ตอนที่ 781-782

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.781 – หมาไม้แดงเนตรปีศาจ
  หา?เฉาหลิงเจี้ยนขมวดคิ้ว
  “ถ้าเจ้าแข็งแกร่งนักแล้วทำไมไม่ใช้พลังออกมาสักทีเล่า?”
  ซือหยูหัวเราะและกำหมัดเขาดูดซับอากาศเอาไว้ในมือ เขาอัดมันจนคล้ายเป็นผีเสื้อทมิฬ
  “อัดสายลมจนถึงขั้นสูงสุด?นั่นมันวิชาระดับตำนานรึ?”
  เฉาหลิงเจี้ยนถาม
  ซือหยูพูดเพียงคำเดียวก้อนพลั้งทมิฬก่อตัวในฝ่ามือพุ่งเข้าใส่เฉาหลิงเจี้ยน ทั้งสองใช้วิชาระดับตำนานเหมือนกัน แต่ซือหยูนั้นเชี่ยวชาญในวิชาระดับแรก ขณะที่เฉาหลิงเจี้ยนเพียงแค่ใช้พลังขั้นที่ต่ำที่สุดของวิชาเท่านั้น
  ปั้ง!
  ก้อนเพลิงทมิฬระเบิดคลื่นเสียงทรงพลังก่อให้เกิดวายุรุนแรง ต้นไม้เก่าแก่ใกล้ๆลอยขึ้นมาจากพื้น แม้แต่หยวนหยิงหยิงกับซือถูหยางที่บินมาแล้วหลายร้อยลี้ก็สัมผัสคลื่นเสียงทรงพลังนี้ได้ ทั้งสองหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงนี้
  เฉาหลิงเจี้ยนที่เจอคลื่นเสียงไม่ถอยหนีแต่กลับก้าวไปข้างหน้าเขาตะโกนเบาๆและใช้หมัดที่ทรงพลังเข้าปะทะกับคลื่นเสียง
  หลังจากที่คลื่นเสียงระเบิดออกคลื่นอากาศได้วนรอบเฉาหลิงเจี้ยน นอกจากจุดที่ขาดเล็กน้อยก็มีหมัดของเขาที่มีโลหิตไหลซึมออกมา ร่างกายของเขาไร้ซึ่งบาดแผล
  ซือหยูใช้วิชาระดับตำนานที่เหนือกว่าเขาสองขั้นแต่มันก็เสมอกันในการปะทะ นั่นก็เพราะอรหันต์แปดอักษรเป็นวิชาระดับตำนานระดับกลางๆ ส่วนวิชาปรับกระดูกร้อยอสูรนั้นเป็นวิชาระดับตำนานระดับสูงที่ไม่สมบูรณ์
  “เจ้าเป็นใคร?ทำไมยอดฝีมือเร่ร่อนอย่างเจ้าถึงมีวิชาระดับตำนานได้? ถึงจะเป็นศิษย์นอกสำนักใหญ่ก็ยากที่จะได้วิชาระดับตำนานในระดับนี้!”
  เฉาหลิงเจี้ยนเบิกตากว้างสีหน้าเขาเลวร้ายลง
  วิชาระดับตำนานมักจะไม่พบเห็นในดินแดนพรสวรรค์ศิษย์นอกส่วนใหญ่ในสำนักทั้งสิบแปดมักจะได้วิชาระดับตำนานระดับต่ำ วิชาระดับกลาลหรือสูงล้วนเกินเอื้อม
  มีความต่างในระดับของวิชาแต่ละขั้นอย่างมากบอกได้ง่ายจากการปะทะกันเมื่อครู่
  วิชาระดับตำนานระดับกลางที่ใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญนั้นสังหารได้แม้กระทั่งภูติระดับเจ็ดแต่ก็แทบจะเทียบไม่ได้ในขั้นแรกๆของพลังในวิชาระดับสูง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเฉาหลิงเจี้ยนมีพลังที่น่าทึ่งจริงๆ เขาเทียบได้ถึงภูติระดับเจ็ด แต่ก็น่าเสียดายที่กระบวนท่าสังหารของเขาถูกซือหยูป้องกันอย่างง่ายดาย
  “จับตัวเจ้าก่อนแล้วค่อยเค้นเอาคำตอบแล้วกัน”
  เฉาหลิงเจี้ยนหยิบยันต์ด้วยมือขวามันปล่อยแรงกดดันวิญญาณมหาศาล
  มีพลังของจ้าวเทวะปะทุออกมาจากมันด้วยนี่มิใช่ยันต์จู่โจม แต่เป็นยันต์ผนึก
  “ท่านพ่อซื้อให้ข้าในตลาดมืดด้วยแก้วสามแสนดวงคนที่พลังต่ำกว่าจ้าวเทวะชั้นกลางมิอาจหนีจากพลังนี้ได้ ท่านพ่อซื้อให้ข้าไว้ใช้จับศัตรูตอนที่เป็นอันตราย แต่ตอนนี้ข้าจะใช้มันจับเจ้า!”
  เฉาหลิงเจี้ยนขว้างมันออกมา
  ซือหยูพยักหน้าเบาๆ
  “จบการต่อสู้ได้แล้วข้าจะเผยตัวนานไม่ได้”
  เฉาหลิงเจี้ยนร้อนรน…ซือหยูยังมีพลังซ่อนเอาไว้อีกรึ?
  เฉาหลิงเจี้ยนรีบอัดพลังชีวิตลงในยันต์เขาพยายามจะใช้งานมัน ในตอนนั้นเอง ซือหยูตะโกน
  “หยุดเวลา!”
  เฉาหลิงเจี้ยนที่กำลังจะใช้ยันต์หยุดนิ่งเขามิอาจควบคุมร่างกายและเคลื่อนไหวได้เลย ซือหยูเข้าไปหาและหยิบเอาเส้นไหมบางคมกริบออกมา
  เฉาหลิงเจี้ยนรู้สึกเย็นเฉียบที่ลำคอหัวของเขาลอยตกกลิ้งลงบนพื้น! ความกลัวและตกตะลึงปรากฏบนใบหน้า แม้จะเป็นลมหายใจสุดท้าย เขาก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงสูงสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้!
  ทั้งนี้ทั้งนั้นเฉาหลิงเจี้ยนจะไม่สงสัยเลยหากรู้ว่าจักรพรรดิโลหิตและจ้าวเทวะจำนวนมากตายด้วยน้ำมือซือหยู
  ซือหยูหยิบยันต์ขึ้นมาและหัวเราะเบาๆยันต์ที่กักขังได้แม้กระทั่งจ้าวเทวะนั้นใช้การได้ดีสำหรับเขา
  เขาเก็บเส้นไหมและแตะร่างเฉาหลิงเจี้ยนกับหัวที่หลุดเบาๆมันกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที ซือหยูเก็บแหวนมิติของเฉาหลิงเจี้ยนเอาไว้ เมื่อเสร็จสิ้น เขาก็มองไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ เขายิ้มอย่างเยือกเย็น
  “ไอ้เดรัจฉานเจ้าผิดหวังรึ?”
  ฟึ่บ!
  ในตอนนั้นเองหมาไม้แดงที่อยู่หลังภูเขาสองลูกบินหนีไปด้วยความกลัว มันเร็วมากจนเนตรวิญญาณเห็นแต่เงาร่าง
  หมาไม้แดงแอบตามเขามาโดยตลอดมันซ่อนรังสีพลังไว้อย่างหมดจดและทิ้งระยะห่าง
  มันคิดว่าการปิดบังกายของมันไร้ที่ติแต่มันไม่รู้เลยว่าเนตรวิญญาณของซือหยูมองเห็นผ่านทุกอย่างได้ แม้จะมีภูเขาบังอยู่สิบลูก เขาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
  ขณะที่ซือหยูไล่ตามตระกูลซือถูเขาก็สัมผัสได้แล้วว่ามันตามเขามา แต่เขาไม่ได้สนใจนัก แต่ตอนนี้เขาจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว เขาจึงไม่ยอมให้มันตามอีก
  “คิดหนีเรอะ?”
  สายฟ้าฉาบร่างซือหยูเขากลายเป็นสายฟ้าไล่ตามมัน
  เปรี๊ยะ!
  หมื่นลี้ไกลออกไปสายฟ้าปรากฏต่อหน้าหมาไม้แดงทีก่ำลังหลบหนี มันตกใจจนขนลุกทั้งตัว
  “ข้ามาถึงนี่แล้วเจ้าคิดว่าจะยังหนีได้อีกหรือ?”
  ซือหยูแบมือใช้ลำดับห้าธาตุสร้างม่านแสงขังหมาไม้
  แต่หมาไม้แดงนั้นตอบสนองอย่างรวดเร็วมันอ้าปากฉีกกระชากม่านแสง แต่เมื่อมันฉีก มิติข้างหน้าก็สะบัด กระบี่ทองสามเล่มปรากฏอย่างรวดเร็วเข้าแทงมัน!
  แกร๊ง!แกร๊ง! แกร๊ง!
  เมื่อกระบี่ทั้งสามพุ่งเข้าแทงกระบี่มิอาจทะลวงขนของมันได้ราวกับเป็นขนเหล็กกล้า! แต่แรงกระแทกก็ทำให้มันกระเด็นออกไป
  หมาไม้แดงไม่พอใจอย่างมากมันพุ่งเข้าใส่ซือหยูด้วยสัญชาตญาณสัตว์ป่า ลำแสงดุร้ายได้ปรากฏบนดวงตาสีเขียว มันร้องเสียงแหลมที่มิอาจเข้าใจ
  ความแปลกใจปรากฏบนใบหน้าซือหยู
  “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนขโมยไข่เจ้าไปรึ?”
  หมาไม้แดงตกตะลึงกับคำถามดวงตาสีเขียวเต็มไปด้วยความตกใจ มันร้องครวญ
  “เจ้าเข้าใจภาษาอสูรด้วยเรอะ?”
  “ข้าก็พอเข้าใจอยู่บ้าง…”
  ซือหยูตอบเขารู้ภาษาของหลายเผ่าพันธุ์ ภาษาอสูรก็เป็นหนึ่งในนั้น
  หมาไม้แดงหยุดและจ้องซือหยูมันพูดด้วยความโศกเศร้า
  “เจ้ามนุษย์โสโครกเอาไข่ข้าคืนมา!”
  ซือหยูเดาตัวตนของหมาไม้แดงได้แล้วมันคือราชาสัตว์อสูรภูติระดับหกในหุบเขาร้อยสัตว์อสูร ฝูงสัตว์อสูรจะต้องถูกมันส่งมา ส่วนลำแสงลึกลับที่ไล่ตามและทำให้พลังชีวิตติดขัดก็ต้องเกิดจากมัน!
  ซือหยูส่ายหน้า
  “ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยแต่เจ้าน่ะเข้าใจผิด ข้าไม่ได้ขโมยไข่ของเจ้า มนุษย์ตระกูลอื่นทำเพื่อทำให้เจ้าไม่พอใจเพื่อที่เจ้าจะได้ปล่อยฝูงสัตว์อสูรไปสังหารมนุษย์กลุ่มอื่น”
  หมาไม้แดงดูเหมือนจะคิดได้ความโศกเศร้าในแววตามันหายไป มันถาม
  “เป็นอย่างนั้นจริงรึ?”
  ซือหยูพยักหน้าอย่างใจเย็น
  “ใช่และถ้าเจ้าตามข้ามาเพราะเรื่องนี้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ถ้าเจ้ากล้าตามข้ามาอีก จงอย่าหาว่าข้าโหดร้าย”
  เขายกมือเก็บกระบี่ทองทั้งสามเล่มแต่เมื่อเขาเลิกสนใจมันเล็กน้อย เถาวัลย์สองเส้นก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นพันขาของเขาเอาไว้!
  หมาไม้แดงเงยหน้า
  “มนุษย์หน้าโง่!ถึงเจ้าจะไม่ได้ขโมยไข่ แต่มันก็เกิดขึ้นเพราะพวกมนุษย์หน้าโง่อย่างพวกเจ้า!”
  มันกระโดดพร้อมยื่นกรงเล็บเข้าใส่อกซือหยูมันไม่ได้รู้สึกว่าซือหยูไว้ชีวิตมันเพราะน้ำใจ แต่เป็นแค่โอกาสที่มันจะได้ลอบโจมตีเขา!
  เถาวัลย์เบื้องล่างนั้นเป็นของต้นไม้อสูรที่มันแอบเรียกให้มัดท่อนล่างของซือหยูเอาไว้!มันเกิดขึ้นเร็วมากแต่ใบหน้าซือหยูยังคงใจเย็น ความผิดหวังเล็กน้อยฉายผ่านดวงตาเขา
  เขาพูด
  “ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ”
  ฟึ่บ!
  มุกครามอำพันปรากฏในมือของซือหยูเขาดีดนิ้วโยนมุกออกไป
  หมาไม้แดงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดมุกสะบั้นร่างกายของมันจนทะลุหลัง พื้นสั่นสะเทือนเมื่อมุกตกลงพื้น
  “อ๊ากกก!เจ้ายังระวังข้าอยู่เรอะ?”
  หมาไม้แดงโศกเศร้ามันล้มลงไปกับพื้น
  ซือหยูสะบัดขามีเสียงกรีดร้องดังมาจากใต้ดิน เสียงนั้นเบาลงไปเรื่อยๆพร้อมกับเถาวัลย์ที่หลวมจนเดินออกมาได้
  ซือหยูเรียกมุกบาดาลกลับคืน
  “เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”
  เมื่อพูดจบเขาหยิบเส้นไหมออกมาตัดคอหมาไม้แดง เขาเก็บหัวของมันลงในแหวนมิติ
  ซือหยูให้อภัยหมาไม้นี่กับเรื่องร้ายแรงที่มันทำก็เพราะว่ามันเพิ่งจะเสียลูกไปแต่เขาไม่คิดว่ามันจะตอบแทนเขาเช่นนี้!
  เขาส่ายหน้าบินขึ้นฟ้าและออกไปจากที่นี่ซือหยูไม่รู้เลยว่าหลังจากเขาบินไป จื่อเสวียนได้ปรากฏตัวขึ้นในจุดที่เฉาหลิงเจี้ยนตาย
  แววตานางเยือกเย็นนางกัดฟันแน่น
  “พลังห้วงเวลาวิชาคลื่นเสียง…มันจริงๆด้วย…ซือหยู…มันอยู่ในตำหนักโลหิต”
  วันต่อมาซือหยูล่าสัตว์อสูรในป่า เขาเพียงแค่ล่าสัตว์อสูรระดับสามและพวกที่อ่อนแอกว่า เขาล่าได้อย่างต่อเนื่องเพื่อฝูงสัตว์อสูรเพิ่งจะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมีสัตว์อสูรหลงทางอยู่มากมาย
  เขาฆ่าสัตว์อสูรไปมากกว่าสามสิบตัว!และเมื่อไหร่ก็ตามที่เจอคนตระกูลเฉา เขาจะทำลายฐานพลังของทุกคน! ชะตาของพวกเขาก็แน่ชัดอยู่แล้วหากต้องเสียฐานพลังในป่าที่มีสัตว์อสูรอยู่เต็มไปหมด!
  ซือหยูมองท้องฟ้าและพบว่าจะถึงกำหนดสามวันแล้ว!เขาบินกลับไปยังเสาศิลา
  ณที่อีกแห่งในป่า เฉาหลี่ขมวดคิ้วยืนอยู่บนศิลาก้อนใหญ่ สามวันผ่านไปแล้วแต่ก็ไม่มีคนตระกูลนางกลับมาเลย พวกเขาตกลงกันว่าจะมารอที่นี่หลังจากสามวัน แต่ตอนนี้กลับมีแค่นางคนเดียว
  “เกิดอะไรขึ้น?แม้แต่นายน้อยยังไม่กลับมาเลย?”
  เฉาหลี่รำพึงด้วยความสงสัย
  นางได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล…
  ภูติระดับห้าของตระกูลชางก่วนถูกสังหารชายสวมหมวกไผ่ที่ตระกูลซือถูพามาก็ตายเพราะฝูงสัตว์อสูร ไม่ควรจะมีใครเป็นภัยแล้วนี่
  หรือพวกเขากลับไปโดยไม่รอข้า?
  หลังจากที่นางคิดต่อไปอีกเฉาหลี่ที่มีคันธนูอยู่บนแผ่นหลังก็เดินทางกลับเสาศิลา
  ที่เสาศิลา
  นายหญิงซือถูใบหน้ายินดีเป็นอย่างมากเพราะความสูญเสียของตระกูลนางนั้นต่ำกว่าที่นางคิดเอาไว้ ซือถูหยางกลับมาอย่างปลอดภัยดีขณะที่มีอีกสิบสองคนสนผ่านการทดสอบ เรื่องเดียวที่ไม่ดีนักก็คือซือหยูที่ยังไม่กลับมา
  เทียบกันแล้วเด็กตระกูลชางก่วนล้วนเศร้าหมอง มีคนผ่านการทดสอบไม่ถึงแปดคน ขณะที่ภูติระดับห้าที่เชิญมาก็ถูกสังหาร! สถานการณ์นี้ยากมากที่พวกเขาจะอธิบายกับตำหนักชิงวิญญาณ! แต่ดีที่พวกเขาแทบจะไม่สูญเสียอะไร นั่นก็เพราะมีชายสวมหมวกไผ่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้พอดี
  “ท่านพ่อชายสวมหมวกไผ่นั่นแข็งแกร่งจริงๆ เขาฆ่าเสือดาวเพลิงเก้าตัวด้วยตัวเอง!”
  ชางก่วนหยุนซื่อกล่าว
  เจ้าตระกูลชางก่วนพยักหน้า
  “ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเจ้าก็ประมาทเขาเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีพลังเทียบเท่าภูติระดับสี่เท่านั้น แต่เขามีพลังของภูติระดับห้า เจ้าควรจะเชิญเขามาที่นี่ ข้าอยากคุยกับเขา อัจฉริยะเช่นนี้จะต้องเป็นที่จับจอง!”
  ชางก่วนหยุนซื่อสีหน้าประหลาด
  “เฟยบอกว่าชายคนนี้ช่วยพวกเขาเพราะข้าเขาเป็นสหายเก่าข้ารึ?”
  เจ้าตระกูลชางก่วนเผยรอยยิ้ม
  “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเถอะใครจะไปคิดเล่าว่าเจ้าจะเป็นสหายกับยอดฝีมือระดับนี้?”
  …
  ในตอนนั้นเองชายสวมหมวกไผ่ได้บินกลับมา เขาคือซือหยู!
  ชางก่วนหยุนซื่อตาลุกวาวเขาเข้าไปหาและมองอย่างสงสัยก่อนจะประสานหมัดให้
  “พี่ชายขอบคุณมากที่ช่วยน้องๆของข้า ข้าขอบคุณจากใจแทนคนทั้งตระกูลชางก่วน พี่ชาย ข้าขอถามนามของท่านจะได้หรือไม่?”
  ซือหยูตกใจเขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้กับสถานการณ์เช่นนี้
DND.782 – หนุ่มสาวตระกูลเฉาที่หายตัวไป
  ชางก่วนเฟยสีหน้าตึงเครียดเขาถามคำถามนี้ทั้งเบื้องหน้าและในใจหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ได้เพียงคำตอบแปลกๆ
  ดวงตาหลายคู่มองมายังชายลึกลับที่สวมหมวกไผ่ด้วยความสงสัยเขาทำให้คนตระกูลชางก่วนประทับใจอย่างมากในตอนที่เขาแสดงพลังอันยิ่งใหญ่และบดขยี้ตระกูลเฉา
  นายหญิงซือถูขมวดคิ้วความตั้งใจของตระกูลชางก่วนชัดเจนนัก เพราะพวกเขาอยากจะชิงตัวซือหยูไป
  ซือหยูมิอาจหลบเลี่ยงความสนใจได้อีกแล้วเมื่อพบว่าถูกทุกคนจ้องมองเขาลังเลก่อนจะถอดหมวกไผ่และชุดกันฝนออกเพื่อเผยใบหน้าที่แท้จริง
  ใบหน้าแก่เฒ่าของเขาแตกต่างจากเหล่ายอดฝีมือหนุ่มสาวเขาเหมือนกับกระเรียนสูงที่อยู่ท่ามกลางลูกเจี๊ยบน้อย ทุกคนตกตะลึง
  รองเจ้าตำหนักคงฉานที่นั่งอยู่ใกล้ๆมองเขาด้วยความประหลาดใจนายหญิงซือถู เจ้าตระกูลเฉา และเหล่าหนุ่มสาวอื่นๆก็ตกใจ ทุกคนอุทานขึ้นมาพร้อมกัน…
  “ทำไมเขาเป็นคนแก่ล่ะ?”
  “เป็นไปไม่ได้!นี่คือการสอบของตำหนักโลหิตที่เปิดให้แต่คนรุ่นเด็กที่อายุน้อยกว่ายี่สิบปีเท่านั้น! ตระกูลซือถูบ้าไปแล้วเรอะ? กล้าโกงที่นี่ได้ยังไง?”
  “ไม่แปลกเลยที่เขาจะแข็งแกร่งแม้จะมีฐานพลังอ่อนด้อยด้วยอายุอานาม ประสบการณ์มากมายและวิชา เขาเลยเอาชนะได้! ตระกูลเฉาถูกเขารังแกอย่างไม่ยุติธรรม!”
  ผู้คนสับสนซือถูหยางอ้าปากกว้าง นางคิดว่าซือหยูแค่มีเสียงแก่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น
  “นังอกโตทำไมพี่ซือถึง…ถึง…”
  นางเริ่มจะลังเลว่าจะใช้คำอะไรนางยังคงตกใจอยู่มาก
  “ทำไมถึงแก่อย่างนี้รึ?อยากจะถามแบบนี้หรือนังอกแบน?”
  หยวนหยิงหยิงยิ้ม
  “ถ้าเจ้าไม่ชอบก็อย่ามายุ่งกับพี่ซืออีกแล้วกัน”
  เพราะการไล่ซือถูหยางให้พ้นทางก็คือสิ่งที่หยวนหยิงหยิงต้องการคงจะดีถ้าจื่อเสวียนออกไปพร้อมกับนางด้วย!
  ซือถูหยางจ้องนางอย่างโกรธเกรี้ยว
  “เจ้าต่างหากที่ไม่ชอบ!ข้าก็แค่แปลกใจ ทำไมยอดฝีมืออย่างพวกเราต้องสนใจอายุด้วย?”
  ในการบ่มเพาะพลังนั้นรูปลักษณ์มักจะไม่สื่อถึงอายุที่แท้จริงเสมอไป
  แต่กลุ่มคนที่ตกใจที่สุดเห็นจะเป็นตระกูลชางก่วนชางก่วนหยุนซื่อตกตะลึง เขาเบิกตากว้างพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น
  “น้องซือ?เป็นเจ้าจริงๆรึ?”
  เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่พ่อเขาเชิญเข้าตระกูลชางก่วนมิใช่ใครนอกจากแขกในอดีตอย่างซือหยู!เขาเกือบจะได้เป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่แนะนำโดยตระกูลชางก่วน แต่สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยทำให้เขาถูกริบเอาสิทธิ์ไป หากพูดชัดๆก็คือเขาถูกตระกูลชางก่วนขับไล่ออกมา
  ชางก่วนเฟยสีหน้าซับซ้อนเขานิ่งเป็นท่อนไม้ เขาไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเกิดกับตาตัวเอง
  เขามิอาจเชื่อมโยงซือหยูในตอนนี้กับชายแก่ที่ถูกขับออกจากตระกูลในอดีตได้เลยเขาพยายามจะใจเย็น
  “ทำไมกัน?ได้ยังไง? เป็นเจ้าได้ยังไง?”
  เจ้าตระกูลชางก่วนเลิกคิ้วในคราแรกเมื่อพบว่าชายที่ถอดหมวกค่อนข้างคุ้นหน้าแต่รู้สึกราวกับเคยเห็นที่ใดมาก่อน และเมื่อผ่านไปครู่เดียว เขาก็จำได้ว่าชายคนนี้คือคนที่ชางก่วนหยุนซื่อพาตัวมา
  สีหน้าของเขาลึกล้ำเมื่อรู้ความจริงเขาหน้าแดงในไม่นาน ดูเหมือนจะมีเมฆครึ้มอยู่เหนือศีรษะของเขา สีหน้าของเขาหม่นหมองจนแทบมองไม่เห็น
  เพราะซือหยูที่พวกเขาไล่ออกไปกลับมีคุณสมบัติอันคิดไม่ถึง!ความโศกเศร้า ความรู้สึกผิด ความอับอาย และสิ่งอื่นๆเอ่อล้นในใจ
  ซือหยูมองชางก่วนหยุนซื่อและพูดด้วยรอยยิ้ม
  “ข้าขอโทษจริงๆข้าไม่มีเวลาจะบอกก่อนจนถึงตอนนี้”
  ชางก่วนหยุนซื่อหันไปมองผู้เป็นพ่อที่หน้าแดงคล้ำเขายักไหล่
  “น้องซือข้าขอบคุณแทนตระกูลชางก่วนที่เจ้าช่วยชีวิตพวกเขา”
  เรื่องกลับตาลปัตรพวกเขาเข้าใจหมดแล้วว่าเหตุใดชายสวมหมวกไผ่ถึงช่วยหนุ่มสาวตระกูลชางก่วนเพราะชางก่วนหยุนซื่อ
  ซือหยูโบกมือ
  “พี่ชางก่วนเป็นเพราะปีกวารีเก้าสวรรค์ ข้าถึงรอดชีวิตมาได้ การช่วยคนตระกูลพี่จะเทียบกันได้รึ?”
  ซือหยูคุยกับเขาต่อไปครู่หนึ่งในตอนนั้นก็มีกลิ่นหอมหวานลอยเข้ามา เขาหันมองและพบนายหญิงซือถูที่เดินมาหาเขา
  นางยิ้มอย่างแจ่มใส
  “คุณซือขอบคุณที่ปกป้องหยางเอ๋อ! กลับไปพักฟื้นพลังเถอะ การทดสอบรอบสองจะเริ่มแล้ว”
  ซือหยูพยักหน้าให้ชางก่วนหยุนซื่อและบินกลับเสาศิลา
  ชางก่วนหยุนซื่อสีหน้าประหลาดเขาบินกลับเสาศิลาของตระกูล สีหน้าของแต่ละคนนั้นไม่สู้ดีโดยเฉพาะเจ้าตระกูล เขาละอายใจเกินกว่าจะมองตาลูกชายตัวเอง
  ชางก่วนหยุนซื่อแค้นขึ้นมาเล็กน้อยเขาเกลี้ยกล่อมพ่อหลายครั้งในตอนนั้น แต่พ่อเขาก็ยังคงยืนกรานคำตัดสินและไล่ซือหยูออกไป แต่ตอนนี้ ซือหยูได้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนทำให้ตระกูลชางก่วนกลายเป็นตัวตลก
  “หยุนซื่อทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้ว่าคุณซือยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้?”
  เจ้าตระกูลชางก่วนถามด้วยความอับอาย
  ชางก่วนหยุนซื่อยักไหล่ตอบ
  “ท่านพ่อ…ข้าบอกตั้งหลายครั้งแล้วแต่ท่านพ่อก็ยืนกรานจะเอาเด็กตระกูลเราไปแทน ข้าจะทำอะไรได้เล่า?”
  เจ้าตระกูลชางก่วนตากระตุกเขาชายตามองซือหยูและถอนหายใจยาว
  “เป็นข้าเองที่เข้าใจทุกอย่างผิด”
  แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเชิญซือหยูกลับเป็นเรื่องง่ายในการไล่ใครออกไป แต่การเชิญกลับเข้ามาอีกครั้งนั้นแทบจะเป็นคนละเรื่อง มันยากกว่ามาก
  ซือหยูกลับไปที่ตระกูลซือถูเขากินโอสถของนายหญิงซือถูและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซือถูหยางเดินเข้ามาคุยกับเขา
  นางถามเขาไม่หยุดนางสงสัยถึงสภาพแปลกประหลาดของร่างกายซือหยู
  นายหญิงซือถูพูดขึ้นมา
  “คุณซือข้าไม่ได้มีพรสวรรค์นัก แต่ข้าชำนาญการปรุงยาอยู่บ้าง เหตุใดไม่เข้าตระกูลซือถูล่ะ? ถ้าเข้ามา ข้าจะหาทางฟื้นฟูร่างกายคุณซือได้”
  นางอยากจะผูกสัมพันธ์กับซือหยู
  “ขอบคุณนายหญิงแต่ข้าเจอต้นตอปัญหาแล้ว หากฐานพลังข้าเพิ่มขึ้นไปจนชดเชยอายุขัยได้ ร่างกายข้าก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
  ซือหยูปฏิเสธนางแบบอ้อมๆ
  นายหญิงซือถูไร้ทางเลือกนางแอบถอนหาใจ เพราะนางเสนอไปเมื่อครู่ก็เพื่อจะทำให้เขาอยู่กับตระกูลซือถู
  …
  เวลาผ่านไปช้าๆหลังจากผ่านไปนาน ผู้เข้าสอบเกือบทั้งหมดก็กลับมาแล้ว เจ้าตระกูลเฉามองไปยังป่าขังภูติด้วยความกระวนกระวาย
  ไม่มีคนตระกูลเฉากลับมาเลยแต่ที่เขาเป็นห่วงจริงๆก็คือเฉาหลี่กับเฉาหลิงเจี้ยน ถ้าหากสองคนนี้ร่วมมือกันก็คงจะไร้ภัย
  แต่มันจะบ่ายอยู่แล้วเขายังไม่เห็นใครกลับมาสักคน มันทำให้เขาไม่สบายใจ
  “เหลืออีกสิบนาที…”
  เจ้าตำหนักคงฮานพูดอย่างใจเย็น
  ฟึ่บ!
  สตรีนางหนึ่งบินเข้ามานางคือเฉาหลี่!
  เจ้าตระกูลเฉาสบายใจขึ้นมาบ้างเขาเดินไปหานาง
  “หลี่เอ๋อเจ้ากลับมาแล้ว! หลิงเจี้ยนกับคนอื่นไปไหน? ทำไมเจ้ากลับมาคนเดียวเล่า?”
  เฉาหลี่ตกใจนางหน้าซีดเล็กน้อยเมื่อตอบ
  “ท่านเจ้าตระกูลพวกเขาไม่ได้กลับมาก่อนข้าหรอกหรือ?”
  เจ้าตระกูลตัวแข็งทื่อหัวใจเขาถูกแช่ลงในแอ่งน้ำแข็ง
  “ไม่เลย…พวกเจ้านัดเจอกันก่อนจะกลับมาพร้อมกันสินะ?”
  เฉาหลี่หน้าซีดนางริมฝีปากสั่น
  “ข้าล่าสัตว์อสูรระดับสูงคนเดียวตามที่ท่านบอกแล้วก็นัดเจอกับคนที่เหลือก่อนกลับมา แต่พอข้าไปตามนัด ข้าก็ไม่เจอใครเลย! ข้าคิดว่าพวกเขาไม่รอข้าและกลับมาก่อน”
  ปั้ง!
  จิตใจเจ้าตระกูลเฉาราวกับถูกฟ้าผ่าเขาตกใจจนตาเหลือก
  “พวกนั้นหายไปไหนล่ะ?”
  เฉาหลี่กระวนกระวายขึ้นมาแต่นางก็ฝืนใจเย็นลง นางพยายามปลอบเขา
  “ท่านเจ้าตระกูลไม่ต้องเป็นห่วง!ไม่มีใครทำร้ายพวกเขาได้หรอก ท่านก็รู้ว่าหลิงเจี้ยนแข็งแกร่งเพียงใด! พวกนั้นอาจจะแค่เดินทางช้ากว่าข้า พวกเขากำลังกลับมาแน่นอน”
  ใบหน้าเจ้าตระกูลไร้ซึ่งความหวังเขาทำได้แค่รอและศรัทธาในตัวลูกหลาน เขามองป่าขังภูติอย่างกังวลใจ
  ในตอนนั้นเองมีคนบินเข้ามา เจ้าตระกูลเฉาเบิกตากว้าง แต่เมื่อสังเกตดูก็พบว่านางคือจื่อเสวียนที่ตระกูลซือถูจ้างมา
  นางบินมาอย่างมั่นใจและร่อนลงไปข้างซือหยู
  “มาคุยกับข้าตอนสอบเสร็จข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า”
  ซือหยูใจเต้นแรง…นางรู้เรื่องของข้าแล้วรึ?
  “เหลืออีกห้านาที”
  เจ้าตำหนักคงฉานประกาศและมองไปยังเสาศิลาของตระกูลเฉานางตกใจที่มันว่างเปล่า!
  คนทุกตระกูลสูญเสียครั้งใหญ่จากฝูงสัตว์คลั่งมีคนเข้าสอบตายมากกว่าสองในสิบส่วน แต่โชคดีที่ยังมีคนเหลือรอดมาบ้าง
  แต่ตระกูลเฉารอดกลับมาแค่คนเดียวนั่นเป็นเหตุให้เสาศิลาว่างเปล่า มันน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง!  เวลาผ่านไปช้าๆเจ้าตระกูลเฉาหนักใจขึ้นเรื่อยๆ เขาเหนื่อยอ่อนแต่ยังคงจ้องมองป่าขังภูติ เขาหวังจะให้เฉาหลิงเจี้ยนพาคนที่เหลือกลับมา
  “หมดเวลาแล้ว…”
  เจ้าตำหนักคงฉานประกาศก่อนจะยืนขึ้นช้าๆ
  “ผู้เฒ่าทุกท่านเริ่มนับคนที่สอบผ่านได้”
  ปั้ง!ปั้ง!
  เจ้าตระกูลเฉาถอยหลังสองก้าวด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินเสี้ยวความหวังสุดท้ายของเขาดับมอดแล้ว เฉาหลิงเจี้ยนกับที่เหลือเจออุบัติเหตุที่มิอาจกลับมาได้ มีคำอธิบายเพียงสองอย่างเท่านั้น…นั่นคือพวกเขาติดอยู่ในที่ไหนสักแห่ง…หรือพวกเขาตายแล้ว!