ตอนที่ 597 การแต่งงานที่ถูกลิขิต / ตอนที่ 598 ไม่เข้าใจความสัมพันธ์

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 597 การแต่งงานที่ถูกลิขิต

 

 

หลังจากที่ซย่าเสี่ยวมั่วอัพเดตเวยป๋อเสร็จก็ไปอุ่นนมให้ตัวเองรวมทั้งเตรียมอาหารเย็นให้กับเจ้าโกลเด้น แต่พอกินข้าวเสร็จเจ้าโกลเด้นเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ จู่ดีๆ ก็เดินออกไปที่ระเบียงแล้วคาบเชือกมาวางไว้ใกล้ๆ มือของซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองมันอย่างงงๆ หยิบเชือกขึ้นแกล้งทำท่าจะตีไปที่มัน “ทำไมไปอยู่กับเหยียนเค่อมานานมีความชอบพิเศษอะไรขึ้นมาอีกหรือไง”

 

 

“โฮ่ง” เจ้าโกลเด้นแลบลิ้นออกมาประจบเอาใจแล้วมองไปที่ซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

แต่ว่าไม่ว่ามันจะทำท่าทางน่ารักขนาดไหนซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันต้องการอะไร

 

 

“แกจะให้ฉันทำอะไร”

 

 

หลังจากที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่องซย่าเสี่ยวมั่วก็ไปทำงานต่ออย่างหงุดหงิด “”ห้ามมากวนฉัน”

 

 

เจ้าโกลเด้นนั่งนิ่งๆ อยู่ที่เดิมแต่พอเห็นว่าซย่าเสี่ยวมั่วไม่ทำตามความต้องการของมัน มันก็เริ่มใช้เล็บครูดไปที่เบาะรองนั่งที่ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งอยู่ สุดท้ายก็ยิ่งไปกันใหญ่เมื่อมันกัดไปที่เบาะรองนั่งอันนั้นแล้วลากซย่าเสี่ยวมั่วที่นั่งอยู่ไปที่หน้าประตู

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดี “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าแกต้องการอะไร เลือกกวนฉันได้แล้ว เดี๋ยวไปเอาอกไก่มาให้กินดีไหม”

 

 

เจ้าโกลเด้นใช้ตาใสๆ ของตนมองไปทางซย่าเสี่ยวมั่วราวกับจะตำหนิ แต่ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามันต้องการอะไร

 

 

ทำไมพอมันไปอยู่กับเหยียนเค่อมาแล้วตนกลับเดาไม่ออกเลยว่าท่าทีที่มันแสดงต้องการจะสื่อถึงอะไร

 

 

“เป็นเด็กดีได้ไหม เดี๋ยวฉันเพิ่มอาหารให้” วันนี้วันสุดท้าย ซย่าเสี่ยวมั่วยังมีเรื่องต้องให้จัดการ เล่นกับมันต่อไม่ได้จริงๆ

 

 

เหยียนเค่อตั้งใจอ่านหนังสือแต่ก็ยังคงได้ยินเสียงชายชราสองคนคุยกันอยู่ดี พูดตามหลักแล้วเรื่องที่เป็นความลับแบบนี้ปู่ของเขาไม่ควรเรียกเขามานั่งฟังด้วย แต่ว่าสถานะของผู้เฒ่าซย่านั้นก็ทำให้เขาอดทึ่งไม่ได้จริงๆ

 

 

“แกคิดอย่างไร” ผู้เฒ่าเหยียนพูดจบก็หันมาทางเหยียนเค่อ

 

 

เหยียนเค่อพูดความเห็นตัวเองออกไปอย่างคร่าวๆ จากนั้นก็เอ่ยสรุป “ที่ตรงนั้นตั้งกองทัพก็ไม่เลว แต่ผมว่าแถบทะเลฝั่งตะวันออกดีกว่า”

 

 

“นายวิเคราะห์ได้ดี แต่ว่าสายตาคนเราไม่เหมือนกัน ลอกบอกมาซิว่าทำไมฝั่งตะวันออกถึงดีกว่า” ผู้เฒ่าซย่าชื่นชมชายหนุ่มที่หัวไวคนนี้มาก

 

 

คนที่มีความหัวไวระแวดระวังแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ในโลกธุรกิจหรือโลกทหารก็ไม่โดนเอาเปรียบหรอก แต่ถ้าเป็นแบบหลานชายคนโตของเขานั้นเขาก็มองไม่ค่อยออก แต่เอาสองคนนี้มาช่วยกันน่าจะเข้ากันได้ดี

 

 

“ที่ตรงนั้นความจริงก็เป็นที่พักแรมของกองทัพอยู่แล้ว อีกอย่างเศรษฐกิจก็ดี สายการบินลำดับสองก็อยู่ที่นั่น อีกอย่างที่ดินตรงนั้นก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว ดึงดูดชาวต่างชาติได้มากกว่าอีกที่ด้วย” พอเหยียนเค่อพูดจบก็ตระหนักได้ถึงข้อผิดพลาดอย่างหนึ่ง “แต่ว่าดูเหมือนจะไม่มีที่ให้ฝึกฝนทหาร”

 

 

ผู้เฒ่าซย่าพยักหน้าอย่างพอใจ ยังสามารถหาข้อผิดพลาดได้อีกด้วย คนแบบนี้ถ้ามาเข้าร่วมกับกองทัพก็น่ากลัวอยู่จริงๆ

 

 

“ที่นายพูดมาถูกต้อง เหตุผลอย่างหนึ่งก็เพราะที่นั่นมันติดทะเล ทำการรบได้สะดวก แต่ว่ามันก็มีเหตุผลสำคัญอย่างอื่นด้วยแต่มันเป็นความลับภายในกองทัพเปิดเผยไม่ได้ แต่ที่นายพูดออกมามันก็มากกว่าที่พวกทหารรู้กันแล้ว”

 

 

“อย่างนั้นถือว่าผมไม่รู้อะไรเลยแล้วกัน” เหยียนเค่อไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองสักเท่าไหร่ สำหรับเขาคิดว่าไม่ว่าจะเป็นวงการธุรกิจหรือวงการการเมืองก็มีการต่อสู้แก่งแย่งกันทั้งนั้น แต่ถ้าเทียบกันแล้ววงการธุรกิจน่าจะดีกว่าหน่อยนึง เพราะวงการธุรกิจมันมีอิสระและเปิดกว้างมากกว่า ถ้าเขาไม่อยากจะเห็นหน้าใครก็จะไม่ได้เห็นอีกเลย

 

 

ผู้เฒ่าซย่ายิ้มกับคำพูดของเหยียนเค่อ ชี้ไปที่เหยียนเค่อแล้วเอ่ยพูดกับผู้เฒ่าเหยียน “หลานชายนายคนนี้อะไรก็ดีไปหมด แต่กลับไม่เรียกร้องอะไรเลย”

 

 

“พืชเล็กเติบโตพร้อมสรรพ ถ้าเกิดมีข้อบกพร่องจะกล้าทำตัวสบายๆ แบบนี้หรืออย่างไร” ชายชราทั้งคู่ยังอยากจะแกล้งหยอกเย้าชายหนุ่มต่อ แต่กลับถูกเหยียนเค่อพูดเรื่องจริงจังแทรกขึ้นมาก่อน “ผมก็มีข้อเรียกร้อง อย่างน้อยๆ ก็ตอนนี้”

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนหัวเราะ “ไอ้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ก็ไม่ต้องพูดอธิบายออกมาชัดเจนขนาดนี้หรอก ไม่อายเขาหรือไง”

 

 

“มีอะไรน่าอายกันเล่า ผู้ชายอย่างเรามีทั้งด้านเข้มแข็งกับด้านอ่อนโยน ไม่ดีหรืออย่างไร” ผู้เฒ่าซย่าหัวเราะอย่างผ่อนคลาย “วัยรุ่นที่ยังเต็มไปด้วยพลังไม่ควรเอาแต่หาความร่ำรวยอย่างเดียว ดีมาก”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 598 ไม่เข้าใจความสัมพันธ์

 

 

ความจริงเหยียนเค่อไม่อยากลงมาด้านล่าง แต่มันใกล้จะถึงช่วงนับถอยหลังเข้าปีใหม่แล้ว ฉินซื่อหลานกับสวีอันหรานก็ยังเล่นดอกไม้ไฟอยู่ด้านล่าง เขาก็อดใจไม่ไหวเหมือนกันจึงกะว่าจะกระโดดลงไปหาพวกนั้นจากระเบียงห้องหนังสือของปู่ตนเองแต่ก็ถูกปู่ตนขัดไว้เสียก่อน

 

 

“ไม่อย่างนั้นก็กลับห้องไปนอนพักผ่อนซะ โตขนาดนี้แล้วจะไปทำอะไรแบบนั้นอยู่ได้”

 

 

ผู้เฒ่าซย่าถอนหายใจยิ้มๆ รู้สึกอิจฉาคนวัยหนุ่มสาว “ช่วงวัยหนุ่มก็ควรสนุกให้พอสิ พอแก่แล้วจะได้มีเรื่องให้นึกถึง”

 

 

“พอได้แล้ว นายอย่ามาสอนให้หลานฉันเสียคน ไหนใครเคยพูดว่าฉันคุมหลานตัวเองไว้ไม่อยู่ แถมยังสมน้ำหน้าฉันอีก”

 

 

เหยียนเค่ออาศัยจังหวะที่คนทั้งคู่เถียงกันอยู่ปีนข้ามระเบียงห้องหนังสือของปู่ตนไปยังระเบียงห้องข้างๆจากนั้นก็ปีนลงมาด้านล่าง

 

 

ฉินซื่อหลานมองเห็นเงาคนเดินออกมาก็ตกตะลึง “นาย นาย ออกมาจากตรงไหนน่ะ”

 

 

เหยียนเค่อที่ไปทางด้านบน จากนั้นก็เอาของในมือฉินซื่อหลานมา

 

 

“นายไม่ใส่เสื้ออีกแล้ว” ฉินซื่อหลานกระชับเสื้อคลุมตัวเองไว้แน่น แล้วเอาของที่อยู่ในมือตนทั้งหมดส่งให้แก่เหยียนเค่อ

 

 

“นายสิไม่ได้ใส่เสื้อ” เหยียยนเค่อเหล่มองฉินซื่อหลานแวบหนึ่ง ทำไมพูดอะไรไม่รู้จักคิด

 

 

“ร่างกายนายไม่ค่อยแข็งแรงก็ยังไม่ใส่เสื้อ…”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ก็หลุดขำออกมา “ทำไมฉันรู้สึกว่าประโยคถัดไปน่าจะเป็น ‘แล้วยังจะวิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบ้าอีก’ ล่ะ”

 

 

เซ่าหมิงฟ่านก็หลุดขำออกมาเหมือนกัน

 

 

เหยียนเค่อเอาดอกไม้ไฟไปไว้ใกล้ๆหน้าของฉินซื่อหลาน “หุบปากไปเลย”

 

 

ฉินซื่อหลานรีบหดหน้าราวกับเป็นภรรยาตัวน้อยๆ

 

 

เหยียนเค่อส่งโทรศัพท์ตนเองให้เพื่อน “ถือให้หน่อย”

 

 

“ให้ฉันถ่ายรูปให้ไหม” ฉินซื่อหลานเอ่ยเสนอด้วยความกระดี้กระด้า

 

 

เหยียนเค่อพยักหน้าแล้วก็เดินไปเล่น ไม่ได้คำนึงถึงผลที่ตามมาหลังจากฝากโทรศัพท์ไว้กับฉินซื่อหลาน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วปวดหัวจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว เธอแค่อยากจะวาดรูปออกมาให้ดี แต่เจ้าโกลเด้นไม่ยอมให้เธอได้ทำแบบนั้นเลย มันกัดพรมเธอขาดไปสามผืนแล้ว สุดท้ายพอเหนื่อยจึงได้หยุดลง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนอนเหนื่อยใจอยู่ที่พื้นเธอไม่มีอารมณ์อยากจะวาดรูปแล้ว “ทำไมแกถึงได้ทรมานกันขนาดนี้นะ ฉันโมโหจนจะบ้าอยู่แล้ว” เธอเอามือไปขยี้ขนของเจ้าโกลเด้นอย่างลวกๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังครุ่นคิดว่าจะถามเหยียนเค่อดีหรือไม่ว่ามันเป็นอะไร แต่พอดูเวลาก็พบว่าเป็นสามนาทีสุดท้ายของปีนี้แล้ว

 

 

“ดึกขนาดนี้แล้ว เขาคงนอนหลับกันหมดแล้ว มีแต่แกนี่แหล่ะมานั่งทรมานฉันอยู่ได้” ซย่าเสี่ยวมั่วบ่นอย่างโกรธๆ

 

 

ขณะที่เธอกำลังบ่นพึมพำอยู่กับเจ้าโกลเด้น โทรศัพท์ที่ถูกทิ้งไว้อีกทางก็ดังขึ้น

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกวักมือเรียกเจ้าโกลเด้น มันจึงไปคาบมาวางไว้บนมือเธอ

 

 

เธอหอบหายใจจากนั้นก็กดเปิดดูหน้าจออย่างไม่มีอารมณ์ แต่พอเห็นคนที่ส่งข้อความมาก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ในใจรู้สึกตื่นเต้นแต่ก็ต้องหาเหตุผลอื่นมาสกัดความคาดหวังของตัวเอง

 

 

“ผู้ช่วยชีวิต” เธอรีบเปิดดู ข้างในเป็นข้อความอวยพรปีใหม่ปกติ แต่ท้ายข้อความมีการส่งหน้ายิ้มที่ดูแปลกๆมาให้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วตากระตุก เริ่มพิมพ์ตอบกลับ การรอคอยในใจก็สลายไปแล้ว

 

 

ฉินซื่อหลานนึกว่าเขาจะได้เห็นการตอบกลับที่ดูกระตือรือร้นของหล่อน แต่กลับได้รับเป็นคำอวยพรเรียบๆแถมตามด้วยประโยค “นายรู้ไหมว่าทำไมหมาฉันมันต้องกัดผ้าปูที่นอนจนขาดแถมด้วยการลากฉันไปมา”

 

 

ฉินซื่อหลานรู้สึกว่าตนโง่ไปชั่วขณะ นี่มันอะไรกันเนี่ย ซย่าเสี่ยวมั่วควรจะต้องส่งอะไรที่สื่อถึงความดีใจมาหน่อยไม่ใช่เหรอ ทำไมพอส่งมากลับมีแต่ปัญหาอะไรก็ไม่รู้

 

 

นานแล้วชายหนุ่มก็ไม่ตอบกลับมาเสียที ซย่าเสี่ยวมั่วก็เดาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น กล้าใช้โทรศัพท์ของชายหนุ่มส่งข้อความมาหาเธอแบบนี้ต้องเป็นพวกเพื่อนๆเขาแน่ๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วสนิทกับพวกนั้นทั้งหมดเลยไม่มีการไว้หน้า พิมพ์ตอบไปอย่างตรงๆ “แนะนำให้พวกนายหยุดการกระทำที่วอนหาเรื่องแบบนี้ซะ ลบข้อความที่ฉันส่งไปทั้งหมดทิ้งเดี๋ยวนี้”

 

 

“ทำไมเธอไม่เข้าใจอะไรเลยนะ” ฉินซื่อหลานอยากจะพูดออกไปให้ชัดเจนกว่านี้ แต่สัญชาตญาณเตือนเขาว่าห้ามพูดออกไป

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มเย็น เริ่มพิมพ์กลับอย่างตั้งใจ