ตอนที่ 607 ผู้หญิงอย่างนางนี่เลี้ยงง่ายนัก / ตอนที่ 608 ครั้งแรกที่ถูกสตรีตบหน้า

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 607 ผู้หญิงอย่างนางนี่เลี้ยงง่ายนัก

 

 

เฉาเต๋อหลุนรับคำสั่งจากเฝิงเยี่ยไป๋ให้มาดูแลเฉินยางให้ดี คำว่า” ดูแล” หมายรวมถึงนอกจากปกป้องนางให้ปลอดภัยแล้ว แน่นอนก็รวมไปถึงอย่าให้มีชายใดมาวุ่นวายในชีวิตนาง ความอยากครอบครองของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นสูงนัก หากตอนเขาไม่อยู่แล้วภรรยาหนีตามชายอื่นไป ตอนกลับมาคงไม่มีที่ให้ร้องไห้เป็นแน่

 

 

ที่จริงอวี่เหวินลู่อยากจะบอกความในใจนี้กับเฉินยางไปให้สิ้น แต่เกรงว่านางคงจะไม่ยอมรับ ตนเองจะเสียศักดิ์ศรี ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำใจกล้ามาสารภาพกับนาง หากถูกปฏิเสธอีกเช่นนั้นก็คงเสียหน้ายิ่ง เขาไม่มีทางทำเรื่องที่น่าล้มเหลวแบบนั้นหรอก ยิ่งคิดไปในทางไม่ดีไว้ก่อน เฝิงเยี่ยไป๋ออกรบด้วยตนเอง แม้ว่าเขาจะมีวรยุทธ์ออกหมัดออกเท้าได้ วิทยายุทธ์ไม่เลว แต่ในสนามรบนั้นดาบมีดล้วนไร้ดวงตา กลุ่มข้าศึกดาบยาวปืนยาวล้อมเอาไว้ ต่อให้วิทยายุทธ์ดีเพียงใดก็ต้องล้าเป็นธรรมดา หากไร้เรี่ยวแรงตอบโต้เมื่อไรไม่แน่ว่าอาจจะตายในสนามรบ

 

 

ที่จริงหากคำนวนดูแล้ว เขากับเฝิงเยี่ยไป๋นับว่าเป็นคู่แข่งทางความรักกัน เฝิงเยี่ยไป๋หากต้องตายในสนามรบจริง เช่นนั้นเว่ยเฉินยางก็กลายเป็นแม่ม่ายแล้ว แม่ม่ายตัวคนเดียวทั้งยังมีลูกน้อย หากข้างกายไม่มีชายใดปกป้องก็คงมีชีวิตต่อไปไม่ได้แน่ นางเองทั้งวันประตูใหญ่ไม่ข้ามประตูรองไม่ออก ข้างกายนอกจากเฝิงเยี่ยไป๋ก็คือขันทีแล้ว หาได้มีชายใดไม่ หากถึงตอนนั้นตนเองก็จะกลายเป็นตัวเลือกหนึ่งเดียวไม่มีสอง นางก็มิใช่ว่าต้องแต่งให้ตนเท่านั้นหรือ

 

 

เขาเองคิดดีแล้ว มองไปยังนางคิดพลางยิ้มพลางตอนหลังคงดีใจเกินไป ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้หัวเราะออกมาดังลั่น

 

 

เฉินยางมองเขาด้วยสายตาชั่วร้าย รู้สึกว่าคนผู้นี้่แปดส่วนต้องป่วยเป็นแน่ โบกมือตรงหน้าเขาสองสามที เรียกสติเขา “ทำอะไรของท่านกัน หัวเราะน่ากลัวยิ่งนัก ท่านป่วยแน่ๆ”

 

 

เรื่องนี้จะบอกนางไม่ได้ หากนางรู้ว่าในใจเขากำลังสาปแช่งสามีนาง จะไม่มาเอาชีวิตเขาหรือ รีบเก็บอารมณ์ตัวเองไว้ กระแอมเสียสองสามที “เจ้าสิป่วย ข้าสบายดีเพียงนี้ ไม่รบกวนให้เจ้ามากังวลหรอก!”

 

 

“หากไม่มีเรื่องอะไรมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น อีกสักครู่หากถูกขับออกไป หน้าจะยังจะดูได้อีกหรือ “นางกล่อมเสี่ยวจินอวี๋มาทั้งวัน เหนื่อยตั้งนานแล้ว เดิมอยากกลับมานอนพักให้สบายเสียหน่อย ใครจะคิดว่าพอข้ามธรณีประตูมาก็มาเจอเทพแห่งภัยพิบัติได้

 

 

อวี่เหวินลู่กุมศีรษะเอาไว้ มองนางสักครู่พลางเอ่ย “ราชโองการจากในวังนั้นระบุชื่อใครไว้ไม่มีใครทราบได้ อาจจะเป็นบิดาตน หรืออาจจะเป็นเฝิงเยี่ยไป๋ หากเป็นเฝิงเยี่ยไป๋จริง เฝิงเยี่ยไป๋เป็นฮ่องเต้ เช่นนั้นเจ้าก็เป็นฮองเฮาแน่แท้ เจ้าอยากเป็นฮองเฮาหรือไม่ ปกครองหกวังหลัง มารดาของแผ่นดิน ช่างเป็นเกียรติเสียจริง!”

 

 

เฉินยางคิดอยู่นาน ส่ายหน้า “เป็นฮองเฮาต้องแย่งผู้ชายคนเดียวกับหญิงตั้งมากมายน่ะหรือ ข้าไม่เอาหรอก ข้าเพียงอยากให้รีบทำสงครามเข้า รบเสร็จก็แบ่งแพ้ชนะเสีย ขอเพียงอย่าเอาข้าเข้าไปยุ่งในเรื่องยุ่งเหยิงนั่นก็พอแล้ว”

 

 

เรื่องยุ่งเหยิงรึ พวกเขารบกันในสายตานางมองว่าเป็นเรื่องยุ่งเหยิง หากแต่ก็จริง ผู้หญิงนี่นะ ล้วนแต่ผมยาวแต่ความรู้สั้น พวกนางไม่เหมือนบุรุษที่มีอุดมการณ์ สนใจแต่วันคืนตรงหน้า ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน สตรีอย่างพวกนางนี้ เลี้ยงง่ายเสียเหลือเกิน

 

 

เสียงย่ำเท้าด้านนอกใกล้เข้ามาทุกที เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา อวี่เหวินลู่เลิกคิ้ว ทราบทันทีว่านั่นคือหูตาที่เฝิงเยี่ยไป๋ทิ้งไว้ที่บ้าน ป้องกันมีคนมาคิดไม่ดีต่อภรรยาตน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 608 ครั้งแรกที่ถูกสตรีตบหน้า

 

 

เฉินยางไม่ได้หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า เสียความมั่นใจไปมากโข เฝิงเยี่ยไป๋เคยบอกนางว่า อวี่เหวินลู่ผู้นี้แม้ว่าดูเป็นคนไม่ได้ความ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ธรรมดาเลย ให้นางอยู่ให้ห่างเข้าไว้ อย่าพยายามสนทนาพาทีด้วย จะได้ไม่ถูกซ้อนแผนเข้าไป

 

 

ฝ่ายอวี่เหวินลู่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา อาศัยจังหวะที่นางผ่อนคลายนี้รุกเข้าประชิดตัว ใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก เขาสูดหายใจลึกได้กลิ่นหอมของนมเข้าไปเต็มสมอง ถูกประสาทจนสติปัญญาสูญสิ้น

 

 

เฉินยางตกใจจนใจเต้นแรง รอจนมีปฏิกิริยาตอบโต้ ก็ใช้ฝ่ามือตบหน้าไปฉาดใหญ่ ฉาดนี้นางใช้แรงทั้งหมดที่มี เสียงตบก้องชัดยิ่งนัก อวี่เหวินลู่ไม่แม้แต่จะถอยหลบ ถูกตบเข้าให้อย่างจัง พอนึกขึ้นได้ก็กุมหน้าที่โดนตบไว้ ดวงตาวาวโรจน์ “เจ้า…เจ้ากล้าตบข้า!”

 

 

เฉินยางถอยหลังหลบไปหลายก้าว ชี้หน้าบริภาษเขา “ไร้ยางอาย! เติงถูจื่อ [1] ! นี่เป็นบ้านข้า เจ้า…เจ้ากล้าบังอาจ…”

 

 

อวี่เหวินลู่นวดหน้าพลางเอ่ยอย่างไม่ละอายใจว่า “ข้าทำอะไรกัน เหตุใดถึงกลายเป็นเติงถูจื่อแล้ว นางผู้หญิงคนนี้ เจ้า…เจ้ามันผู้หญิงที่ไหนกัน เป็นหญิงปากคอเราะรายชัดๆ ไม่มีเหตุผลเลย พ่นเลือดป้ายสีผู้อื่นมาได้!”

 

 

เขาเองก็ใจฝ่อแล้ว เมื่อครู่นี้อยากจะจูบนางนั่นแหละ กลิ่นหอมนั้นรัญจวนจับจิตยิ่งนัก กลิ่นนั้นยังลอยมากระแทกใจต่อเนื่อง บุรุษนั้น เวลาเช่นนี้ไม่มีใครไม่คิดเป็นอื่นหรอก เดิมเพียงอยากแอบจูบนางสักที ใครจะคิดว่าปฏิกิริยาโต้ตอบจะรุนแรงเพียงนี้ ขึ้นมาก็ตบเขาดังฉาด มีชีวิตมาตั้งหลายปี ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เขาถูกผู้หญิงตบ แม้ว่าจะเจ็บแม่มือ นางนั้นผิวช่างนุ่มลื่นเสียจริง หากได้มาลูบเบาๆ บนผิวหน้า…มิรู้ว่าจะเป็นความรู้สึกแบบใด

 

 

เฉินยางคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลับมาตำหนิตน โมโหจนตัวสั่นจะพุ่งตัวไปลงมืออีก ซั่งเหมยรีบเข้ามารั้งเอวไว้

 

 

มองจากสถานการณ์แล้ว ตอนนี้ระหว่างพวกเขาจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่โกรธจนจะปรี่เข้าไปทำร้ายคน ซั่งเหมยโอบเอวไว้แล้วดึงออกไปไกลหน่อย ถามนางเบาๆ ว่า “เกิดอะไรขึ้นเพคะ ซื่อจื่อทำอะไรท่านหรือไม่”

 

 

เฉินยางไม่ได้ตอบนาง เอ่ยกับเฉาเต๋อหลุนว่า “ให้เขาไสหัวไป รีบไล่เขาออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา ไสหัวไป!”

 

 

เฉาเต๋อหลุนชาหนังศีรษะยิบ แย่แล้ว ดูตามรูปการณ์ พระชายาต้องเสียเปรียบแล้วเป็นแน่ หากให้นายท่านรู้เข้า จะไม่ถลกหนังเขาไปเสียหนึ่งชั้นหรือ ซื่อจื่อท่านนี้วรยุทธ์สูงนัก ไปมาไร้เงา เขาเข้ามาเมื่อไรเขาเองก็ไม่ทราบ จะหยุดได้อย่างไรกัน

 

 

แต่วันนี้ให้เขาเจอเข้าจนได้ จะปล่อยไปเยี่ยงนี้ไม่ได้ นายโดยตรงของเฉาเต๋อหลุนคือเฝิงเยี่ยไป๋ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายเขาได้ทั้งนั้น เขาเองก็ไม่ต้องเกรงกลัวอวี่เหวินลู่

 

 

“ซื่อจื่อ ที่นี่คือห้องนอนของพระชายา ชายหญิงล้วนมีข้อห้าม ท่านมาอยู่ที่นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะสม ตอนนี้ก็ดึกแล้ว หากท่านอยากจะพักผ่อน ให้ข้าน้อยจัดการห้องนอนให้เถิด”

 

 

อวี่เหวินลู่เหลือบมองเขาคราหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่พอใจไปว่า “มีอะไรไม่เหมาะกัน จวนอ๋องแห่งนี้แต่เดิมก็เป็นของข้า อีกหน่อยไม่ช้าก็เร็วก็เป็นของข้า คุณชายอย่างข้าอยากพักที่ใด อยากอยู่ที่ใดล้วนแล้วแต่เป็นความสำราญของข้าทั้งสิ้น เจ้ามันเป็นของสิ่งใดกัน ไม่ต้องให้เจ้ามาจัดการหรอก”

 

 

ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แล้ว เฉาเต๋อหลุนจึงไม่ได้เกรงใจอีก “ท่านตอนนี้เป็นคนที่ทางการต้องการตัว หลายเรื่องนั้นระวังไว้ก่อนเป็นดี เมืองหลวงตอนนี้คือที่ของฮ่องเต้ มีสายตามากมายคอยจับจ้อง มีปากมากมายเล่าความ หากเรื่องที่ท่านอยู่ที่นี้ไปถึงพระเนตรพระกรรณเล่า ฮ่องเต้จะจับตัวท่านมิใช่ง่ายเหมือนหมูในอวยหรอกหรือ ตอนนี้ข้าขอเตือนท่านว่าสำรวมหน่อยจะดีกว่า!”

 

 

 

 

——

 

 

[1] เติงถูจื่อ ตัวละครในเรื่อง “จอมลามกเติงถูจื่อ” ประพันธ์โดยซ่งอวี้ (298-222 ก่อนคริสตกาล) กวีแคว้นฉู่ในสมัยจั้นกั๋ว ต่อมาใช้เป็นคำด่าผู้ชายที่มักมากในกาม