ตอนที่ 605 ฮ่องเต้ผู้เยาว์วัย
ฮ่องเต้น้อยส่งเฝิงเยี่ยไป๋ออกไปด่าน หนึ่งคืออยากจะทอนอำนาจเขาเสีย สองคือในวังหาใครไปไม่ได้แล้วจริงๆ กำลังทหารล้วนนำมาต่อกรกับซู่อ๋องแล้ว ให้เฝิงเยี่ยไป๋ไปที่นั่นก็พอดี ตายก็ไม่เสียดาย ไม่ตายก็สามารถกดเขาลงได้ ยิงนัดเดียวฆ่านกสองตัว จะได้ไม่ต้องมีใครรกสายตาอยู่ตรงหน้าพระพักตร์
พั่งไห่นำน่าอวี้กลับมาเมืองหลวง น่าอวี้ไม่ทราบความว่าเฝิงเยี่ยไป๋ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เมื่อกลับมาก็ถูกพั่งไห่ขังอยู่แต่ในวัง พั่งไห่ไปรายงานให้ฮ่องเต้น้อยทรงทราบ ฮ่องเต้ประสงค์จะไต่สวนด้วยตนเองจึงให้นำตัวน่าอวี้มา
น่าอวี้สุขภาพไม่สู้ดี ตลอดทางถนนก็ขรุขระ นางโคลงเคลงมาตลอดทางกลับมาก็ไอเป็นเลือดไม่หยุด แต่เดิมนางนั้นก็มีความงามที่น่าทะนุถนอม หนนี้ยิ่งทำให้คนห่วงใยยิ่งนัก คราที่ไปพบฮ่องเต้ท่าทางการเดินก็งกๆ เงิ่นๆ สิ้นดี
พั่งไห่เกรงว่านางจะทำเสียมารยาทแล้วตนจะซวยไปด้วย จึงประคองนางคุกเข่าลง สะบัดชายเสื้อต่อหน้าพระพักตร์ประสานมือคารวะพลางเอ่ย “ฝ่าบาท นี่คือสายสืบที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงส่งเข้าไปสอดแนมข้างกายเฝิงเยี่ยไป๋พ่ะย่ะค่ะ นางลอบอยู่ในจวนอ๋องอยู่นาน รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเฝิงเยี่ยไป๋ไม่น้อยเลย”
ฮ่องเต้ไม่เงยหน้า เปิดฎีกาเล่มแล้วเล่มเล่า “หานางเจอได้อย่างไร”
พั่งไห่หันหน้าไปทางน่าอวี้พร้อมเอ่ยว่า “ตอนผู้น้อยพบนาง นางออกจากเมืองหลวงแล้ว และเป็นเฝิงเยี่ยไป๋ที่สั่งให้คนส่งนางออกไปด้วยตนเอง”
ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นมองไปที่น่าอวี้ นางก้มศีรษะไว้ เขามองไม่เห็นหน้านาง จึงขมวดคิ้วถามว่า “เฝิงเยี่ยไป๋ให้เจ้าไป เขารู้ตัวตนเจ้าแต่กลับไม่ฆ่าเจ้าอย่างนั้นหรือ”
น่าอวี้เม้มปาก หัวเราะแบบฝืนๆ ออกไป “แล้วทำไมต้องฆ่าข้าด้วยเล่า อย่างไรเสียข้าก็อายุไม่ยืนแล้ว ให้ข้าไปเกิดเองตายเองไม่ดีกว่าหรือ”
“เขาไม่กลัวเจ้าหักหลังเขาหรือ” ฮ่องเต้ปิดฎีกาในมือ เอามือไพล่ไว้ด้านหลังแล้วเดินลงมา เด็กหนุ่มอายุสิบสองปี ส่วนสูงนั้นสูงยิ่งแล้ว ทั้งองค์นิสัยเหมือนเด็กมิคลาย ค้อมเอวมาสบตาน่าอวี้ “หรือว่าเจ้าทั้งสองคิดว่าข้าโง่นัก เลยอยากจะซ้อนแผนมาหลอกข้า”
พอได้สบสายตาแล้วฮ่องเต้น้อยใจเต้นแรงโครมคราม เขาเกิดมาตั้งนานไม่เคยเจอใครที่งามดั่งน่าอวี้เยี่ยงนี้มาก่อนเลย จะว่าอย่างไรดี ก็เหมือนดั่งบัวหิมะบนเทือกเขาหิมะดอกหนึ่งที่หลายสิบปีหรือแม้แต่หลายร้อยปีถึงจะออกดอกสักครา งามแต่ไม่ยั่วยวน มีเสน่ห์แต่ไม่เหมือนใคร คุกเข่าอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับไม่ขัดขืนหรือต่อต้าน สายตาก็มีความหดหู่เหลือเกิน มองไปแล้วทำให้คนมองรู้สึกสงสารเหลือเกิน
น่าอวี้หน้าตาซีดเซียว เพิ่งจะไอมาริมฝีปากนางยังมีเลือดติดอยู่เลย ดูสีแล้วน่ากลัวแต่ก็งดงาม “มิใช่ว่าพระองค์ให้คนไปตามจับหม่อมฉันมาหรอกหรือ แล้วจะว่าหม่อมฉันร่วมมือกับเฝิงเยี่ยไป๋มาซ้อนแผนได้อย่างไร”
ฮ่องเต้ส่งสัญญาณมือไปที่พั่งไห๋ให้เขาออกไป พั่งไห่ก็แสนจะหัวไว ตอนออกไปก็สะบัดมือให้คนในตำหนักออกไปหมดเสีย
“เราก็พูดไปอย่างนั้นเอง” เขาดึงแขนนางพยุงให้นางลุกขึ้น สองคนเมื่อยืนตรงหน้ากันเปรียบเทียบแล้ว เขายังสูงกว่านางอยู่กว่าหนึ่งช่วงศีรษะ “เจ้าจะสารภาพอะไรกับเรา”
น่าอวี้ถามกลับว่า “พระองค์ทรงประสงค์จะทราบอะไรเล่าเพคะ”
คนหนึ่งก็คือฮ่องเต้เยาว์วัยที่มีพระชนมายุเพียงสิบสองพรรษา อีกคนนั้นอาศัยสมองตนวางแผนทำร้ายผู้อื่นถึงได้มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ นางโตกว่าฮ่องเต้ตั้งแปดฝนแปดหนาว ความรู้ก็มาก ทั้งยังฉลาดกว่า ไหนเลยจะถูกฮ่องเต้จูงจมูกเดินเอาได้ง่ายๆ
มือทั้งสองของฮ่องเต้ไพล่หลัง แสร้งถอนหายใจเสียงดังแล้วเดินกลับไปนั่งที่บัลลังก์ “ที่เราอยากรู้ เจ้าสามารถบอกเราได้ทั้งหรือไม่ เจ้าจะรับประกันได้อย่างไรว่าที่เจ้ารู้เป็นสิ่งที่เราอยากถาม”
“ตอนนี้ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของพระองค์คือซู่อ๋อง พระองค์กำลังระแวงว่าเฝิงเยี่ยไป๋กับซู่อ๋องกำลังร่วมมือกัน”
ฮ่องเต้มองนางด้วยสายตาชื่นชม “ไหนๆ เจ้าก็พูดออกมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นระหว่างพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรที่มีลับลมคมในหรือไม่”
ตอนที่ 606 ภรรยานั้นถูกชายอื่นแย่งไปเสียแล้ว
อวี่เหวินลู่ไปได้ไม่กี่วันก็กลับมาอีกแล้ว ตามปกติต้องลอบเข้าเมืองหลวง แอบเข้าจวนอ๋อง แอบเข้าห้องเฉินยางด้วยความคุ้นชินกับประตูและหนทาง นั่งดื่มด่ำชาสักกา รอคอยสักครู่ในที่สุดนางก็กลับมา
ยังดีที่หนนี้เป็นซั่งเหมยที่เข้ามาก่อน เมื่อเห็นอวี่เหวินลู่ก็ตกใจจนแทบจะกระโดดออกไป กดความตระหนกไว้ในอกรีบหมุนตัวไปเรียกเฉินยาง “นายหญิง…นี่…ท่านดู….”
เฉินยางก้าวเข้ามามองแล้วก็กลอกตามองบนคราหนึ่ง ไม่ได้ตระหนกเหมือนหลายคราก่อนแล้ว คล้ายกับว่าชาชินเสียแล้ว จากนั้นเอี้ยวตัวไปนั่งอย่างช้าๆ พลางเอ่ยกับซั่งเหมยว่า “เจ้าไปเรียกเฉาเต๋อหลุนมา ถามเขาทีว่าเวรยามนั้นทำงานกันอย่างไร ท่านอ๋องไม่อยู่พวกเขาก็ละเลยข้าอย่างนี้เลยหรือ เหตุใดจึงให้ใครต่อใครเข้ามาก็ได้”
อวี่เหวินลู่บีบจอกในมือเล่น เม้มปากอมยิ้มชั่วร้ายเอ่ย “เยือนถึงบ้านนับเป็นแขก เจ้าก็ต้องรับแขกเยี่ยงนี้หรือ”
“อย่าเชียว จวนอ๋องไม่มีแขกระดับสูงเช่นท่าน ตอนนี้สามีข้าไม่อยู่ ท่านมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย หากมีคนอื่นพบเจอเข้าจะพูดถูกเป็นผิดไปได้”
เฝิงเยี่ยไป๋เพิ่งจะก้าวออกไปเขาก็ก้าวเข้ามาแล้ว หากไม่มีเจตนาอื่นใดจะเป็นอะไรไปได้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจ เฉินยางไม่ใคร่ต้อนรับเขา เลยไม่อยากมองหน้าเขา ส่งสัญญาณไปยังซั่งเหมยให้นางรีบไป
ซั่งเหมยได้รับสัญญาณจากเฉินยางแล้ว ทั้งยังมองออกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครานี้ อวี่เหวินลู่คงไม่ได้หวังดีกับครอบครัวนางแน่ ไม่พูดว่าในใจชั่วร้ายเพียงใด แต่ก็ต้องไม่มีความหวังดีๆ อันใดแน่
หนนี้ก็พุ่งเป้ามาตรงมาที่ห้องนอนเลย ไม่ได้เข้าใจเรื่องข้อห้ามใดๆ เสียจริง สายตาที่มองนายหญิงนั้นช่างร้อนแรง…แม้คำพูดไม่น่าฟัง แต่สายตากลับปดผู้คนไม่ได้ คนในหลงใหลแต่ผู้ชมแจ้งแก่ใจนัก นายหญิงมองไม่เห็น แต่สิ่งที่พวกนางบรรดาข้ารับใช้ฝึกฝนมาจากในวังก็คือสายตาที่ใช้มองคนนี่แหละ มองไม่ผิดแน่
มิเสียแรงที่เป็นคนตระกูลอวี่เหวิน ข้อเสียนี้ไม่แบ่งคนหนุ่มคนแก่จริงๆ ลุงก็แบบนี้ หลานก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าหลานชายเก็บอาการได้ดีกว่ามาก มิได้มาแย่งเอาซึ่งหน้า กี่ครั้งแล้วล้วนแต่มาหยั่งเชิง เพียงแต่ครานี้ท่าจะมาไม่ดี หลายครั้งก่อนหน้า นายท่านอยู่ที่นี่เขามีใจแต่ไม่มีความกล้า หนนี้นายท่านไม่อยู่ทั้งยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด เยี่ยงนี้มิใช่ว่าทางสะดวกเลยหรือ
ซั่งเหมยนั้นยิ่งคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรมองข้าม หากนายท่านกลับมาแล้วพบว่าภรรยาตนถูกขุดไปแล้ว ต้องฆ่าคนเป็นแน่ คงต้องรีบไปปรึกษาท่านเฉาเพื่อคิดหาวิธีการเสียแล้ว!
เฉินยางนั่งเผชิญหน้ากับอวี่เหวินลู่บนโต๊ะเดียวกัน นั่งต่อหน้าสบตากัน เพียงแต่คนหนึ่งคิดลึกซึ้ง อีกคนไม่พอใจ คนหนึ่งเอาความอ่อนโยนเก็บซ่อนไว้กลางทะเลทรายห่างไกล คนหนึ่งไม่ปิดบังความเกลียดที่มีต่อเขาแม้แต่น้อย
อวี่เหวินลู่ไร้ซึ่งความเกรงใจ รินให้ตนเองหนึ่งแก้ว เลิกคิ้วมองนาง “ทำไมต้องมองข้าด้วยสายตาเกลียดชังอย่างนั้น ข้ากับเจ้ามีความแค้นต่อกันหรือไร”
“แล้วท่านมาทำอะไรอีก”
“เมืองหลวงเป็นบ้านของเจ้าหรือ ข้าอยากมาก็มา ต้องรายงานเจ้าด้วยหรือ เจ้านึกว่าตัวเองเป็นใครกัน”
เฉินยางเคาะโต๊ะ เหลือบมองด้วยสายตาเย็นชา “เมืองหลวงไม่ใช่บ้านข้า แต่จวนอ๋องแห่งนี้คือบ้านข้า หากท่านจะมาข้าห้ามไม่ได้ แต่นี่คือห้องนอนของข้า ชายหญิงแตกต่างกัน ท่านเข้าผิดหนสองหนก็มิเป็นไร แต่ทุกครั้งล้วนเป็นเยี่ยงนี้ ข้ารับใช้ไม่ไหว ท่านไม่เกรงคำครหา แต่ข้าหวั่นเกรงคำติฉินนินทาของผู้อื่นอย่างไรเล่า!”
ต่อให้ทำเพื่อเอาคืนเฝิงเยี่ยไป๋ แต่ก็ไม่ต้องถึงกับใช้วิธีทำลายความบริสุทธิ์ตนมาทำให้ต้องเสียหายทั้งสองทางกระมัง เฉินยางถอนใจพิงพนักเก้าอี้ รู้สึกได้ว่าสายตาของอวี่เหวินลู่ที่มองตนนั้นไม่ปกติ