ตอนที่ 599 ดูสง่างามเคร่งขรึม / ตอนที่ 600 วันแรกของปีใหม่

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 599 ดูสง่างามเคร่งขรึม

 

 

“ข้อแรก เหยียนเค่อเป็นคนไม่ค่อยส่งข้อความ ข้อที่สอง เหยียนเค่อไม่เคยส่งสติ๊กเกอร์แสดงอารมณ์ต่างๆ ข้อสาม ตอนนี้เขาคงไม่อยากให้ฉันไปทำลายอารมณ์ดีๆของเขา”

 

 

ฉินซื่อหลานกลายเป็นใบ้พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ตนเองกลับพ่ายแพ้ด้วยเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยๆพวกนี้ “ก็ได้ ฉันนับถือ นับถือจริงๆ”

 

 

“นายคือฉินซื่อหลานหรือสวีอันหราน”

 

 

“ฉันคือเสิ่นจิ้งเฉิน”

 

 

“ฉินซื่อหลาน นายอย่าทำตัวปัญญาอ่อนกว่าเหยียนเค่อได้ไหม” พอซย่าเสี่ยวมั่วเห็นประโยคนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร ด้วยนิสัยอย่างสวีอันหรานที่หายใจเข้าออกก็มีแต่ภรรยาไม่มีทางมาเสียเวลาคุยเรื่องแบบนี้กับเธอ จะมีก็แต่ฉินซื่อหลานที่ดูไม่มีอะไรทำนี่แหล่ะ

 

 

ฉินซื่อหลานนับถือหล่อนจริงๆ “อือ ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่หน่ะ”

 

 

“นายอย่าใช้โทรศัพท์ของเหยียนเค่อส่งข้อความมาหาฉันได้ไหม” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉินซื่อหลานกล้าขนาดนี้ หรือว่าเขากะจะสังเวยชีวิตตัวเองตอนตีหนึ่งของปีใหม่หรืออย่างไร

 

 

“ช่างเถอะ ไม่คุยกับเธอแล้ว ฉันจะส่งรูปให้เธอดูสองสามรูป ดูเสร็จก็ไปนอนได้แล้ว” ฉินซื่อหลานเห็นว่ามันดึกมากแล้ว ผู้หญิงสาวๆนอนดึกมากจะไม่ดีต่อสุขภาพร่างกาย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพิมพ์ตอบอย่างขี้เกียจ “ได้”

 

 

ตอนนี้เธอง่วงมากๆ ไม่รู้ว่าจะทนอยู่รอฉินซื่อหลานส่งรูปมาให้ดูได้ไหม

 

 

เธอเดินลากเท้าเข้าไปในห้องนอน เจ้าโกลเด้นก็นอนอยู่บนพื้น เอากรงเล็บตะกายไปที่เท้าของซย่าเสี่ยวมั่วแต่ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้สนใจสักนิด เดินกลับเข้าห้องนอนไปอย่างไม่สนใจ

 

 

เหยียนเค่อปล่อยดอกไม้ไฟทั้งหมดเรียบร้อย บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยสว่างจากดอกไม้ไฟ ทำให้ท้องฟ้าที่ดูมืดมนเต็มไปด้วยแสงสีต่างๆจากดอกไม้ไฟ ราวกับมีดวงดาวมากมายระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้าแต่มันกลับมีหลากหลายสีเท่านั้นเอง

 

 

ชายหนุ่มรู้สึกคิดถึงซย่าเสี่ยวมั่ว ทั้งๆที่เพิ่งแยกจากกันได้ไม่เท่าไหร่เอง ทั้งๆที่หล่อนเพิ่งทำให้เขาโมโห แต่เขากลับคิดถึงหล่อนมากจริงๆ

 

 

เหยียนเค่อเอาดอกไม้ไฟที่ใกล้จะมอดถึงปลายยอดทิ้งที่พื้นแล้วขยี้ดับไฟ พรุ่งนี้ต้องมีคนมาเก็บกวาดทำความสะอาดตรงนี้อยู่แล้ว

 

 

พอดอกไม้ไฟที่ปล่อยขึ้นไปบนฟ้าหมดไป ท้องฟ้าก็กลับมาเคว้งคว้างว่างเปล่าอีกครั้ง ฉินซื่อหลานเดินมาสะกิดชายหนุ่ม “ไปเถอะ นายหนาวหรือเปล่า”

 

 

“ไม่เท่าไหร่”

 

 

เหยียนเค่อถูกอากาศหนาวจนหน้าจะกลายเป็นสีขาวซีดหมดแล้ว ฉินซื่อหลานลากเพื่อนกลับเข้าไปในบ้านเพื่อให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น

 

 

คนด้านในต่างทยอยแยกย้ายกันกลับ พ่อเหยียนกับแม่เหยียนยืนส่งแขกอยู่ที่ประตูหน้า ฉินซื่อหลานที่ดินเข้ามาจากประข้างเห็นเข้าก็ไม่รู้จะเดินออกไปอย่างไร

 

 

เหยียนเค่อลากเพื่อนขึ้นไปด้านบน “คืนนี้นอนที่นี่แล้วกัน ฉันให้อาเซ่าพาเสี่ยวฝูเอ๋อร์ขึ้นมาแล้ว”

 

 

“อย่างนั้นฉันนอนกับเสี่ยวฝูเอ๋อร์ แล้วนายนอนกับพี่สามได้ไหม”

 

 

“ฝันไปสิ” เหยียนเค่อเหล่มองเพื่อน “นายนอนกลับเจ้าสาม ฉันนอนคนเดียว เสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็เหมือกัน”

 

 

“อย่างนั้นฉันให้อภิสิทธิ์พี่สามนอนคนเดียวแล้วกัน”

 

 

“…” เหยียนเค่อหมดคำพูดกับไอ้หมาป่าเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาสจอมลามกคนนี้จริงๆ เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็พบว่าเสี่ยวฝูเอ๋อร์ยังไม่นอน เซ่าหมิงฟ่านก็เช่นกัน…

 

 

ฉินซื่อหลานรู้สึกมึนตึบ “พวกนายขึ้นมาก่อนตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่นอนกันอีกหรือไง”

 

 

“พวกเราแค่ขึ้นมาดูดอกไม้ไฟด้านบนเฉยๆ”

 

 

“ฉินซื่อหลาน ฉันเห็นพี่ทำเรื่องที่ไม่ควรทำอยู่นะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ยิ้มอย่างชั่วร้าย แต่ฉินซื่อหลานกลับรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รีบเข้าไปกอดขาพี่สามเอาไว้ “เพื่อนเกลอ คืนนี้ฉันนอนกับนายนะ”

 

 

เหยียนเค่อแค่พาคนมาส่งเฉยๆ ตอนนี้เขาก็ง่วงมากแล้วด้วย “ยังมีห้องอีกห้องหนึ่ง ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว พวกนายสามคนตกลงกันเอาเองแล้วกัน” จากนั้นเดินหาวกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

 

 

ฉินซื่อหลานหมดคำพูด “ทำไมทำความสะอาดไว้แค่สองห้อง นี่มันจงใจชัดๆเลย”

 

 

เซ่าหมิงฟ่านตบบ่าฉินซื่อหลาน “นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเวลาที่ให้นายตัดสินใจมาถึงแล้ว”

 

 

ฉินซื่อหลานรู้แน่ชัดแล้วถึงคำว่า “สง่างามเคร่งขรึม” มันเป็นอย่างไร ชายหนุ่มรีบลากมือของเซ่าหมิงฟ่านออกไปโดยไม่กล้าหันไปมองห้องข้างๆ อีกเลย

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 600 วันแรกของปีใหม่

 

 

เหยียนเฟิงตื่นเช้ามาในวันรุ่งขึ้นเจอหน้าพวกเซ่าหมิงฟ่านก็เอ่ยทักทาย ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย เซ่าหมิงฟ่านก็ยิ้มตอบกลับไป

 

 

“ยิ้มอะไรวะ เช้าแบบนี้น่าขนลุกพิกล” ฉินซื่อหลานกระชับผ้าพันคอตัวเองแน่น จากนั่งก็เข้าไปนั่งในรถของเซ่าหมิงฟ่าน

 

 

“ไอ้การวางมาดนี้ไม่ยอมแพ้จริงๆ อีกอย่างฉันคิดว่าเขาคงเริ่มมีแผนการในใจแล้ว” เซ่าหมิงฟ่านบิดขี้เกียจ หันไปตั้งใจขับรถ “ดูท่าตั๋วเครื่องบินของบ่ายวันนี้คงต้องเสียเปล่าซะแล้ว”

 

 

แม่เหยียนก็เพิ่งตื่นนอน เห็นลูกชายคนโตของตัวเองดื่มนมอยู่ในครัวคนเดียวก็ก้าวเข้าไปบ่นพึมพำอย่างเป็นห่วง จากนั้นก็ลงมือทำอาหารให้

 

 

“ลูกทำให้พวกเราวางใจได้เยอะ อะไรก็ทำสำเร็จเรียบร้อยหมด” แม่เหยียนเสิร์ฟอาหารให้ลูกจากนั้นก็เอ่ยชม

 

 

“เหยียนเค่อแค่ยังเด็กอยู่เลยยังไม่รู้เรื่อง ผมก็เคยเป็นแบบนี้” เหยียนเฟิงทำท่าทางเหมือนช่วยพูดแทนเหยียนเค่อ ขมวดคิ้วแล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะแน่ใจ “ผมได้ยินมาว่าเหยียนเค่อไปชอบผู้หญิงบ้านๆคนหนึ่งอยู่”

 

 

“หา?”

 

 

คนที่เปล่งเสียงออกมาไม่ใช่แม่เหยียนแต่เป็นพ่อเหยียนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องครัวพอดี

 

 

“พ่อ” เหยียนเฟิงแสร้งทำหน้ารู้สึกผิดกับคำพูดที่ตนพูดออกมา ทำให้คนที่มองไม่รู้เลยว่าเขาจงใจที่จะให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

 

 

แม่เหยียนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องความเหมาะสมระหว่างตระกูลอยู่แล้ว ขอเพียงผู้หญิงคนนั้นมีความโดดเด่นก็เป็นพอ แต่พ่อเหยียนไม่เหมือนกัน

 

 

พ่อเหยียนเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับชาติตระกูลและความคิดที่ผู้ชายเป็นใหญ่ สำหรับเขาแล้วความเหมาะสมทางชาติตระกูลคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด อีกอย่างต่อไปในอนาคตเหยียนเค่อไม่ได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดกิจการ เขาจำเป็นต้องได้รับความสนับสนุนจากตระกูลของฝ่ายหญิง ทำไมถึงได้ไปเลือกผู้หญิงที่มาจากครอบครัวธรรมดาได้นะ

 

 

“คุณทำฉันตกใจหมดแล้ว” แม่เหยียนตกใจกับเสียงของพ่อเหยียนที่จู่ๆก็ดังขึ้นมา หมุนตัวกลับไปเอ่ยตำหนิ

 

 

“วันนี้คุณต้องไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง ดูซิว่าเรื่องกลายเป็นแบบไหนแล้ว”

 

 

“พ่อ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับ” เมื่อคืนเหยียนเฟิงแทบไม่ได้นอนสักเท่าไหร่ รอเวลาปีใหม่วันนี้ที่เขาจะเหลือโอกาสให้เหยียนเค่อได้หายใจ

 

 

“ว่ามา”

 

 

“รอขึ้นไปด้านบนค่อยพูดดีกว่าครับ” เหยียนเฟิงแสร้งทำท่าทางลำบากใจ

 

 

พ่อเหยียนพยักหน้า “ได้ รอแกกินข้าวเสร็จค่อยมาหาพ่อที่ห้องหนังสือแล้วกัน”

 

 

ปกติเหยียนเค่อแทบจะไม่นอนตื่นสายสักเท่าไหร่ แต่วันนี้เขานอนจนถึงเที่ยงวัน แต่ก่อนทำงานดึงจนถึงตีสามตีสี่แต่เขาก็ตื่นสายสุดแค่ประมาณแปดเก้าโมงเท่านั้น เมื่อคืนแทบไม่ได้เรียกว่านอนดึกเลยแท้ๆกลับตื่นสายขนาดนี้ มันน่าแปลกจริงๆ

 

 

ชายหนุ่มตบหัวตัวเอง รู้สึกไม่ค่อยดี พอออกไปด้านนอกก็พบว่าพวกเซ่าหมิงฟ่านกลับกันไปหมดแล้ว กล้าไม่เรียกเขาไปด้วย

 

 

เหยียนเค่อหยิบชุดสูทเดินลงไปด้านล่าง เขาเพิ่งตื่นนอนไม่อยากยุ่งกับใครทั้งนั้น

 

 

แม่เหยียนที่กำลังจะลงไปดูอาหารกลางวัน เห็นเหยียนเค่อก็รีบดักเอาไว้

 

 

เหยียนเค่อมองไปทางแม่ตนจากนั้นก็เดินลงไปต่อ

 

 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” แม่เหยียนก็เริ่มโมโหขึ้น ปกติจะพยายามพูเกลี่ยกล่อมดีๆ แต่ทำไมพอเป็นเรื่องเมื่อคืนกลับทำให้ตนขายหน้า แถมยังปล่อยให้พ่อของเขาโกรธขนาดนั้น

 

 

เหยียนเค่อยืนอยู่ที่เดินหมุนตัวกลับมารอฟังแม่ตนบ่นสั่งสอน แต่ว่าดูจากสีหน้าแล้วเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

“เมื่อคืนที่ลูกทำหมายความว่าอย่างไร”

 

 

“…” เหยียนเค่อไม่ได้คิดว่าตนทำอะไรผิด แม้ว่าถ้ามองผิวเผินการที่เขาจัดการปัญหาแบบนั้นมันจะดูก้าวร้าวเกินไปสักนิด แต่ถ้าไม่แสดงออกไปตรงๆแบบนั้นพ่อกับแม่ตนก็จะทำแบบเดิมอยู่ดี

 

 

เหยียนเค่อฟังแม่ตนพูดจบประโยคนี้สายตาที่เรียบเฉยของเขาก็เริ่มสั่นระริก

 

 

“แม่ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจแทนผมในเรื่องพวกนี้”

 

 

“เฮ้อ พ่อของแกยังนั่งโกรธอยู่ในห้องหนังสือ แกอยู่รอพูดคำพูดพวกนี้กับพ่อเองเถอะ” แม่เหยียนถูกพ่อเหยียนสั่งสอนมาเหมือนกัน ตอนนี้เลยไม่มีอารมณ์มาพูดจาอ่อนโยนกับลูกชาย

 

 

เหยียนเค่อก็รู้อยู่แล้วว่าต้องไม่มีเรื่องดี พี่ชายของตนหาเรื่องมาให้เขาตั้งแต่วันแรกของปีใหม่ ช่างมีความพยายามเสียจริงๆ