ภาคที่ 26 ศาสตร์ลับประจำวัง ตอนที่ 37 การบรรลุของตงป๋ออวี้

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 37 การบรรลุของตงป๋ออวี้ โดย Ink Stone_Fantasy

ปลีกวิเวกเป็นเวลาหนึ่งพันหกร้อยล้านปี ‘วิถีระลอกคลื่น’ ก็บรรลุไปถึงขั้นเทพอากาศและสร้างระบบกฎเกณฑ์ขึ้นมาเอง

ปลีกวิเวกเป็นเวลาสองพันสามร้อยล้านปี ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสำเร็จวิชากระบี่ที่สามผลาญโลกาได้ในที่สุด! นี่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ประหลาดใจมากเช่นเดียวกัน ตนเองอยู่ในขั้นผู้ปกครองก็สำเร็จวิชากระบี่ที่สอง หลังจากนั้นก็สำเร็จระบบกฎเกณฑ์ค่ายสังหาร คิดไม่ถึงว่า ‘กระบี่ที่สามผลาญโลกา’ จะสิ้นเปลืองเวลามากมายถึงเพียงนี้!

หลังจากสำเร็จวิชากระบี่ที่สามผลาญโลกาแล้ว…

ตงป๋อเสวี่ยอิงเลือกที่จะออกจากการปลีกวิเวก ไปบุกเจดีย์ดาวอีกครั้ง ก็เพื่อการต่อสู้สนามจริงซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น!

คราวนี้วิชาลับผู้ท่องของเขาไปถึงขั้นที่ยี่สิบหก ร่วมกับวิชากระบี่ที่สามผลาญโลกา ก็ทำลายล้างจนย่อยยับได้อย่างแท้จริง สามารถโจมตีศัตรูที่ชั้นที่หนึ่งของเจดีย์ดาวได้อย่างง่ายดาย ในท้ายที่สุดสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะสีเทานั่นก็สูญสลายกลายเป็นลำแสงสีเทาแทรกซึมเข้าสู่แผ่นดิน เจดีย์ดาวเปิดประตูมิติทางเข้าสู่ชั้นที่สูงขึ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงเหยียบย่างเข้าไปยังชั้นที่สอง

ชั้นที่สอง ก็ยังคงชนะเช่นเดิม! มุ่งสู่ชั้นที่สาม…กลับพ่ายแพ้เสียแล้ว!

ตงป๋อเสวี่ยอิงได้แต่ไปยัง ‘ตำหนักหมื่นรูป’ พลิกดูตำราระดับขั้นเทพอากาศจำนวนมาก ตระหนักหยั่งรู้ แล้วบำเพ็ญอยู่ภายในตำหนักกาลเวลา พากเพียรยกระดับตนเอง แต่ชัดเจนว่าหลังจากที่ตระหนักรู้กระบี่ที่สามผลาญโลกาแล้ว การคิดจะยกระดับพลังยุทธ์อีก ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็น ยากเย็นเหลือเกินแล้ว…ต่อให้เขตแดนค่ายสังหารสมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้ แต่สำหรับการต่อสู้ในชั้นที่สามของเจดีย์ดาว ความช่วยเหลือนั้นก็ยังมีขีดจำกัดเช่นเดิม

ชัดเจนว่าการที่ ‘ขั้นกำเนิด’ จะกลายเป็นผู้อาวุโสตำหนักในนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่งเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

……

ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังพลิกอ่านตำราและบำเพ็ญอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ‘วังทวีสูญ’ นั้น

ภายในจักรวาลภูมิลำเนา

จักรวาลภูมิลำเนา ลัทธิจอมมารดาสูญสลายไปแล้ว จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตได้กลายเป็นเทพอากาศ ไร้ซึ่งศัตรู ชวนให้พรั่นพรึงทั่วทั้งจักรวาล ภายในจักรวาลสงบเงียบกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก

ท่ามกลางท้องฟ้าพร่างพรายดาว

บนหินอุกกาบาตอันผุพังก้อนหนึ่งมีชายหนุ่มอาภรณ์ขาดรุ่งริ่งผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ เส้นผมของเขาพันกันยุ่งเหยิง นิ้วมือของเขากำลังฝึกปรือทำให้บริเวณรอบๆ เปล่งรัศมีเทพออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขามีชื่อเสียง พลังยุทธ์ และสถานะอันยิ่งใหญ่ เป็นรองแค่เพียง ‘จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต’ เท่านั้น เขาก็คือบุตรชายของจ้าวตงป๋อ…ตงป๋ออวี้!

“ปัง…”

ชายหนุ่มอาภรณ์ขาดรุ่งริ่งผู้นี้ร่างกายสั่นสะท้านน้อยๆ คราหนึ่ง รัศมีเทพจำนวนนับไม่ถ้วนรอบด้านก่อตัวเป็นลวดลายอันสวยงามอย่างยิ่ง ช่างงดงามอะไรเช่นนั้น

“กฎเกณฑ์ฟ้าดิน! กฎเกณฑ์ฟ้าดิน!” เสียงของตงป๋ออวี้ก็เริ่มสั่นเช่นกัน นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความปิติยินดีและความเหลือเชื่อ “ข้าตระหนักรู้แล้ว ตระหนักรู้แล้ว ท่านพ่อ ข้าตระหนักรู้กฎเกณฑ์ฟ้าดินแล้ว! ท่านพ่อ ข้าตระหนักรู้แล้ว!”

ในขณะนี้ นัยน์ตาของตงป๋ออวี้คลอไปด้วยหยาดน้ำตา

เขา ตงป๋ออวี้ เป็นบุตรที่สวรรค์ภาคภูมิใจ

ตั้งแต่เกิดเป็นต้นมา เบื้องหลังของเขาก็มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถประคองฟ้าดินได้อยู่คนหนึ่ง…ตงป๋อเสวี่ยอิง! ยามถือกำเนิดที่โลกวัตถุโลกเผ่าเซี่ย ท่านพ่อของเขาก็คือผู้แกร่งกล้าที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์เผ่าเซี่ย คือวีรบุรุษผู้ไร้เทียมทานที่พิทักษ์ทั้งเผ่าเซี่ย ทั้งยังเป็นผู้นำของโลกเผ่าเซี่ยอีกด้วย! เขา ตงป๋ออวี้เกิดมาก็มีผู้หนุนหลังที่แกร่งกล้าที่สุดแล้ว

เขาและพี่สาวไร้ทุกข์ไร้กังวล ถึงแม้ว่าบิดามารดาจะเคร่งครัดเข้มงวด แต่เบื้องลึกในจิตใจของพวกเขาก็ไม่มีความกดดันเลยแม้แต่น้อย

ผ่านวันเวลาอันผ่อนคลายที่โลกเผ่าเซี่ย และโลกภูผาศิลาแดง ท่านพ่อของเขาก่อให้เกิดระลอกคลื่นมหึมาคับฟ้าที่โลกเทพหุบเหวลึก พลังยุทธ์และสถานะยกระดับขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน…

ถึงแม้ว่าจะสืบทอดคุณสมบัติอันล้ำเลิศของบิดามารดา มีทรัพยากรที่ดีที่สุด แม้กระทั่งบิดามารดาชี้แนะด้วยตนเอง แต่เขาก็ติดอยู่ที่ขีดจำกัดของขั้นเทพ ยังเป็นความขุ่นข้องทางอารมณ์ที่ทำให้เขาเกิดความเปลี่ยนแปลง จึงเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นเทพโลกาได้

หลังจากนั้นความเร็วในการบำเพ็ญของเขาก็ชะลอลงมา…

ท่านพ่อกลายเป็นสามบรรพชนคนใหม่! และถึงขนาดกลายเป็นผู้ปกครอง สถานะพลังยุทธ์สูงส่งรองจากจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต และจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็คือท่านอาจารย์ของเขา ตงป๋ออวี้! มีทรัพยากรที่ดีที่สุด ถึงขนาดมีโอกาสได้เข้าไปบำเพ็ญใน ‘จักรวาลคีรีมาร’ ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวผู้มีสถานะสูงส่งในจักรวาลคีรีมารก็เห็นแก่หน้าท่านพ่อ ช่วยบ่มเพาะเขาอย่างสุดกำลัง

ระยะเวลาหลายพันล้านปี แต่เขาก็ติดอยู่ที่ขั้นเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้น

แต่เดิมท่านพ่อ ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ มีอนาคตอันไร้ซึ่งขีดจำกัด เป็นผู้บำเพ็ญที่ร้ายกาจที่สุดคนหนึ่งในจักรวาล ความเร็วในการบำเพ็ญรวดเร็วกว่าพวกจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตอยู่มาก จักรวาลแห่งนี้ยังอยู่ห่างจากวันสิ้นยุคอีกเป็นเวลาเนิ่นนานนัก เพียงแค่บำเพ็ญไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอจนถึงวันสิ้นยุคของจักรวาลแห่งนี้ ด้วยคุณสมบัติของท่านพ่อ…การเหยียบย่างเข้าสู่เทพอากาศขั้นรวมเป็นหนึ่งที่พูดถึงกันนั้นก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดเลย อย่างเช่นการมุ่งหน้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์วังทวีสูญ เกรงว่ายังสามารถยกระดับได้อีก เชื่อว่ามีความเป็นไปได้เป็นอย่างยิ่งว่าจะกลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนสองท่าน

แต่ทว่า!

เพื่อเขา และเพื่ออวี๋จิ้งชิว มารดาของเขา ท่านพ่อตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีทางทนให้กาลเวลาเคลื่อนผ่านไปแล้วมองดูคนใกล้ชิดเข้าใกล้วันที่จิตวิญญาณสูญสลายมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเลือกที่จะไปจากจักรวาล เข้าสู่อากาศอันสับสนอลหม่านที่แสนกว้างใหญ่!

อวี๋จิ้งชิวไม่เต็มใจ!

เขา ตงป๋ออวี้ก็ไม่เต็มใจเช่นเดียวกัน!

พวกเขาสามารถตายอย่างสงบได้ แต่ท่านพ่อไม่ปรารถนาที่จะมองตาปริบๆ อย่างไร้ทางสู้ ดังนั้นท่านพ่อจึงไม่คำนึงถึงอันตราย แล้วเข้าสู่อากาศอันสับสนอลหม่านไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ออกเดินทางสู่โลกศักดิ์ทิพย์อันไกลโพ้น

เส้นทางนี้ยาวนานเพียงใด ท่านพ่อจะสามารถไปถึงโลกทิพย์ได้หรือไม่

ไปถึงโลกทิพย์ ว่ากันว่าโลกทิพย์นั้นยิ่งใหญ่กว่าจักรวาลหลายร้อยล้านเท่า มีผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วน มีภยันตรายมากมายเหลือคณา ท่านพ่อจะให้เขาตงป๋ออวี้ และมารดาอวี๋จิ้งชิวสามารถอยู่รอดปลอดภัยตลอดไปในยามต่อสู้ได้หรือ

เขากลัว!

กลัวท่านพ่อจะตาย!

กลัวว่าท่านพ่อจะตายบนเส้นทางสู่อากาศอันสับสนอลหม่าน กลัวว่าจะตายในโลกทิพย์ มีความเป็นไปได้ตั้งมากมาย มากมายเหลือเกิน ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ตงป๋ออวี้กลัวทั้งสิ้น!

ยามที่ท่านพ่อกันลมบังฝนให้เขา แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย เพราะตั้งแต่เขาเกิดมาก็เคยชินเสียแล้ว เพราะท่านพ่อยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น แต่ตอนนี้ยามที่ท่านพ่อไปจากจักรวาลแล้วเหยียบย่างสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยภยันตราย เขาก็กลัวจริงๆ ทั้งยังนึกเสียใจอย่างยิ่งอีกด้วย นึกเสียใจที่เหตุใดตนจึงมิได้บรรลุเสียที

จากนั้น…

เขาก็เปลี่ยนเป็นคนที่บ้าคลั่งในการบำเพ็ญมากยิ่งขึ้น เขาไม่อยากทำให้ท่านพ่อผิดหวัง

“ฟิ้ว…”

กลางมหานทีแห่งกาลเวลาอันกว้างใหญ่ไพศาล

ในบรรดาเงาร่างที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่นั้น เงาร่างหนึ่งก็คือตงป๋ออวี้ ตอนนี้ภายใต้ความช่วยเหลือของกฎเกณฑ์ฟ้าดิน เงาร่างสายนั้นก็บินตรงขึ้นมามุ่งสู่ด้านบน ถึงแม้ว่าจะมีน้ำในแม่น้ำดึงลาก แต่กลับมิอาจดึงลากลงมาได้ เพียงแค่ก่อให้เกิดคลื่นจำนวนหนึ่งขึ้นเท่านั้น ตงป๋ออวี้ก็บินออกมา บินออกมาจากมหานทีแห่งกาลเวลา

“ข้าบรรลุแล้ว ท่านพ่อ” ตงป๋ออวี้เอ่ยพึมพำเบาๆ อยู่บนหินอุกกาบาต

……

ณ จวนจ้าวตงป๋อ

ตงป๋ออวี้มองเห็นอวี๋จิ้งชิวมารดาของเขาแล้ว

“อวี้เอ๋อร์” อวี๋จิ้งชิวมองดูบุตรชายของตนแล้วก็เผยสีหน้ายินดี นางมองเพียงปราดเดียวก็มองออกแล้ว สิ่งที่ประมุขรัฐโม๋เสวี่ย บิดาของนางกระหายอยาก แม้กระทั่งตัวนางเองกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ยังกระหายอยากมาโดยตลอด…การบรรลุ! ตอนนี้ตงป๋ออวี้ บุตรชายของนางทำได้แล้ว

“ท่านแม่” ตงป๋ออวี้เผยรอยยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มหนึ่ง พร้อมกันนั้นรอยยิ้มก็เลือนหายไป

อันที่จริงในใจของเขามิได้ปิติยินดีมากมายสักเท่าใดนัก

เพราะในขณะนี้เขาอยากให้ท่านพ่อได้รู้มากกว่า!

“ดีแล้วๆ” บนใบหน้าของอวี๋จิ้งชิวเต็มไปด้วยความยินดี ระยะเวลาที่นางบำเพ็ญยาวนานยิ่งกว่าบุตรชายเสียอีก จนถึงขนาดที่เกือบจะสิ้นหวังกับการบรรลุอยู่แล้ว แต่ว่าการได้เห็นบุตรชายบรรลุ นางก็เต็มไปด้วยความปิติยินดีอันไร้ที่สิ้นสุดเช่นเคย “ดีเหลือเกิน ถ้าหากท่านพ่อของเจ้ารู้เข้าจะต้องเบิกบานใจอย่างมากแน่นอน”

“แต่ท่านพ่อไม่อยู่ที่นี่” ตงป๋ออวี้พูด

อวี๋จิ้งชิวสะดุ้งเล็กน้อย นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของบุตรชาย แล้วนางก็เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาเกลื่อนดาวเหนือจวนจ้าวตงป๋อ

นอกท้องนภา นอกจักรวาล ตอนนี้สามีของตนอยู่ที่ใดกันหนอ

เขายังสบายดีอยู่หรือไม่

“ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านพ่ออยู่ที่ไหน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ตงป๋ออวี้เอ่ยเสียงเบา

……………………………