ตอนที่ 603 สตรีบางคนมิใช่อยากแต่งก็แต่งได้ / ตอนที่ 604 นกพิราบครอบครองรังของนกกางเขน

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 603 สตรีบางคนมิใช่อยากแต่งก็แต่งได้

 

 

อวี่เหวินลู่มีแผนของตน เขาแค่ได้ยินว่าเฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยู่ในเมืองหลวงอยากหาโอกาสกลับไปพบเว่ยเฉินยาง ก็แค่หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง ไม่รู้ว่านางป้ายยาเสน่ห์อะไรให้เขา ทั้งที่บอกชัดเจนว่าจะลืมนางให้ได้ ภรรยาคนอื่นจะมาคิดถึงไม่ได้ แต่เขายิ่งบอกกับใจตัวเองว่าคิดถึงไม่ได้ ห้ามคิด เขายิ่งคิดถึงไปใหญ่ หลายวันมานี้ฝัน ในความฝันล้วนมีแต่นาง ดั่งคนที่ถูกมารปีศาจเข้าสิงก็มิปาน

 

 

ซู่อ๋องนั่นหลายปีมานี้ก็ได้ฝึกฝนการอ่านใจคน มองปราดเดียวก็รู้ว่าในนั้นจะต้องมีเรื่องอะไร ยกชาจิบอย่างไม่รีบร้อน สายตาแฝงความหมายลึกล้ำ “เจ้าอยากไปสืบเรื่องราวจริงๆ ถึงไปเมืองหลวง หรือว่า…ในเมืองหลวงนั้นมีอะไรหรือใครที่เจ้าคะนึงหา”

 

 

ประโยคนี้ทายได้ถูกแปดเก้าส่วน อวี่เหวินลู่ในใจนั้นขมวดเป็นขมขึ้นมา กัดฟันแน่น แสร้งทำเป็นรำคาญใจ “ลูกนั้นอยากจะช่วยท่านพ่อแบ่งเบาความรำคาญใจ ท่านพ่อกลับมาสงสัยว่าลูกจะละทิ้งงานสำคัญ ที่แท้ในใจท่านลูกไม่ได้ความเพียงนั้นเชียวหรือ”

 

 

“นั่นก็มิใช่ เจ้าเองข้างกายไร้ซึ่งสตรีใดจึงทำให้พ่อกังวลใจ เด็กหนุ่มนั้นเลือดร้อน ข้างกายจะไม่มีหญิงใดเลยได้อย่างไรกัน เจ้าบอกพ่อมาตามตรงเถิด ไม่ว่าจะเป็นสตรีแบบไหน พ่อจะช่วยพามาให้เจ้า”

 

 

อวี่เหวินลู่มองไปที่บิดาอย่างระแวดระวัง ลูกผู้ชายครานี้กลับกลายเป็นเหนียมอาย “แต่…หญิงบางคนไม่ใช่ว่าต้องใจก็จะแต่งกลับมาได้”

 

 

เพียงสองประโยคก็มองได้ชัดถึงก้นบึ้ง เป็นชายแต่จิตใจฟุ้งซ่าน แปดเก้าส่วนต้องเป็นเพราะผู้หญิงเป็นแน่ บุตรชายผู้นี้ หัวใจไร้หญิงใดมาหลายปี วัยที่ควรมีสตรีก็ไม่มี ไม่สนใจในหญิงใด สรรหาสตรีใดมาให้แม้ว่าจะเป็นยอดหญิงอันดับต้นๆ ที่คัดเลือกมาจากแคว้นเจียงหนาน ดึงดูดใจเพียงใด ก็ไม่เห็นว่าเขาจะหลงใหลสตรีนางใด นี่ถือเป็นคราแรกที่เห็นเขาใส่ใจในหญิงใดถึงเพียงนี้ ในฐานะที่เป็นบิดาจึงประหลาดใจยิ่งนัก เป็นหญิงเช่นไรกันที่ทำให้ลูกชายตนหลงใหลถึงเพียงนี้

 

 

ในเมื่อเป็นสตรีที่บุตรชายต้องใจ คนเป็นบิดานั้นอย่างไรเสียก็ต้องสนับสนุน ซู่อ๋องนั้นสำราญใจยิ่ง รีบถามไปว่า “สตรีแบบใดกันที่เจ้าแต่งไม่ได้ เจ้าบอกพ่อมา พ่อช่วยหาวิธีได้ หากไม่ได้จริงๆ ก็ยังมีป้าเจ้า ผู้หญิงด้วยกันคงพูดกันง่ายหน่อย ลูกชายข้าก็ไม่ได้แย่ หน้าตายิ่งไม่ต้องพูดถึง ลำพังแค่ชาติตระกูลอีกหน่อยพอแต่งเข้ามาแล้วนั่นก็ถือว่ามีโอกาสได้เป็นฮองเฮาแล้ว สามีที่ดีอย่างนี้จะไปหาที่ไหนได้อีก หญิงสาวบ้านใดกันช่างมิรู้ความเสียเหลือเกิน”

 

 

อวี่เหวินลู่มิกล้าเอ่ยออกไป อ้ำอึ้งอยู่นานก็ไม่กล้าเอ่ย ใบหน้าแดงก่ำ ดื่มชาแทนสุราไปหลายอึก หอบตัวโยน ไม่เพียงแต่รีบร้อนทั้งยังมีอารมณ์เคือง “ท่านไม่เข้าใจหรอก สตรีนางนี้ลูก…ข้าต้องใจนาง แต่ลูก…แต่งไม่ได้”

 

 

เหตุใดจึงแต่งไม่ได้เล่า ซู่อ๋องได้ฟังก็ร้อนใจหนักหนา “หญิงแบบใดกันที่เจ้าแต่งไม่ได้ เจ้าบอกพ่อมา เจ้าไม่บอกพ่อจะช่วยเจ้าคิดหาวิธีได้อย่างไร หรือว่า…คือบุตรสาวของขุนนางใหญ่ตระกูลใด หรือว่า…เป็นหญิงนางโลมหรือ อย่างนั้น…หากเจ้าต้องใจนางจริงๆ นางโลมก็มิใช่จะมิได้ ไถ่ตัวนางเสียแล้วแต่งเข้ามาเป็นอนุพ่อก็จะไม่ห้าม ขอแค่ภรรยาหลวงนั้นสามารถออกหน้าออกตาได้เป็นพอ ขอแค่เจ้าต้องใจ ไม่ว่าอย่างไร พ่อจะช่วยเจ้าแต่งกลับมาให้ได้”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 604 นกพิราบครอบครองรังของนกกางเขน

 

 

อวี่เหวินลู่เอ่ยปากไม่ได้จริงๆ คำพูดนี้จะเอ่ยปากกับบิดาได้อย่างไรกัน ว่าเขาเองเหมือนกับฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่ไปต้องไปคนมีสามีแล้ว อีกอย่างหญิงคนนี้ยังมีลูกแล้ว ทั้งยังเป็นผู้หญิงของเฝิงเยี่ยไป๋อีกด้วย

 

 

ไม่ต้องพูดถึงว่าท่านพ่อจะคัดค้านหรือไม่ที่ไปต้องใจหญิงมีสามีแล้ว แค่บอกว่าเกี่ยวข้องกับเฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่ได้แล้ว ยิ่งตอนนี้พวกตนต้องการยึดอำนาจ ทั้งยังหนีไม่พ้นการช่วยเหลือจากเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้ หากเกิดเรื่องทำนองนี้ตอนนี้ หากต้องแตกหักกับเฝิงเยี่ยไป๋ล้วนไม่เกิดผลดีอะไรกับเขาเลย

 

 

อวี่เหวินลู่คิดจะตัดใจจากเว่ยเฉินยางแล้ว แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้มีการติดต่อกัน ล้วนมีเพียงแต่เขาที่หลงรักฝ่ายเดียว ตอนนี้เขายังตัดใจไม่ได้ แต่ในเมื่อแน่วแน่แล้ว ก็ต้องสามารถลืมนางได้เป็นแน่

 

 

เขายิ่งไม่พูด ซูอ๋องยิ่งสงสัย ก็ยิ่งอยากถามซักไซ้ให้ถ่องแท้ อวี่เหวินลู่เกรงว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปต้องหลุดปากเป็นแน่ ทั้งยังถูกซู่อ๋องดูออกอีก จึงรีบร้อนลุกขึ้น กล่าวลาแล้วออกไปทันที

 

 

เขาเองก็ไม่เข้าใจ ใต้หล้ามีหญิงนับพันนับหมื่น ที่ดีก็ไม่น้อยเลย แต่ทำไมตนนั้นถึงเหมือนตกอยู่ในกำมือของเว่ยเฉินยางเล่า

 

 

ไหลลู่เมื่อครู่อยู่ด้านนอกล้วนได้ยินหมดแล้ว ซู่อ๋องไม่ได้รั้งเขาไว้ หากดูตามนิสัยของคนตระกูลนี้แล้ว เมืองหลวงรอบนี้อย่างไรเสียก็ต้องไป ในเมื่อต้องไป ถ้าเช่นนั้นเขาก็กลับไปเตรียมตัวเสียหน่อย จึงรีบมาถามเขา “นายน้อย ท่านจะไปเมืองหลวงจริงๆ หรือ ผู้น้อยจะรีบกลับไปเตรียมของไปกับท่านเดี๋ยวนี้”

 

 

อวี่เหวินลู่กวาดตามองหนึ่งที “ไม่ต้องเตรียม พวกเราไปพักที่จวนอ๋อง”

 

 

ไหลลู่คแค่นเสียงหึเสียสองที ทำใจกล้าสอดปากถามไป “ที่นั่นมิใช่จวนซู่อ๋องแล้ว พวกเราไปพักจะถือว่าเป็นอะไร พิราบยึดรังกางเขนรึ”

 

 

“อะไรคือนกพิราบครองรังนกนางแอ่น พิราบครองรังนางแอ่น” อวี่เหวินลู่ถอดหมวกสักหลาดแล้วโยนไปทางนั้น “ใต้หล้านี้ไม่นานก็ต้องตกเป็นของพวกเรา จวนอ๋องก็เป็นของเรา ข้าพักบ้านตัวเองจะมีปัญหาอีกอะไร”

 

 

ไหลลู่บ่นพึมพำ “ข้าน้อยเห็นว่าท่านมิใช่อยากจะไปสืบราชการหรอกหรือ ข้าน้อยเห็นท่านใจประหวัดแต่พระชายาอ๋องมิใช่หรือ

 

 

อวี่เหวินลู่ในใจหงุดหงิดยิ่งนัก ตกใจเมื่อถูกพูดแทงใจดำ เมื่อความลับถูกตีแผ่ ดั่งถูกตบหน้าช่างน่าอายยิ่ง อวี่เหวินลู่โกรธจนควันออกมาจากทวารทั้งเจ็ด วาดเท้าเตะด้วยอารมณ์เคืองไม่หาย “พูดเรื่องบ้าอะไรของเจ้า ข้าจะบอกเจ้าให้ เรื่องนี้เจ้าต้องปิดปากให้สนิทเลย หากเจ้ากล้าทำให้รั่วไหลแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะเด็ดหัวเจ้าออกมาเสีย!”

 

 

ไหลลู่กอดศีรษะวิ่งหนีดังหนูลอดหาทาง “ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยติดตามท่านมาแต่เด็ก ข้าน้อยเป็นคนเช่นไรท่านมิรู้หรือ ปากนี้รับรองปิดสนิทแน่นอน หากท่านไม่ให้พูด ข้าน้อยจะปิดปากให้สนิท แต่ว่าท่าน…ทำเยี่ยงนี้เหมือนงัดกำแพงบ้านแย่งภรรยาผู้อื่นไปหน่อยกระมัง”

 

 

“เจ้าจะไปรู้อะไร! งัดกำแพงบ้าน [1] อะไรกัน ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ ไสหัวไป รีบไปเก็บของไป หากยังพูดมาก ข้าจะเย็บปากของเจ้าเสีย!”

 

 

ไหลลู่ลูบบั้นท้าย บ่นพึมพำพลางวิ่งออกไป “ก็มันใช่นี่ ข้าน้อยมิได้ตาบอดเสียหน่อย ท่านเอาแต่อยากไปแต่ที่นั่น”

 

 

อวี่เหวินลู่ลูบหน้า หน้านั้นทั้งแดงทั้งร้อน ใช่อยู่ที่เขานั้นเห็นแก่ตัว แต่เรื่องความรักนี้ใครจะพูดให้ถ่องแท้ได้เล่า แค่หนนี้แหละ อย่างไรเสียก็ต้องตีเมือง หลังจากนางไปแล้วก็ไม่เจอกันอีก ก็คงไม่คิดถึงแล้วกระมัง คงค่อยๆ ลืมไปเองเป็นแน่

 

 

ตอนนี้จะช้าไม่ได้แม้สักเค่อ ไหลลู่รีบเก็บของ คืนนั้นก็มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงแล้ว ทั้งกังวลและตื่นเต้นไปหมด

 

 

 

 

——

 

 

[1] งัดกำแพงบ้านผู้อื่น เป็นสำนวน หมายถึง ตีท้ายครัวบ้านผู้อื่น