ตอนที่ 458 ความรู้สึกคิดถึง / ตอนที่ 459 เผยตัวตนออกมา

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 458 ความรู้สึกคิดถึง

 

 

ดังนั้นความคิดนี้จึงถูกเก็บกดไว้อยู่นาน จนกระทั่งภายหลัง สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถทนเก็บความรู้สึกคิดถึงของตัวเองได้ เขารีบบินตรงไปเมืองเอสทันทีโดยไม่ได้บอกเมิ่งไหวเซิน ที่อยู่ของคฤหาสน์ที่ถังโจวโจวอยู่นั้นเขารู้มานานแล้ว รอแค่เขาจะมาเมื่อไหร่เท่านั้น

 

 

ในตอนแปดโมงของวันเสาร์กระดิ่งของประตูคฤหาสน์ดังขึ้น ป้าหลิวรีบวิ่งมาดู เมื่อเปิดประตูก็พบว่าคนที่อยู่ด้านนอกคือชายชราแปลกหน้าคนหนึ่ง เขาใช้ไม้เท้าพยุงตัว ใส่เสื้อลายกางเกงสีดำและสวมรองเท้าผ้าใบ

 

 

ถึงแม้ร่างกายของชายชราจะโค้งงอ แต่เห็นได้ชัดว่ายังแข็งแรงมาก ป้าหลิวเห็นว่าเขาค่อนข้างตื่นเต้นจึงถามอย่างเคารพว่า “คุณตาคะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ”

 

 

ป้าหลิวไม่เคยเจอคนคนนี้มาก่อน และวันนี้ก็ไม่ได้ยินว่าจะมีแขกมาที่บ้าน คนคนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร

 

 

“ฉันมาหาเสิ่นหลานอี” ผู้มาเยือนไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามของตัวเอง ป้าหลิวค่อนข้างลังเล เขารู้ได้ยังไงว่าแม่ของคุณผู้หญิงอยู่ที่บ้านนี้ ทันทีที่มาถึงก็บอกว่าต้องการจะพบแม่ของคุณผู้หญิง นี่ทำให้ป้าหลิวรู้สึกลำบากใจ เพราะถังโจวโจวเคยกำชับไว้แล้วว่าอย่าให้ใครรู้ว่าเสิ่นหลานอีอยู่บ้านเธอ

 

 

“ที่นี่ไม่มีคนชื่อนี้ คุณคงมาผิดบ้านแล้วล่ะค่ะ” ป้าหลิวพูดเอาตัวรอด แต่เมิ่งซงอวิ๋นคงไม่ยอมให้เธอทำอย่างนั้น

 

 

เขาหันไปกวักมือด้านหลัง บอดี้การ์ดด้านหลังก็เดินมาทันที “แน่ใจว่าเป็นที่นี่ใช่ไหม”

 

 

“คุณท่านครับ เป็นที่นี่ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ดูเหมือนว่าแม่บ้านคนนี้กำลังโกหกพวกเราอยู่ครับ” บอดี้การ์ดเห็นว่าป้าหลิวกำลังหลบสายตาจึงคาดเดาความคิดเธอออกทันที อาจเป็นเพราะคงมีคนเคยบอกไว้ว่าไม่ให้บอกว่าเสิ่นหลานอีอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงอยากให้พวกเขากลับไป

 

 

“รบกวนคุณด้วย ผมอยากพบเสิ่นหลานอี คุณให้เธอออกมาก่อนก็จะรู้เองว่าผมเป็นใคร” เมิ่งซงอวิ๋นวางแผนว่าถ้าเธอยังไม่ยอมอีก เขาจะเขกหัวเธอด้วยไม้เท้าเสีย ดูสิว่าเธอยังจะกล้าหลอกเขาอีกหรือเปล่า

 

 

เมิ่งซงอวิ๋นยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมไม้เท้า ป้าหลิวเองก็ไม่ได้ให้เขารอนาน ประตูถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นร่างของเสิ่นหลานอีที่ปรากฏออกมา และแน่นอนว่ามีโอวหลางเลี่ยตามหลังมาด้วย

 

 

เสิ่นหลานอีได้ฟังรูปพรรณของคนคนนั้นจากป้าหลิวก็รู้สึกว่าตัวเองอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้ เพียงแต่มีบางอย่างดลใจให้เธอลงไป เมื่อเธอเปิดประตูออกก็เห็นเมิ่งซงอวิ๋นยืนอยู่ตรงนั้น น้ำตาที่ห้ามไว้ไม่ได้ก็ไหลพรากลงมา

 

 

“คุณพ่อคะ พ่อมาที่นี่ได้ยังไงคะ” เสิ่นหลานอีไม่ทันได้เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองออก็เห็นคุณปู่เมิ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น และก็ไม่รู้ว่ายืนอยู่นานเท่าไหร่แล้ว

 

 

“หลานอี ดูเหมือนเธอจะยังจำคนแก่อย่างฉันได้สินะ” ใบหน้าเ**่ยวย่นของเมิ่งซงอวิ๋นขยับเล็กน้อย ยี่สิบกว่าปีแล้วที่เขาไม่ได้เจอเสิ่นหลานอี ไม่คิดว่าเธอจะยังเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยนไปเลย เพียงแต่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้เธอจะอยู่อย่างสุขสบายดี

 

 

“พ่อคะ พ่อพูดอะไรออกมา หนูต้องจำพ่อได้แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ ถึงตอนนี้จะยังไม่ร้อนเท่าไหร่ แต่รออีกเดี๋ยวพระอาทิตย์ขึ้นอากาศคงจะร้อนขึ้นกว่านี้แน่”

 

 

เสิ่นหลานอีพบว่าคุณปู่เมิ่งพามาเพียงบอดี้การ์ดคนหนึ่งเท่านั้น ในใจก็อดกังวลไม่ได้ ต้องรู้ว่าเมิ่งซงอวิ๋นเองเป็นบุคคลสำคัญทีเดียว ทำไมคนพวกนั้นถึงปล่อยให้เขามาคนเดียวได้

 

 

“หลานอี หลายปีมานี้เธอสุขสบายดีไหม” คุณปู่เมิ่งถูกเธอพยุงให้เดินเข้าไปด้านใน เขาสั่งให้บอดี้การ์ดคุ้มกันอยู่ด้านนอก ที่จริงเดิมทีควรมีคนหนึ่งทีมตามเขาออกมาด้วย แต่เขาไม่ยอม ครั้งนี้คือเรื่องส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากและถ้าคนเยอะก็จะเป็นที่จับตามอง

 

 

ถ้าเสิ่นหลานอีล่วงรู้ความคิดทั้งหมดนี้ของคุณปู่เมิ่งคงต้องตอบกลับว่าแค่คนเดียวก็สะดุดตามากเหมือนกันเป็นแน่

 

 

เมื่อเชิญคุณปู่เมิ่งให้นั่งลงแล้ว ป้าหลิวก็รีบเอาชามารินให้ ถังโจวโจวยังใส่เสื้อผ้าให้เสี่ยวอวี่อยู่ชั้นบน ปกติที่บ้านจะตื่นเช้ากัน เพราะว่าลั่วเซ่าเชินต้องไปทำงาน เพียงแต่วันนี้ทั้งสองคนพักผ่อนกัน ดังนั้นถังโจวโจวจึงขี้เกียจลุกออกจากเตียง

 

 

ต้องรู้ว่ายากมากที่เธอจะมีโอกาสแบบนี้ ที่สำคัญคือมีเสี่ยวอวี่แล้ว ตอนนี้เขาโตขึ้นเรื่อยๆ มีพละกำลังที่แข็งแรงขึ้น ไม่เหมือนกับตอนเด็กที่เอาแต่นอน ตอนเช้าตื่นเร็วมาก ตอนค่ำก็นอนเร็ว ถังโจวโจวต้องควบคุมเวลาพักผ่อนของเขา ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีแรงมาดูแลเขา

 

 

 

 

 

  ตอนที่ 459 เผยตัวตนออกมา

 

 

“คุณเมิ่ง สวัสดีครับ ผมคือสามีของหลานอี โอวหยางเลี่ยครับ” โอวหยางเลี่ยรีบแนะนำตัวเอง ในเมื่อคุณปู่เมิ่งสามารถหาที่นี่เจอได้ แน่นอนว่าต้องรู้ว่ามีเขาอยู่ด้วย เพียงแต่ในใจของโอวหยางเลี่ยตอนนี้ยังมีอคติอยู่บ้างเพราะคำพูดของเสิ่นหลานอีที่เอาแต่เรียกคุณพ่ออย่างสนิทสนมนั่น

 

 

ถ้าเป็นเขาเมื่อก่อนคงจะโกรธและไม่พูดอะไรสักคำแน่ เพียงแต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ความรู้สึกที่เธอมีต่อคุณปู่เมิ่ง โอวหยางเลี่ยก็ทำได้คิดอยู่ในใจอย่างระมัดระวังว่าต้องแสดงตัวตนของตัวเองให้ชัดเจน

 

 

“หลานอี ดูเหมือนว่าเขาจะดีต่อเธอมาก งั้นพ่อก็หายห่วง” วันนี้เมิ่งซงอวิ๋นไม่ได้มาหาเรื่อง ต้องรู้ว่าเขาและเสิ่นหลานอีไม่ได้เจอกันหลายปี ต่อให้ตื่นเต้นมากแค่ไหนแต่เมื่อมาเจอหน้ากันจริงๆ แล้วก็ยังมีตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง

 

 

“พ่อคะ วันนี้พ่อมาเยี่ยมหนูใช่ไหมคะ เป็นเพราะหนูดื้อรั้นไม่เข้าเรื่องเอง หลายปีมานี้เพราะเรื่อง เล็กน้อยทำให้ไม่ได้กลับมาหาพ่อเลย ตอนนี้ยังต้องรบกวนให้พ่อมาหาก่อนอีก” เสิ่นหลานอีมีสีหน้าแตกต่างกับตอนที่คุยกับเมิ่งไหวเซินอยู่มาก

 

 

เมิ่งซงอวิ๋นเห็นอดีตลูกสะใภ้ของตัวเองร้องไห้ก็อยากจะปลอบใจ เพียงแต่สามีของเธอโอบเธอไว้แล้ว ปลอบประโลมเธออย่างอ่อนโยน เมิ่งซงอวิ๋นจึงทำได้แค่ปรับท่าทางของตัวเองให้ดี

 

 

“หลานอี เธอก็อย่าเสียใจเลย ชาตินี้พ่อยังมีโอกาสได้เจอหน้าเธออีกครั้งพ่อก็มีความสุขแล้ว เป็นเพราะพวกเราตระกูลเมิ่งทำไม่ดีต่อเธอ”

 

 

ลูกสะใภ้ดีขนาดนี้กลับถูกเจ้ารองทำเสียจนหนีเตลิดไปแบบนี้ ฟังเสียงของเธอในวันนั้น ดูเหมือนจะยังเสียใจอยู่มาก เมิ่งซงอวิ๋นเกลียดตัวเองที่สุด หลังจากเกิดเรื่องก็มานั่งเสียใจ จะมีประโยชน์อะไรไหม

 

 

“พ่อคะ เราอย่าพูดเรื่องนี้แล้วดีกว่า ที่พ่อมาวันนี้เพราะจะมาเยี่ยมโจวโจวใช่ไหมคะ” เสิ่นหลานอีคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าเมิ่งไหวเซินต้องบอกเรื่องนี้กับเขาหมดแล้วแน่ เพียงแต่ทำไมคุณปู่เมิ่งถึงเพิ่งจะมานะ

 

 

“อืม แล้วโจวโจวล่ะ” เมิ่งซงอวิ๋นเองก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าครั้งนี้ที่เขามาเพราะมาหาเสิ่นหลานอีและถังโจวโจว

 

 

เมิ่งซงอวิ๋นไม่เหมือนกับเมิ่งไหวเซิน ที่หวังผลประโยชน์กับถังโจวโจว เขาเพียงแต่อยากจะเจอกับหลานสาวที่หายตัวไปของเขาเท่านั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้โตขึ้นมากหรือยัง ต้องลองดูว่าเธอจะยอมกลับไปที่ตระกูลเมิ่งไหม ถ้าไม่ยอมจริงๆ เมิ่งซงอวิ๋นก็คงไม่สามารถบังคับเธอได้

 

 

“คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงลงมาค่ะ คุณพ่อทานข้าวเช้ามารึยังคะ ถ้ายังไงรออีกเดี๋ยวแล้วทานกับพวกเราไหมคะ” โอวหยางเลี่ยค่อนข้างหดหู่ใจ เดิมทีจะสามารถนอนกอดภรรยาได้ ผลสุดท้ายเมิ่งซงอวิ๋นก็มาทำลายวันดีๆ อย่างนี้เสียได้

 

 

“หลานอี เธอยังโกรธไหวเซินอยู่ไหม” เมิ่งซงอวิ๋นอยากรู้ในสิ่งที่ตัวเองสงสัยมานานจึงถามเรื่องของเธอกับเมิ่งไหวเซินขึ้น ตอนนี้หน้าตาของโอวหยางเลี่ยเริ่มบูดเบี้ยวขึ้นมาแล้ว

 

 

“คุณลุงเมิ่งครับ ตอนนี้เหลานอีเป็นภรรยาของผมแล้ว ตอนนี้เธอไม่ใช่สะใภ้ตระกูลเมิ่งแล้ว พวกคุณก็มีสะใภ้อีกคนอยู่ หวังว่าคุณจะไม่ลืม”

 

 

“โอวหยางเลี่ย คุณไม่พูดก็ไม่มีใครว่าอะไรคุณนะ” เสิ่นหลานอีเห็นโอวหยางเลี่ยทำให้เมิ่งซงอวิ๋นลำบากใจ อยากจะตบปากเขาสักทีก็กลัวว่าโอวหยางเลี่ยจะเสียหน้า

 

 

“ไม่เป็นไร หลานอี ที่เขาพูดก็ถูก พ่อผิดเอง ถือซะว่าพ่อไม่ได้พูดแล้วกันนะ” เมิ่งซงอวิ๋นคิดว่าเขาคงจะคิดมากเกินไปโดยไม่สนใจว่าตอนนี้เสิ่นหลานอีกับเมิ่งไหวเซินจะรู้สึกแบบไหน เรื่องของพวกเขาเองก็ผ่านมานานแล้ว

 

 

สิ่งเดียวที่ยังเกี่ยวพันตัวเธอกับเมิ่งไหวเซินอยู่คือถังโจวโจวที่เป็นลูกสาว จู่ๆ เมิ่งซงอวิ๋นก็รู้สึกว่าตัวเองเลอะเลือนเกินไปแล้ว ทำไมถึงยังมองว่าลูกชายกับสะใภ้จะยังกลับมาอยู่ด้วยกันได้อีก

 

 

แต่กลัวว่าถึงเมิ่งไหวเซินจะคิดแบบนั้น เสิ่นหลานอีก็คงไม่ยินยอมแล้ว

 

 

“พ่อคะ หนูรู้ว่าพ่ออยากให้หนูและเขากลับไปอยู่ด้วยกันอีก แต่ตอนนี้หนูมีคุณเลี่ยแล้ว นอกจากนี้ไหวเซินก็มีภรรยาแล้ว พ่ออย่าทำให้ฉินอวิ๋นมองหนูไม่ดีเลยค่ะ” พูดมาแล้วภรรยาคนใหม่ของเมิ่งไหวเซินกับเธอก็เคยเป็นคนคุ้นเคยกัน

 

 

เสิ่นหลานอีคิดถึงเมื่อก่อน เธอเองก็เคยคิดว่าเมิ่งไหวเซินจะแต่งงานใหม่หรือเปล่า ต่อมาพอลองสืบดู ผลลัพธ์ทำให้เธอโล่งอก แท้จริงเขาปล่อยวางได้นานแล้ว มีแต่เธอที่ยังคิดถึงเขา กลัวว่าเพราะการด่วนจากไปของเธอจะทำให้เขารู้สึกเศร้า ใครจะรู้ว่าเธอคิดมากไปเอง เมิ่งไหวเซินไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด