแววตา 

 

 

           ไป๋จิ่งตัวใหญ่ขนาดนั้นมาอมอมยิ้มไว้ในปากอย่างนี้ดูน่าขำจริงๆ 

 

 

           เขารีบเก็บสายตากลับมา เขายกมุมปากขึ้นเบาๆ ในที่ที่ไป๋จิ่งมองไม่เห็น 

 

 

           …… 

 

 

           บางทีอาจจะไม่มีคนรู้ ว่าที่จริงแล้วเขาชอบกินอมยิ้มมาก 

 

 

           แบบชอบมากเป็นพิเศษแบบนั้น 

 

 

           เพราะรู้สึกว่ารสหวานๆ จะทำให้คนมีความสุขได้ 

 

 

           เพียงแต่ว่าผู้ชายที่โตๆ แล้วอย่างเขามากินอมยิ้มแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ดูจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย 

 

 

           แต่ไป๋จิ่งกลับไม่สนสายตาคนรอบข้าง ปล่อยตัวนั่งกินอมยิ้มเป็นเพื่อนเขาอยู่ตรงนี้ 

 

 

           ในยามที่มั่วไป๋ยังไม่ค้นพบถึงกระแสไออุ่นนี้ มันก็ไหลเข้ามาสู่หัวใจของเขาโดยไม่รู้ตัวแล้ว 

 

 

           เรื่องบางเรื่องถึงปลายทางก็ไม่เหมือนกันแล้ว 

 

 

           ไป๋จิ่งกินอมยิ้มเป็นครั้งแรก รสชาตินี้ให้ความรู้สึกที่บอกออกมาไม่ได้ 

 

 

           เขารู้ว่ามั่วไป๋ชอบกินเค้ก จึงเดาได้ว่าเขาชอบกินของหวาน 

 

 

           เมื่อครู่นี้เขาเดินผ่านเด็กน้อยสองคนที่กำลังกินอมยิ้มอยู่ข้างทาง 

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นแววตามั่วไป๋จดจ่ออยู่ที่อมยิ้มในมือของเด็กสองคนนั้น จึงรีบไปซื้อจากร้านใกล้ๆ นี้มาให้เขา 

 

 

           เขาเคยพูดแล้ว ขอเพียงแต่เป็นสิ่งที่มั่วไป๋อยากได้ เขาก็ให้มั่วไป๋ได้ทั้งนั้น 

 

 

           กลัวมั่วไป๋กินคนเดียวแล้วจะรู้สึกเขินอาย 

 

 

           เขาเลยจงใจซื้ออมยิ้มมาสองแท่ง ในเมื่อมั่วไป๋กินคนเดียวแล้วจะรู้สึกเขินอาย 

 

 

           ถ้าอย่างนั้นเขาก็กินเป็นเพื่อนมั่วไป๋ก็ได้แล้ว 

 

 

           ถึงอย่างไรเขาไป๋จิ่งก็หน้าหนาพอ ไม่กลัวจะเสียหน้าเลยสักนิด 

 

 

           คิดได้เช่นนี้ เขาจึงวิ่งเข้าไปซื้ออมยิ้มมาสองแท่ง 

 

 

           ถึงแม้ว่ารสชาติในปากออกจะแปลกไปสักหน่อย แต่พอเอียงหน้ามองเห็นใบหน้าที่ผ่อนคลายเล็กน้อยของมั่วไป๋แล้ว 

 

 

           เพียงชั่วพริบตาเดียวไป๋จิ่งรู้สึกได้เลย ว่าคราวหลังจะให้เขากินอมยิ้มทุกวัน ต่อให้กินจนเป็นเบาหวานเขาก็คุ้มค่า 

 

 

           แลกกับความดีใจแม้เพียงน้อยนิดของมั่วไป๋ เขาก็ยินดีทั้งนั้น 

 

 

           ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้เงียบๆ ค่อยๆ แกว่งเก้าอี้ไปช้าๆ 

 

 

           ในมือถืออมยิ้มที่เหมือนกันทุกอย่าง 

 

 

           ราวกับว่าความหวานชื่นได้แผ่ปกคลุมอยู่ในบรรยากาศไม่มีผิด คนรอบข้างมองเข้าไป ต่างก็คิดไม่ถึงที่รู้สึกว่าพวกเขาอยู่กันอย่างนี้จะเป็นภาพที่งดงามอย่างไม่ธรรมดาได้ 

 

 

           อยู่เป็นเพื่อนมั่วไป๋จนกินอมยิ้มเสร็จ ไป๋จิ่งถึงได้ขึ้นตึกมาด้วยกันกับมั่วไป๋ 

 

 

           ถึงแม้ว่าสองคนจะยังพูดคุยกันน้อยมาก แต่บรรยากาศไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว 

 

 

           ไป๋จิ่งดีใจอยู่ในใจ เขาพยายามทุ่มเทมาตั้งนานขนาดนี้ ในที่สุดก็ก้าวหน้าไปก้าวหนึ่งเล็กๆ แล้ว 

 

 

           เวลายังอีกยาวไกล ไม่ช้าก็เร็วสักวันจะเพียงพอทำให้มั่วไป๋ตกหลุมรักเขาใหม่อีกครั้งได้ 

 

 

           ถึงเวลานั้นเขาจะต้องทำให้มั่วไป๋มีความสุขให้ได้ 

 

 

           …… 

 

 

           ไป๋จิ่งแอบหนีออกไปโดยพลการ จึงโดนหมอเจ้าของไข้เขาต่อว่าจนโงหัวไม่ขึ้น 

 

 

           มั่วไป๋เห็นไป๋จิ่งโดนดุจนคอตก เขาก็อยากจะขำอย่างไรไม่รู้ เขาอดจะมองไปแวบหนึ่งไม่ได้ มุมปากเชิดขึ้นมาทันที 

 

 

           จะทำอย่างไรได้ มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นไป๋จิ่งโดนอบรมจนโงหัวไม่ขึ้น 

 

 

           รู้สึกตลกอย่างเหลือเชื่อจริงๆ 

 

 

           โดนอบรมไปเต็มๆ ห้านาที กว่าจะหยุดลงได้ 

 

 

           หมอคนนั้นส่งปรอทวัดไข้ให้ไป๋จิ่ง ให้เขาวัดอุณหภูมิร่างกายดีๆ ก่อน อย่าขยับตัวไปมา 

 

 

           ไป๋จิ่งถือปรอทวัดไข้วัดอุณหภูมิร่างกายอย่างว่าง่ายเป็นพิเศษ เห็นหมอออกไปแล้ว เขาก็หันหน้ามามองมั่วไป๋ 

 

 

           ก็เห็นเพียงแค่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่รู้ว่ากำลังวาดอะไรอยู่ 

 

 

           เขาดูอยู่ตั้งนาน รู้สึกว่าดูดีจนละสายตาไปไม่ได้ แถมยังยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทางบื้อๆ อีก 

 

 

           จังหวะนี้หมอคนนั้นเดินเข้ามาพอดี พอเห็นไป๋จิ่งทำหน้ายิ้มนิดๆ หน่อยๆ ก็อดจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ 

 

 

           ‘อะไรกัน หรือว่าคนไข้คนนี้เป็นพวกชอบโดนกระทำ โดนดุแล้วยังยิ้มออกมาได้อีก’ 

 

 

           แน่นอนว่าเธอในฐานะหมอ หมอก็มีจรรยาบรรณของหมอ จะถามคำถามแบบนี้ออกมาต่อหน้าจริงๆ ได้อย่างไร 

 

 

           ถึงอย่างไรนิสัยชอบโดนกระทำของอย่างนี้ มีติดตัวมาเอง คนอื่นก็ทำไม่ได้