ตอนที่ 609 เพื่อสตรีผู้เดียวจนยอมสิ้นทุกอย่าง / ตอนที่ 610 ข้อได้เปรียบของผู้ชาย

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 609 เพื่อสตรีผู้เดียวจนยอมสิ้นทุกอย่าง

 

 

บนหน้าอวี่เหวินลู่มีรอยฝ่ามือชัดเจน เพิ่งจะตบเอง ยังระอุอยู่เลย เขาทิ้งมือลง ซั่งเหมยมองแล้วหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ถามเฉินยางเสียงเบาว่า “นายหญิง นี่คือท่านตบเขาไปหรือ ลงมือได้เ**้ยมแท้!”

 

 

เฉินยางกัดฟันโกรธจนยากจะสงบอารมณ์ได้ “ข้าโกรธตัวเองมากว่าเมื่อครู่ทำไมไม่ตบเขาให้ตายไปเลย!”

 

 

อวี่เหวินลู่มิได้ปกปิดสักนิด จงใจจะแสดงรอยฝ่ามือบนใบหน้าตนอย่างเปิดเผย ตอนที่โดนตบใหม่ๆ นั้นก็โมโหอยู่ แต่ครานี้พอย้อนกลับไปคิด ที่จริงก็ไม่มีอะไร ตบตีคือรักต่อว่าคือใคร่ สิ่งที่นางทำกับเขาไม่เค็มไม่จืด เขาเองก็ในใจก็ไม่รู้สึกถึงรสชาติอะไรเช่นกัน นานทีปีหนเจอแบบนี้ถือเสียว่าปรับตัว ก็ไม่มีอะไรไม่ดีเสียหน่อย

 

 

เฉาเต๋อหลุนผายมือเชิญเขาออกไป “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ท่านควรมา นายท่านของเราไม่อยู่ ท่านมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ใคร่สะดวกนัก อย่างไรเสียโปรดหาที่พักใหม่ด้วยเถิด!”

 

 

มาถึงเมืองหลวงแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่อยู่บ้านตน จะให้เขาไปรึ แม้แต่ประตูก็หามีไม่ ฝันไปเถอะ ครานี้ความคิดชั่วร้ายทั้งหมดที่มีล้วนถูกนำมาใช้ให้หมด ทำตัวเหมือนท่านอ๋องมุ่งหน้าไปนั่งบนเก้าอี้ เชิดจมูกกลอกตาขึ้น “ร่วมมือกันไล่ข้าออกไปแล้วพวกเจ้าจะอยู่ดีรึ ตอนนี้พวกเราล้วนแล้วแต่เป็นตั๊กแตนที่เดินอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน หากข้าเป็นอะไรไป จะเปิดโปงพวกเจ้าให้หมดสิ้น หากจะต้องอับจนพวกเราก็อับจนไปด้วยกันนี่แหละ”

 

 

เฉินยางทนมองท่าทางของเขาต่อไปไม่ไหวแล้ว ยิ่งเห็นว่าเขาเริ่มเล่นแง่ อารมณ์โกรธก็ขึ้นมาอีกแล้ว “ได้ อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นคนชะตาต่ำต้อยนัก ท่านไม่เหมือนพวกเราเสียหน่อย ท่านเป็นพวกทำการใหญ่ หากหมดสิ้นทุกอย่างในใต้หล้านี้ เรื่องที่พยายามมาก่อนหน้าก็เสียเปล่า พวกเรานั้นไม่เป็นไรหรอก ท่านสิไม่เหมือนกัน ท่านยอมละทิ้งแผ่นดินนี้ได้หรือ”

 

 

คำพูดเหล่านี้ล้วนแต่ถามจนอวี่เหวินลู่ชะงักไป พวกเขาอดทนและแบกรับภาระหนัก วางแผนมานานโขก็เพื่อแผ่นดินนี้ ครานี้หากจะสูญสิ้นทุกอย่าง ทั้งยังเป็นเพราะสตรี ไม่คู่ควรเลย ได้ไม่คุ้มเสีย

 

 

ใช่อยู่ที่เขาชื่นชอบนาง แต่เรื่องชื่นชอบนี้ก็รู้ทั้งรู้ว่าจะไม่มีทางเกิดผล เขาเองไม่ได้หน้ามืดตามัวขนาดที่ยอมเสียทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนเดียว อันใดเบาอันใดหนัก เขาเองก็คำนวณจนแจ้งแก่ใจ

 

 

เขาถูกสตรีพล่ามใส่จนพูดอะไรไม่ออก ช่างขายหน้าไปจนถึงบ้านท่านยายเลยเทียว เมื่อครู่เฉาเต๋อหลุนถอดบันไดหาทางลงให้เขาเขาไม่ยอมฟัง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ลงไม่ได้แท้จริงแล้ว เขาอมพะนำอยู่นาน คิดไม่ออกเลยว่าจะตอบโต้นางอย่างไรดี รีบผุดลุกขึ้นยืน สะบัดชายเสื้อ แค่นเสียงหึคราหนึ่งแล้วจึงรีบร้อนออกไปด้วยอารมณ์โกรธ

 

 

เมื่ออวี่เหวินลู่ไปแล้ว ซั่งเหมยร้อนใจทนไม่ไหว “นายหญิง ท่านกับชื่อจื่อมีอะไรกันหรือ ข้าเห็นท่าน … แล้วไหนจะรอยฝ่ามือบนหน้าของชื่อจื่ออีกเล่า นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

 

 

เฉาเต๋อหลุนเองก็กระวนกระวายใจ มองนางอยู่นาน ค่อนข้างที่จะพูดยาก “นายหญิง หากว่าชื่อจื่อทำอะไรกับท่านจริงๆ ท่านต้องปกป้องพวกกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนายท่านไปได้กำชับให้ดูแลท่านให้ปลอดภัย ตอนนี้เกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น ท่านเอ่อ…ท่านไม่เอ่ย พวกข้าน้อยก็มิรู้จะไปรายงานนายท่านอย่างไร!”

 

 

เฉินยางกัดฟัน พูดด้วยอารมณ์ที่ยังไม่คลายโกรธ “ไม่มีอะไรที่ต้องรายงาน เขาไม่ได้ล่วงเกินอะไรข้า แค่พูดจาไม่รู้กฎเลยถูกข้าตบไปเสียหนึ่งที เรื่องนี้ไม่ต้องบอกให้นายท่านของพวกเจ้าทราบ เขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจ ใครก็ห้ามพูด ได้ยินหรือไม่”

 

 

เสื้อผ้าของนางอะไรๆ ก็ยังดูเรียบร้อยครบถ้วน ท่าทางไม่คล้ายกับถูกรบกวน ดูท่าแล้วคงไม่ได้เสียเปรียบด้านใด ซั่งเหมยและเฉาเต๋อหลุนลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีแล้วก็ดีแล้ว ดีแล้วก็ล้วนดีกว่าอะไรทั้งสิ้น นางอยู่ดี พวกเขาก็สามารถมีชีวิตต่อไปได้แล้ว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 610 ข้อได้เปรียบของผู้ชาย

 

 

ไหนๆ ก็อาศัยร่วมชายคาเดียวกัน ก้มหน้าไม่เจอเงยหน้าก็เจอ เมื่อวานนางตบหน้าเข้าไปฉาดใหญ่ วันนี้พอมาเจอหน้ากัน รอยฝ่ามือยังแดงชัดอยู่บนหน้าอยู่เลย ตอนเดินเฉียดนางไป ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองนางด้วยสายตาเคียดแค้นอีก เดินไปสองก้าวก็หยุด แล้วหันกลับมามอง “เฝิงเยี่ยไป๋ไปนานเท่าใดแล้ว”

 

 

ไหลลู่เหลือบมองนายของตน ขมวดคิ้วพลางกุมหน้าผากถอยไปอยู่อีกด้านหนึ่ง นี่มันไม่มีเรื่องก็หาให้มีเรื่องกันชัด ๆ เขาเองไม่ใช่หรือที่ได้ยินข่าวเรื่องเฝิงเยี่ยไป๋ไปแล้วถึงได้มาที่นี่ ไปนานแค่ไหนเขาจะไม่รู้เชียวหรือ

 

 

เฉินยางไม่แม้แต่เหลือบมองเขา ชี้ไปยังป่าสนไผ่ด้านหน้าพลางเอ่ยกับซั่งเหมยว่า “พวกเราไปดูข้างหน้าโน้น เดี๋ยวเจ้าเอาตะกร้ามาด้วย ไปขุดผักในป่าเสียหน่อย สองวันมานี้อยากทานบ่อย ๆ อดอยากปากแห้งเสียจริง

 

 

พวกข้ารับใช้อย่างพวกนางสำคัญที่สุดคือการรู้ใจเจ้านาย คนที่เจ้านายไม่อยากพบหน้า นางก็จะไม่เก็บมาใส่ใจ จากนั้นนางก็ประคองเฉินยางเดินไปข้างหน้า ตั้งใจเดินอ้อมอวี่เหวินลู่ไปเสียอย่างนั้น เมื่อวานนี้เฉาเต๋อหลุนก็เรียกพวกนางไปกำชับว่าตอนนี้เฉินยางเป็นดั่งลูกรัก อย่าให้มีอะไรมาขัดใจ พอมาพบเจออวี่เหวินลู่จึงรีบพาเลี่ยงไปเสีย อย่าทิ้งให้เฉินยางอวี่เหวินลู่อยู่ด้วยกันตามลำพัง ชายโสดหญิงม่ายมาเจอกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นจะมาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันเสียแล้ว

 

 

ซั่งเหมยจดจำที่เฉาเต๋อหลุนกำชับไว้ได้เป็นอย่างดี เมื่อต้องอยู่ตรงกลางระหว่างเฉินยางและอวี่เหวินลู่จึงเหลือบตามองไหลลู่หนึ่งทีแล้วเท้าเอวตะโกนดังลั่นว่า “นายพวกเจ้าอยู่ตรงนี้ไม่เห็นหรือ เจ้าไปหลบอยู่เสียไกลอย่างนั้น ไม่ต้องรับใช้นายเจ้าหรืออย่างไร”

 

 

ไหลลู่ก้มหน้าหลบแล้วจึงเรียกอวี่เหวินลู่นายของตน “นายน้อย พวกเรายังมีธุระสำคัญต้องทำมิใช่หรือ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ!

 

 

เมื่อวานอวี่เหวินลู่เพิ่งถูกนางทำให้ขายหน้า มาวันนี้ก็เลยไม่มีความกล้าที่จะไปหาเรื่องนาง จึงสะบัดแขนเสื้อ ไพล่ตามองไหลลู่หนึ่งที จึงกระทืบเท้าเดินจากไป

 

 

เฉินยางเหลือบมองด้านหลังของเขา เป่าเล็บมือเบาๆ แล้วกำชับซั่งเหมยว่า “ต่อไปหากพบเจอเขาอีกก็ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะพกมีดมาด้วย หากเจอเขาพูดจาปากไม่มีหูรูด ทำร้ายร่างกาย ข้าจะสับให้เละเลย!”

 

 

ซั่งเหมยได้ฟังแล้วหวั่นวิตกยิ่งนัก “นายหญิง ท่านบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรมิใช่หรือ ทำไมเมื่อครู่บอกว่าจะลงไม้ลงมือเสียแล้ว”

 

 

“ข้าก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เจ้าจำไว้แล้วกันว่าต้องปิดปากให้สนิท อย่าไปเอ่ยอะไรกับนายท่านเล่า เขาอยู่นอกบ้านเจอเรื่องยุ่งยากใจมากพอแล้ว ข้าไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ”

 

 

ซั่งเหมยกว่าครู่ใหญ่จึงจะรับคำ มองนางอย่างพิจารณาเงียบ ๆ นางรับใช้มาพักใหญ่ นิสัยใจคอนายหญิงผู้นี้นางก็ถือว่ารู้ดีอยู่ เป็นประเภทใครไม่รุกรานอะไรข้า ข้าก็ไม่รุกรานใคร ลองใครมารังแกนาง หากเดาตามนิสัยใจคอแล้วคงต้องเอาคืนทุกเม็ดเป็นแน่ ไม่มีเสียหรอกเรื่องจะไปรังแกคนอื่น นางไม่กลัวนายหญิงของตนจะเสียเปรียบหรอก แต่ผู้ชายอย่างไรก็ไม่เหมือนผู้หญิง อย่างไรเสียข้อได้เปรียบก็เห็นกันชัด ๆ อยู่ ต่อให้เก่งเพียงใด นางผู้เดียวก็สู้อวี่เหวินลู่ไม่ได้ เหมือนเช่นเรื่องเมื่อวาน จะให้เกิดขึ้นอีกครั้งไม่ได้

 

 

“ไม่รู้ว่าสงครามภายนอกนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ในวังตอนนี้ไม่มีใครที่ใช้ได้แล้วหรือ ทำไมต้องออกคำสั่งให้สามีข้าไปด้วย” พอได้กังวลใจแล้ว บวกกับเรื่องเล็กเล็กน้อยน้อยผ่านสมองเข้ามาก็คิดไปกันใหญ่ได้เลย ยิ่งคิดยิ่งกังวล กลัวเขาจะไม่ได้ทานไม่ได้ดื่มอะไรดีๆ ทั้งยังกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอะไรแล้วไม่มีคนดูแลอีก

 

 

นี่คงเป็นสาเหตุที่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ยอมบอกนางกระมังว่าด้านนอกนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง กลัวนางกังวลใจ พอกังวลแล้วก็จะไม่จบไม่สิ้น เรื่องเล็กน้อยเพียงใดนางก็สามารถคิดไปถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย