ตอนที่ 728 ถอยทัพ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 728 ถอยทัพ

ในตอนนี้ฮ่องเต้ก็ตระหนักได้ถึงเรื่องที่พระองค์ทำกับจวนอ๋องมู่ได้แล้ว พระองค์กระทำเรื่องโง่เขลาไปมากโดยยอมให้ฟางหลิงซู่ยั่วยุอย่างง่ายดายจนเกือบทำให้ความสัมพันธ์ของพระองค์และมู่จวินฮานต้องพังทลาย

ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้ก็จะรู้สึกผิดต่อความภักดีของมู่จวินฮานและอดีตอ๋องมู่ รู้สึกผิดต่อราษฎรว่าหากพระองค์หลงผิดไปกับเรื่องส่วนตัวเพียงชั่วขณะจนปล่อยให้จวนอ๋องมู่หลุดจากการควบคุม วันหน้าราษฎรจะต้องเดือดร้อนแน่นอน

ความจริงแม้ฮ่องเต้จะมีพระชนมายุมากและค่อนข้างเลอะเลือน แต่ก็ยังคิดเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างกระจ่าง พระองค์รู้ว่าจวนอ๋องมู่เป็นกำลังสำคัญของต้าโจว ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงนำทัพและร่วมออกรบกับมู่จวินฮาน

ทรงหวังเพียงว่าจะเชื่อมสัมพันธ์กับจวนอ๋องมู่ได้ แต่มู่จวินฮานมิได้คิดเรื่องพวกนี้เลย เขาเพียงอยากช่วยอันหลิงเกอออกมาให้ได้เท่านั้นเพราะถึงจะเป็นเรื่องดีที่สุด

ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวันที่จะเคลื่อนทัพ เวลานี้ใจของมู่จวินฮานซับซ้อนยิ่งนัก เขาต่อสู้ทางอารมณ์กับฟางหลิงซู่มานานแล้ว ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เผชิญหน้ากันในสนามรบ

เวลาเดียวกันอันหลิงเกอที่ทราบเรื่องสงครามว่าใกล้มาถึง นางก็เชื่อว่าฟางหลิงซู่ไม่มีทางทำร้ายมู่จวินฮาน เพราะนางรู้ว่าเมื่อฟางหลิงซู่รับปากแล้วต้องทำตามอย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่อันหลิงเกอคาดมิถึงก็คือฟางหลิงซู่หลอกใช้นาง เพราะเขารู้ว่าหากทำตามที่อันหลิงเกอร้องขอ มู่จวินฮานก็ไม่มีทางเดินตกหลุมพรางแน่นอน และการที่มู่จวินฮานมาอยู่ในสนามรบ เขาจะไม่มีทางให้อันหลิงเกอรับรู้เด็ดขาด

ตอนนี้อันหลิงเกอยังมิรู้ว่ามู่จวินฮานร่วมรบครั้งนี้ด้วยและมิรู้ว่าคู่ต่อสู้ของมู่จวินฮานคือฟางหลิงซู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมิรู้ว่าฟางหลิงซู่จะใช้นางเพื่อข่มขู่มู่จวินฮาน

เนื่องจากอันหลิงเกอเชื่อใจฟางหลิงซู่มากจึงคิดว่าเขาไม่มีวันหลอกลวงและไม่มีทางทำให้นางผิดหวัง ทว่าครั้งนี้นางคิดผิดไปเสียแล้ว

ฟางหลิงซู่ได้มาถึงสนามรบแล้ว สงครามระหว่างเผ่าปิงชวนกับราชสำนักต้าโจวเป็นศึกที่มีเพียงกำลังของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ไร้แคว้นหรือชนเผ่าอื่นยื่นมือเข้ามาแทรก ส่งผลให้ฝ่ายต้าโจวได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

เดิมทีการจะเอาชนะเผ่าปิงชวนมิใช่เรื่องง่ายหรอกเพราะทหารของเผ่าปิงชวนล้วนเก่งกาจและกล้าหาญ ฝ่ายทหารต้าโจวดูจะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย

ทว่าต้าโจวยังมีไพ่ตายคือกองทัพจำนวน 50,000 นายของมู่จวินฮาน เนื่องจากกองทัพ 50,000 นายแข็งแกร่งมากและสามารถเอาชนะศัตรูจำนวน 100 นายได้โดยใช้กำลังทหารเพียง 1 นายเท่านั้น

….

แล้ววันทำศึกก็มาถึง ตอนนี้ฟางหลิงซู่ยังมิออกมาปรากฏตัว ผู้นำทัพจึงยังเป็นรัชทายาทเยี่ยงเฮ่อหลานมู่เว่ยและเวลานี้มู่จวินฮานก็มิเห็นร่องรอยของอันหลิงเกอ ทว่าทันใดนั้นทหารของเผ่าปิงชวนก็นำปิ่นปักผมชิ้นหนึ่งมาให้เขา

เพียงปิ่นปักผมก็ทำให้มู่จวินฮานหวั่นใจได้แล้วเพราะมิรู้ว่าตอนนี้อันหลิงเกอเป็นเยี่ยงไรบ้าง ขณะนี้สนามรบกำลังวุ่นวาย แม้ต้าโจวเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่มู่จวินฮานก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ดี

ทันใดนั้นมู่จวินฮานก็เห็นฟางหลิงซู่อยู่บนหลังอาชาที่ห่างออกไป ฟางหลิงซู่เพียงส่งสายตาให้เขา จากนั้นก็เชิดหน้าและขี่ม้าไปอีกด้านหนึ่ง ส่วนมู่จวินฮานก็รู้ทันทีว่าฟางหลิงซู่ต้องการให้ตามไป

มู่จวินฮานรีบหันศีรษะอาชาแล้วตามฟางหลิงซู่ไปทันที เมื่อมาถึงสถานที่ไร้ผู้คนอยู่ฟางหลิงซู่ก็ลงจากหลังม้าแล้วยืนรอ เมื่อมู่จวินฮานเห็นฟางหลิงซู่หยุดเคลื่อนไหวก็ลงจากหลังม้าแล้วเดินไปหา

“อ๋องมู่คงสบายดี” ฟางหลิงซู่เอ่ยกับมู่จวินฮานด้านท่าทีเป็นมิตร มินานบนใบหน้าก็ไร้ความปรารถนาดีที่เสแสร้งอยู่อีก บัดนี้เขามองมู่จวินฮานด้วยความเย็นชาเท่านั้น

“มีอันใดก็พูดมาเถิด” เป็นธรรมดาที่มู่จวินฮานจะเห็นความเป็นปฏิปักษ์ของฟางหลิงซู่ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาใจเย็นจึงหวังเพียงว่าฟางหลิงซู่จะกล่าวเข้าประเด็นเสียที

“ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้อันหลิงเกออยู่ที่ใด ? ” ฟางหลิงซู่มิได้พูดออกมาตามตรง แต่กล่าวถึงหัวข้อที่มู่จวินฮานสนใจก่อน เมื่อมู่จวินฮานได้ยินฟางหลิงซู่กล่าวเช่นนั้นก็ตื่นตัวทันที

“หากบอกว่านางมิได้อยู่ในมือของประมุขเผ่าแต่อยู่ในมือของข้า ท่านจะเชื่อหรือไม่ ? ” ฟางหลิงซู่เอ่ยพร้อมคลี่ยิ้มพลางเลิกคิ้วมองมู่จวินฮาน ตอนนี้เขากำลังมีความสุขยิ่งนัก

“อยู่ในมือท่านอย่างนั้นหรือ ? ” เมื่อได้ยินฟางหลิงซู่กล่าวเช่นนี้ก็ทำให้มู่จวินฮานมิรู้ว่าอีกฝ่ายคิดทำอันใดแน่ เดิมทีฟางหลิงซู่บอกข่าวทั้งหมดกับตน แต่ตอนนี้ฟางหลิงซู่มาบอกว่าอันหลิงเกออยู่ในมือเสียได้

จากนั้นฟางหลิงซู่มิได้กล่าวอันใดอีก แต่มู่จวินฮานก็เข้าใจดีว่าฟางหลิงซู่มิได้หลอกลวง หากคนอื่นมาพูดเช่นนี้เขาก็คงสงสัยเรื่องที่พักของอันหลิงเกอ แต่พอเป็นฟางหลิงซู่จึงรู้ว่ามิได้โกหก

“คุณชายฟางต้องการสิ่งใด ? ” มู่จวินฮานก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเพราะฟางหลิงซู่ไม่มีทางเปิดเผยความลับโดยไร้เจตนาแอบแฝงเด็ดขาด เป็นธรรมดาที่ทุกอย่างจะมีเหตุผลของมันเอง แค่มิรู้ว่าอีกฝ่ายมีเป้าหมายใดเท่านั้น

“ท่านจงถอยทัพ” ฟางหลิงซู่มองมู่จวินฮานพร้อมรอยยิ้ม หากคนอื่นมาได้ยินคำพูดอวดดีเช่นนี้ก็คงหัวเราะจนฟันร่วงไปแล้ว แต่ฟางหลิงซู่รู้ดีว่ามู่จวินฮานต้องทำตามที่บอกแน่นอน

“หากข้ามิทำแล้วจะเป็นเช่นไร ? ” มู่จวินฮานคาดมิถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้เรื่องนี้มาต่อรองจึงแสร้งเอ่ยถามฟางหลิงซู่ด้วยน้ำเสียงสบาย

“ตอนนี้ชีวิตของอันหลิงเกอมิได้อยู่ในการควบคุมของข้า หากท่านมิยอม แม้แต่ข้าเองก็คงช่วยนางมิได้ ท่านก็รู้ว่าประมุขเผ่าผู้นี้ใจดำอำมหิตมากเพียงใด อันหลิงเกอตกอยู่ใต้เงื้อมมือของเขาก็คงจะหวาดกลัวมิน้อย”

ประโยคนี้ของฟางหลิงซู่มิได้โกหกเพราะมิได้เป็นคนควบคุมชีวิตของอันหลิงเกอจริง ตัวเองก็ทำอันใดไม่ได้ มีเพียงเอาชนะต้าโจวถึงจะช่วยอันหลิงเกอออกมา และสิ่งสำคัญที่จะเอาชนะต้าโจวได้ก็อยู่ใต้บัญชาของมู่จวินฮาน

มู่จวินฮานได้ยินคำพูดของฟางหลิงซู่แล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นความจริง เพราะฟางหลิงซู่ไม่มีทางทำร้ายอันหลิงเกอ ทำให้มู่จวินฮานจมอยู่ในความคิด เขาสามารถยอมรับทุกอย่างได้ยกเว้นก็แต่การไม่มีนาง

ฟางหลิงซู่เห็นท่าทีของมู่จวินฮานเปลี่ยนไปจึงรู้ทันทีว่าได้ทำให้มู่จวินฮานหวั่นไหวแล้ว เขารู้ดีว่าอันหลิงเกอเป็นจุดอ่อนของมู่จวินฮานเสมอ

มู่จวินฮานมิได้เอ่ยอันใดกับฟางหลิงซู่อีก เขาขึ้นหลังม้าแล้วจากไปเพียงลำพัง ขณะมองแผ่นหลังของมู่จวินฮานแล้ว ฟางหลิงซู่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดได้แล้ว

แต่มิรู้เพราะเหตุใด เมื่อเขาเห็นมู่จวินฮานเป็นเช่นนี้แล้วทั้งที่ควรดีใจในแผนที่สำเร็จ เขากลับรู้สึกเจ็บใจขึ้นมา เนื่องจากมู่จวินฮานสามารถทำเพื่ออันหลิงเกอได้มากเพียงนี้ หากมีวันใดที่อันหลิงเกอรู้ความจริงก็จะต้องซาบซึ้งเป็นแน่

เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นฟางหลิงซู่ก็หัวเราะอย่างขมขื่น แม้ว่าควบม้าออกมาจากที่นั่นเหมือนกัน ทว่าเมื่อเทียบกับมู่จวินฮานแล้ว แผ่นหลังของฟางหลิงซู่ดูเศร้ายิ่งกว่า

เมื่อกลับถึงค่ายทหารก็เห็นได้ชัดว่ามู่จวินฮานใจมิอยู่กับเนื้อกับตัว ขณะมองฮ่องเต้และโม่ชิงในสนามรบเขาก็คิดว่าความจริงแล้วแผ่นดินมิได้เป็นของใครคนหนึ่ง มันเกิดจากความพยายามของทุกคนต่างหาก

ทันใดนั้นมู่จวินฮานก็คิดบางอย่างได้ว่าเมื่อเทียบกับเกียรติยศจากการทำลายล้างเหล่านี้แล้ว สิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดอาจเป็นแค่เรือนหลังหนึ่งที่สงบสุขเท่านั้น