รอดมาได้อย่างปลอดภัย
เป็นเคล็ดที่โหดร้ายอย่างมาก ! อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยไม่ได้คิดจะใช้ เคล็ดนี้อย่างโหดร้ายหรือทารุน แต่มันจำเป็น ! แต่ละการโจมตีในกระบวนท่าทั้งหมดนี้ สามารถทำให้ถึงตายทั้งนั้น และการรวมกันของการปะทะนั้นทำให้ผลของมันรุนแรงมากขึ้น !
เหตุที่เขาถือว่าการโจมตีนี้เป็นเรื่องจำเป็นนั้นง่ายมา เส้นทางของเขาถูกขวางโดยเชวียนหยก และทางเดียวที่จะผ่านไปได้นั้นก็คือการใช้เคล็ดอิสระหยินหยาง หรือไม่ก็พยายามสังหารโดยไม่ใช้ปราณเชวียน ซึ่งเขารู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะ ทะลวงปราณเชวียนป้องกันที่แข็งแกร่งของศัตรูได้ ! เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงใช้เคล็ดอิสระหยินหยางเพื่อผ่านชายผู้นี้ไปให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะหยุดและสังหารองครักษ์ของเขา !
จ้าจำเป็ต้องตายเพื่อนข้า ! มันจะดีกว่าหากเจ้าตายแทนที่จะเป็นพวกเรา ! ดังนั้น เจ้าต้องตายไปซะ !
จวินโม่เซี่ยรู้ดีว่าเขาไม่อาจจะเสียเวลาไปได้แม้เพียงวินาทีเดียว นอกจากนี้ เขายังมีเวลาน้อยนักที่จะทำให้ทุกคนปลอดภัย และดังนั้น เขาจึงพุ่งเข้าไปใส่ร่างของศัตรูอย่างเต็มพลัง !
สำหรับสิ่งที่จวินโม่เซี่ยกังวล คือมือสังหารผู้นั้นจะตำหนิตัวเองเนื่องจากการที่ต้องตายอย่างอนาถ หากชายผู้นั้นไม่แข็งแกร่ง เขาก็คงตายไปได้ง่ายๆแล้ว !
แม้ว่าจวินโม่เซี่จะต่อยเข้าไปที่ร่างของชายผู้นั้นอยู่หลายครั้งอย่างรุนแรง เขาก็ยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ในขณะที่ร่างของมือสังหารถูกเขาจับเอาไว้ด้วยเขาเองในระหว่างที่ทั้งสองเคลื่อนที่ไปข้างหน้า !
ตู้มมม !
ขณะที่จวินโม่เซี่ยต่อยเข้าไปครั้งสุดท้าย ร่างของยอดฝีมือเชวียนหยกก็ฉีกขาดเป็นชิ้นๆในทันที แขนและขาของเขาฉีกออกไปจากร่างกาย และลอยไปในทิศทางที่ต่างกัน ในขณะที่หัวของเขาหลุดออกจากคอและลอยข้ามหัวจวินโม่เซี่ยไป กระดูกของมือสังหารก็กระจายไปคนละทิศละทาง ในขณะที่เลือดของเขาผสมไปกับสายฝนที่ร่วงหล่นลงมา !
องครักษ์ของจวินโม่เซี่ยรีบวิ่งฝ่าสายฝนที่ผสมไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็ว ความจริง พวกเขาไม่วิ่งช้าลงเลยในขณะที่การต่อสู้นี้เกิดขึ้น ! เหล่ามือสังหารที่ไล่ตามพวกเขาไปเห็นเหตุการณ์นี้ได้อย่างชัดเจน ในสายตาของพวกเขา ปิศาจตนนี้ได้สร้างหลุมสีแดงขนาดใหญ่ขึ้นด้วยร่างของลูกพี่ของพวกเขา และฉีกร่างของเขาออกไปเป็นชิ้นๆราวกับกระดาษ !
ผู้หลบหนียังคงวิ่งต่อเนื่องไปอย่างรวดเร็ว และไปถึงอีกมุมหนึ่ง … และสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าถึงที่ปลอดภัยแล้ว !
แสงของปราณเชวียนสองสามลำพุ่งผ่านสายฝุนและตรงไปหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว กองช่วยเหลือของสกุลจวินมาถึงแล้ว !
“ เซี่ยว ฉี ! … ”
ลี่ฉีวูวิ่งตรงไปเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในขณะที่เขาเพ่งมองไปยังท้องฟ้าท่ามกลางสายฝน ในขณะที่เขาเห็นหัวของเพื่อนเขาลอยผ่านอากาศมา เขาหยุดในขณะที่หัวร่วงลงไปถึงพื้น กลิ้งไปสองรอบและมาหยุดข้างๆเท้าของเขา หัวของเพื่อนที่ไร้วิญญาณนั้นหันขึ้นมาข้างบน แต่ มันไม่มีดวงตา … สีหน้าของเขายังคงดุร้ายอยู่ … แม้แต่รอยยิ้มอันอำมหิตก็ยังคงอยู่บนใบหน้าที่ไร้วิญญาณของเขา !
ราวกับว่าชายผู้นี้พบกับฟ้าแลป และยังไม่ทันได้เปลี่ยนสีหน้า ในขณะที่เขาต้องพบเจอกับความตาย !
แม้ว่าชายทั้งสองจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่พวกเขาก็ได้มาเป็นพี่น้องกันเนื่องจากภารกิจเสี่ยงตายที่ร่วมทำกันมานับสิบปี ! และตอนนี้หัวของพี่น้องของเขาก็ร่วงมาอยู่ข้างๆเท้าของเขา !
แม้ว่าเขาจะเอาชิ้นส่วนของพี่น้องเขาทั้งหมดมาต่อเข้าด้วยกัน ลี่ฉีวูก็รู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะเอามันกลับมาต่อได้เหมือนเดิม !
ความรู้สึกประหลาดนี่คืออะไรกัน ?
ผู้นำมือสังหารในชุดดำสามารถสัมผัสได้ถึงเลือดที่ยังคงอุ่นเขา ยังคงได้ยินเซี่ยวฉี้โอ้อวกเรื่องลูกชายที่ฉลาดปราดเปรื่อง พวกพ้อง และคนรักของเขา … เขายังจำได้ว่า เซี่ยวฉีจะวางมือหลังจากจบภาระกิจสุดท้ายนี้ และไปดูแลลูกและเมียของเขา … ให้ห่างไกลจากเมืองนี้ ดั่งเช่นคนธรรมดา และมีความสุขตราบนานเท่านาน …
เขายังคงได้ยินคำพูด และแม้แต่มองเห็นถึงความปราถนาภายในดวงตาราวกับเขาจะบอกว่า . ข้าเกลียด และเบื่อหน่ายชีวิตที่เต็มไปด้วยเลือดนี่แล้ว !
และแล้ว … ตอนนี้เพื่อนผู้ที่เชื่อฟังคำสั่งของเขา และตรงเข้าไปเพื่อยับยั้งผู้หลบหนี !
และตอนนี้เขาก็ได้ตายไปต่อหน้าต่อตาของเขา ! และตายอย่างสยดสยองเป็นที่สุด !
และมันเป็นเพราะคำสั่งของเขา …
“ เจ้าเป็นใคร ? ข้าท้าให้เจ้าบอกชื่อเจ้ามา ! ”
ลี่ฉีวูคำรามขณะที่เขายืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝน … เสียงของเขาแหลมราวกับวานรเฒ่า !
“ เจ้าเป็นใครรรร …. ?! ”
มีลำแสงเปล่งขึ้นมาบนท้องฟ้าอีกครั้ง และเสียงฟ้าผ่าเริ่มคำรามออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจากท้องฟ้าเบื้องบน ราวกับเสียงกลองศึก ทรงพลังและหนักแน่น ข่มขวัญและกระหายเลือด !
มือสังหารจวินตะโกนกลับไปด้วยเสียงอันดัง
“ ข้าท้าให้เจ้าบอกชื่อเจ้ามา ! ”
เมื่อกำลังเสริมของสกุลจวินมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง … และจวินโม่เซี่ยก็รู้ว่า ความคิดของผู้นำมือสังหารผู้นั้นกำลังสับสน เนื่องจากเขาเสียเพื่อนของเขาไป และหวังจะล้างแค้น !
ลี่ฉีวูตะโกนกลับไปอย่างเกลียดชัง
“ ข้าคือ …. เจ้ามันเลวทราม … อย่างน้อยก็กล้าที่จะบอกชื่อของเจ้ามาหน่อย ! ”
เขารู้ถึงความต้องการของศัตรูในวินาทีสุดท้าย และเขาไม่ยอมเอ่ยชื่อของเขาออกไป
แต่ก็ไม่มีผู้ใดตอบกลับมา … อย่างไรก็ตาม กำลังเสริมของสกุลจวินเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์นั้น
“ ถอย ! ”
เสียงอันเยือกเย็นดังออกมาจากคอหอยของหญิงชุดดำ ผมที่เปียกของนางปิดลงมาบนใบหน้าของนาง และสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนผ่านผ้าคลุมหน้าของนาง และพูดอย่างเยือกเย็นได้ว่า ศิษย์ของนางได้จากไปด้วยความเจ็บปวดและผิดหวัง แต่กระนั้น นางก็ยังหนักแน่นมากพอที่จะสั่งให้ล่าถอย
ลี่ฉีวูรู้ได้สติขึ้นมาทันที และก้มลงไปเก็บหัวของเพื่อน เขาพยายามกรีดร้องออกมาอีกครั้ง แต่เสียงของเขาก็หายไปก่อนที่เขาจะรู้ว่าจะต้องพูดอะไร และเขาก็เพ่งมองไปยังหลังของจวินโม่เซี่ยและองครักษณ์ของเขา … แววตาของเขาแสดงให้เห็นถึงคลื่นแห่งความเกลียดชังที่ซัดสาดอยู่ภายในใจของเขา !
จากนั้น เขาก็หันหลังและจากไปโดยที่ไม่พุดอะไรอีกเลย
พี่เซี่ยวฉี … ข้าจะพาท่านกลับบ้าน !
ดวงตาที่โศกเศร้า และเต็มไปด้วยน้ำตาของเขา หายเข้าไปสู่ความมืดของท้องถนน
มือสังหารที่เหลือไม่สามารถที่จะไปเก็บชิ้นส่วนต่างๆของเพื่อนของเขาได้ และบังคับตัวเองให้ทิ้งร่างเหล่านั้นไว่เบื้องหลัง ในตอนที่กองทหารของสกุลจวินมาถึง พวกเขาก็ได้เห็นซากศพจำนวนมากบนพื้น ….
จวินโม่เซี่ยตัดสินใจแก้สถานการ และทำลายการลอบสังหารเขาได้ในทันที …
แสงสีเหลืองเปล่งประกายริบหรี่ในที่ไกลออกไป ราวกับมันกำลังลอยผ่านทาองฟ้าอันมืดมิด และร่อนลงมาตรงหน้าขององครักษ์ทั้งแปด
“ นายน้อยของเจ้าอยู่ใหน ? ”
เขาคือ หัวหน้าพ่อบ้าน ผู้เฒ่าผัง ! จริงๆแล้วผู้เฒ่าที่ภักดีกับสกุลจวินผู้นี้คือยอดฝีมือเทพเชวียน !
คนทั้งแปดตกตะลึงเมื่อรู้ความจริงนี้ !
ชายสวมหน้ากากบอกว่านายน้อยปลอดภัยแล้ว … แต่เขาอยู่ใหนละ ? ท่านนายน้อยไปใหน ? เขายังไม่ถึงบ้านหรือ ?
เนื่องจากไม่มีคำตอบ พวกเขาก็เพียงแต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย
ใบหน้าของผู้เฒ่าผังเริ่มมีรอยย่นขณะที่คิ้วทั้งสองของเขาเลิกขึ้น เขาถามอย่างโศกเศร้า
“ เจ้าทิ้งนายน้อยของเขา และเอาตัวรอดมาโดยลำพังจริงๆหรือ ? ”
เสียงของเขาเริ่มปะปนไปด้วยความดุร้าย !
“ อ๋า … ไม่ … นั่น … ยอดฝีมือลึกลับบอกว่าเขาช่วยเหลือนายน้อยไปแล้ว … พวกเราถูกศัตรูล้อมไว้ในตอนนั้น แต่ เขาก็ช่วยพวกเรา … นายน้อยยังไม่ถึงบ้าน …. ”
ดวงตาของจวินฮูมองไปที่พื้นในขณะที่เขาก้มหัวต่ำด้วยความอับอาย เขารู้ว่าหากนายน้อยตาย เขาและชายเหล่านี้จะต้องชดใช้ด้วยชีวิต
“ ยอดฝีมือลึกลับ ? ใครกันคือยอดฝีมือลึกลับ ? เขาอยู่ใหน ? ”
เสียงของผู้เฒ่าผังเยือกเย็นเพิ่มขึ้นในแต่ละคำถามที่เขาถาม
“ เจ้าทิ้งนายน้อยเพราะคำพูดของคนที่ไม่รู้จักจริงๆหรือ ? และเจ้าก็หนีมาเพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าหรือ ? เจ้าเข้ามาสู่สกุลนี้เพื่ออะไรกันแน่ ?! ”
“ ฉึบ ! ”
ชายทั้งแปดคุกเข่าลงไปที่พื้นท่ามกลางสายฝนพร้อมๆกันโดยที่ไม่มีการแก้ตัวใดๆ และดูเหมือนว่าเขาจะเต็มใจรับความผิดของพวกเขา
ผู้เฒ่าผังถอนหายใจและคำราม
“ จวินฮู น่าเสียดายที่พวกเรารับเจ้าเข้ามาในสกุล ฝึกฝนเจ้า และไว้ใจให้เจ้าไปรับรองความปลอดภัยของนายน้อย เรามอบหมายให้เจ้าไปรักษาความปลอดภัยของเขา ! และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาของนายน้อยเป็นเช่นไร ! เจ้าจะถูกขังในความผิด ตามกฏของทหาร ! เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่ ? ”
“ ข้าไม่มีอะไรจะแก้ตัว ข้ายอมรับบทลงโทษ ”
จวินฮูยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ในขณะที่ฝนและเลือดไหลลงไปทั่วทั้งใบหน้าของเขา
เขาสามารถพูดอะไรได้หลายอย่าง … เช่น เขาเพียงแต่ทำตามคำสั่งของนายน้อย และเนื่องจากนายน้อยเป็นเป้าหมายของการโจมตีนี้ พวกเขาจึงหนีออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของศัตรู เขาอาจจะพูดถึงความกล้าหาญที่เขาได้ต่อสู้ … เขาสามารถพูดมันออกมาได้ทั้งหมด แต่ เขาเลือกที่จะเงียบ เขารู้ดีว่าหากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับนายน้อย คำพูดของเขาก็ไม่มีค่าอะไรเนื่องจากเขาล้มเหลวในการทำหน้าที่ !
“ เดี๋ยวก่อน … ”
จวินโม่เซี่ยกระโดดขึ้นมาจากกำแพงใกล้ๆ และวิ่งออกมา
“ ผู้เฒ่าผัง โปรดอย่าโทษคนเหล่านี้ หากจวินฮูไม่ต่อสู้อย่างกล้าหาญและทำให้ศัตรูสับสน ข้าก็คงจะไม่สามารถหนีออกมาได้ ”
จวินโม่เซี่ยเล่าถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของจวินฮู
“ เป็นจริงหรือ ? ”
ใบหน้าของผู้เฒ่าผังสงบลงในทันที
“ เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดละ ? ”
จากนั้นเขาก็หันไปรอบๆและถาม
“ ยอดฝีมือลักลับที่ช่วยพวกเจ้าอยู่ที่ใหนกัน ? ชายผู้นี้ ช่วยปกป้องชีวิตของนายน้อย … ทั้งสกุลได้ติดหนี้เขา และเขาจะต้องได้รับสิ่งตอบแทน ”
“ เขาไปทางนั้น แต่เขาว่องไวมาก และข้าก็ไม่มั่นใจว่าหลังจากนั้นเขาไปทางใหนต่อ … ”
จวินฮูชี้นิ้วไปทางจวินโม่เซี่ย ในขณะที่เขายังคงคุกเข่าอยู่
“ ชายผู้นั้น แปลกประหลาดมาก … เขาโยนข้าลงบนพื้น ”
จวินโม่เซี่ยถูหน้าผากราวกับมันช้ำ
“ เขายังเตะข้าอีกหลังจากที่ช่วยชีวิตข้า และจากไปโดนไม่บอกลา ”
“ คนผู้นั้นหน้าตาเป็นเช่นไรกัน ? ”
ผู้เฒ่าผังเริ่มคิดไปมาหลายอย่าง
“ เขาใส่หน้ากาก มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอก ”
จวินโม่เซี่ยและจวินฮูพูดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แม้ว่าเสียงของจวินโม่เซี่ยนั้นจะฟังดูเขลา แต่น้ำเสียงของจวินฮูนั้นเต็มไปด้วยความขอบคุณ
ผู้เฒ่าผังสบัดมือขณะที่เขาพูดด้วยเสียงต่ำ
“ พวกเจ้าทั้งแปดจะต้องไปรายงานแก่นายท่าน และเจ้าจะต้องเล่าเรื่องทั้งหมดโดยไม่มีการตกหล่น และรอการตัดสินของนายท่าน ! ”
“ ขอรับ ! ” ชายทั้งแปดตอบรับและยืนขึ้นพร้อมๆกัน
Translate by iHaveNoName