ตอนที่ 444 ถ้าไม่ตกลงเขาก็ต้องตาย / ตอนที่ 445 รอผมที่ห้อง

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 444 ถ้าไม่ตกลงเขาก็ต้องตาย 

 

 

           เธอตกใจสะดุ้งเฮือก “คุณเป็นลูกครึ่ง?” 

 

 

           ก่อนหน้านี้เธอไม่ทันสังเกตเรื่องนี้มาก่อน แม้เขาจะใช้ชื่อภาษาอังกฤษก็จริง แต่เขามีดวงตาสีดำและผมสีดำ การแสดงออกต่างๆ ล้วนเป็นแบบชาวตะวันออก เธอจึงไม่เคยคิดว่าเขาเป็นลูกครึ่งตะวันตก พอรู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่ง รายละเอียดต่างๆ นานาที่เธอเคยละเลยก็ผุดขึ้นในความคิดโดยฉับพลัน 

 

 

           อีริคยิ้มบางๆ พลางเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “ผมขออนุญาตแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ ชื่อภาษาจีนของผมคืออินรุ่ย ผมดีใจมากที่ตัวจริงคุณสวยกว่าในรูปตั้งเยอะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้โกหกผมจริงๆ ด้วย” 

 

 

           “อินรุ่ย?” เธอทวนชื่อเขาเบาๆ รู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่เธอกลับนึกไม่ออกว่าเคยพบเขาที่ไหนมาก่อน 

 

 

           อินรุ่ยเห็นสีหน้าเธอแล้วหัวเราะเบาๆ “ผมเป็นลูกครึ่งจีนออสเตรเลีย แม่ผมแซ่อิน ชื่อจีนของผมก็เลยใช้แซ่ตามแม่ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้โกหกคุณเลยนะ” 

 

 

เธอคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเสียทีจนต้องเลิกคิด “รูปอะไร แล้วคุณเคยเจอฉันที่ไหนไม่ทราบ?” 

 

 

           เขายิ้มมีเลศนัย “เรื่องนี้ผมยังไม่บอกคุณดีกว่า คุณเองก็ไม่ต้องร้อนใจไป ถึงแม้ที่เมืองนอกจะเป็นถิ่นของผม แต่จิ้นหยวนก็ไม่ใช่หญ้าอ่อนที่เคี้ยวได้ง่ายๆ เขายังเก่งพอที่จะเอาตัวรอดได้ชั่วคราวหรอกน่า” 

 

 

           “ชั่วคราว?” 

 

 

           “ใช่ ชั่วคราว เชื่อผมเถอะ ผมไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่ใครใช้ให้เขามายุ่งกับคุณล่ะ? คุณเป็นผู้หญิงที่ถูกลิขิตไว้ให้ผม ส่วนเขา ก็ต้องถูกกำจัดทิ้ง” 

 

 

           เขาเอ่ยราบเรียบราวจิ้นหยวนเป็นเพียงมดตัวหนึ่งที่ถูกเขาบี้เบาๆ ก็แหลกคามือได้ง่ายๆ 

 

 

           เฉียวซือมู่ไม่มีทางเชื่อว่าจิ้นหยวนจะแพ้เขาง่ายๆ แต่เธอไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงรู้สึกร้อนใจจนกระสับกระส่าย 

 

 

           อินรุ่ยมองเธอแวบหนึ่ง ขยับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่วางอยู่ข้างๆ เข้ามาใกล้ จากนั้นใช้นิ้วกดลงบนแป้นพิมพ์พลางเอ่ยขึ้นใหม่ “ดูเหมือนคุณจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดนะ ถ้างั้นก็ดูให้เห็นตาเองก็แล้วกัน” 

 

 

           เอ่ยพลางขยับหน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คไปยังตรงหน้าเธอ 

 

 

           เธอมองหน้าจอด้วยความไม่เข้าใจ พลันเห็นร่างของคนที่แสนคุ้นเคย จิ้นหยวนนั่นเอง 

 

 

           จิ้นหยวนกำลังนั่งหน้าเครียดอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เขามุ่นหัวคิ้วเล็กน้อยราวกำลังครุ่นคิดถึงปัญหาที่แก้ไม่ตก 

 

 

           เธอถอนใจโล่งอกที่เห็นเขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ ทันใดนั้น เธอกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ 

 

 

           เขาอยู่ที่ไหน? ทำไมทุกอย่างรอบตัวเขาถึงได้เก่าคร่ำคร่าแบบนั้น? เหมือนกับ… 

 

 

           “เหมือนกับอยู่ในคุกใช่ไหมล่ะ?” ดูเหมือนเขาจะเดาออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มหน้าบาน “ใช่แล้ว เขาถูกผมจับขังเอาไว้ เป็นคุกส่วนตัวด้วยนะ ไม่มีทั้งของกินและน้ำดื่ม ถ้าคุณไม่ตกลง อีกไม่กี่วันคุณได้เห็นเขากลายเป็นศพแน่” 

 

 

           เขามองเธออย่างเหิมเกริม “คุณเห็นไหมว่าผมเป็นสุภาพบุรุษมากแค่ไหน ทั้งไม่ใช้กำลัง ทั้งไม่ทำร้ายด้วยคำพูด ก็แค่ปล่อยทิ้งเอาไว้เฉยๆ โดยไม่สนใจไยดี ผมทำแบบนี้ถือว่าดีกับคุณมากเลยนะ” 

 

 

           เธอตกใจจนถลาเข้าไปตะโกนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “จิ้นหยวน อาหยวน คุณได้ยินฉันไหม?” 

 

 

           ไร้ปฏิกิริยาตอบรับใดๆ จากจิ้นหยวน  

 

 

           ความหวาดกลัวจู่โจมเธอทันที เธอชายตาขึ้นจ้องอินรุ่ยตาเขม็งพลางกัดฟันกรอด “คุณมันสารเลวที่สุด!” 

 

 

           เขายกมุมปากน้อยๆ เขาไม่เพียงไม่โกรธที่ถูกเธอด่าว่า หากแต่ยังรู้สึกดีใจมากด้วยซ้ำ “ขอบคุณที่ชมครับ” 

 

 

           เขาเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเธอ จ้องเข้าไปในดวงตาเธอที่กำลังจับจ้องเขาตาเขม็งแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆ ความบ้าคลั่งในแววตาเขาทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึ่ง “คุณสบายใจได้ ตะโกนให้ตายเขาก็ไม่ได้ยินหรอก” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 445 รอผมที่ห้อง 

 

 

           เขายื่นมือเชยคางเธอให้เชิดขึ้น จับจ้องดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธระคนความกังวลจนแดงก่ำของเธอนิ่ง มุมปากยกขึ้นน้อยๆ เผยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนหากแต่ชั่วร้ายสุดขีด “คุณคิดได้หรือยัง? ถ้าคุณยอมตกลง ผมก็จะพิจารณาปล่อยเขาไป ถ้าไม่ยอม…” 

 

 

           เธอจ้องเขาตาเขม็ง คำว่า “ไสหัวไปไกลๆ” ติดอยู่ตรงริมฝีปาก แต่เธอกลับพูดมันไม่ออก 

 

 

           จิ้นหยวนยังตกอยู่ในกำมือเขา เธอจะทำให้เขาโมโหไม่ได้ เขาเป็นบ้าไปแล้ว! 

 

 

           เธอครุ่นคิดไปมา สุดท้ายต้องสะกดกลั้นความโกรธแค้นเอาไว้แล้วเอ่ยขึ้น “คุณจะทำตามสัญญาใช่ไหม?” 

 

 

           “แน่นอน ผมพูดคำไหนคำนั้น” 

 

 

           “ก็ได้ ฉันตกลง คุณปล่อยตัวเขาได้แล้ว” 

 

 

           เขาส่ายศีรษะช้าๆ “รออีกหน่อยดีกว่า สบายใจได้ ในเมื่อคุณรับปากแล้ว ผมก็จะไม่ปล่อยให้เขาตายเด็ดขาด แต่ผมก็ต้องดูความจริงใจของคุณก่อน” 

 

 

           “ความจริงใจอะไร?” เธอชักสังหรณ์ใจไม่ดี 

 

 

           เขากวาดสายตามองเธอด้วยสายตาแสดงความต้องการอย่างไม่ปิดบัง จนเธอหน้าซีดเผือด 

 

 

           “ดูเหมือนคุณจะเข้าใจแล้วนี่” เขายิ้มกรุ้มกริ่มพลางโน้มกายเข้าใกล้เธอ เอ่ยข้างหูเธอเสียงพร่าต่ำ “รอผมที่ห้องดีๆ ล่ะ” 

 

 

           เธอตกใจสะดุ้งเฮือก ถอยเท้าหนีสองก้าวโดยอัตโนมัติ 

 

 

           ท้องไส้เธอปั่นป่วนอย่างรุนแรง ไม่เพียงเพราะความรู้สึกขยะแขยงที่เขาเข้าใกล้เธอ แต่ยังเป็นเพราะกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจนคลื่นไส้ 

 

 

           เธอพยายามกลั้นความรู้สึกทรมานเอาไว้ มองเขาอย่างเย็นเยียบ 

 

 

           เขาไม่สนใจสักนิด หัวเราะสมใจแล้วหมุนตัวเดินออกไป 

 

 

           เธอยืนมองแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆ หายลับไปจากสายตาอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง 

 

 

           เธอดึงสติกลับมา ขณะที่กำลังคิดจะสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบให้ละเอียดนั้น จู่ๆ ไม่รู้ว่าหญิงวัยกลางคนสองคนโผล่มาจากไหน เอ่ยกับเธอสีหน้าเจ้าเล่ห์ “คุณเฉียว เชิญคุณไปที่ห้องได้แล้วค่ะ” 

 

 

           ทั้งสองยืนขนาบซ้ายขวาอยู่ตรงหน้าเธอ ขวางทางเธอเอาไว้พอดิบพอดี 

 

 

           เธออยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ไป แต่พอเห็นรูปร่างบึกบึนของพวกเธอแล้วต้องเปลี่ยนความคิดทันที 

 

 

           เธอก้มหน้าลง “โอเค ฉันจะตามพวกเธอไปเอง” 

 

 

           เธอรู้ว่าผู้หญิงสองคนนี้ไม่ได้มาดี ตอนนี้แกล้งทำเป็นยอมไปก่อนเป็นดีที่สุด 

 

 

           ลูกน้องของคนบ้าอาจจะเป็นคนบ้าเหมือนกันก็ได้ 

 

 

           สีหน้าของหญิงสองคนนั้นค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย คนหนึ่งเดินนำหน้า อีกคนคอยเดินคุมเชิงอยู่ข้างหลังเธอ เธอถูกขนาบหน้าหลังจนเดินเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ชั้นสาม 

 

 

           เธอเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าตึกนี้เป็นอาคารสามชั้น ตอนนี้พวกเขาพาเธอมายังชั้นสาม ย่อมหมายถึงเธอจะหลบหนีได้ยากมากยิ่งขึ้น 

 

 

           หญิงวัยกลางคนสองคนนั้นส่งเธอเข้าไปในห้องแล้วถอยออกจากห้องทันใด โดยไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างที่จินตนาการเอาไว้ 

 

 

           เธอเคลื่อนไหวทันทีที่หญิงสองคนนั้นปิดประตูสนิท 

 

 

           เธอไม่เคยละทิ้งความคิดที่จะหลบหนีแม้แต่วินาทีเดียว และตอนนี้เธอก็พอจะคิดอะไรออกบ้างแล้ว คนเก่งอย่างจิ้นหยวนคงไม่ยอมถูกควบคุมตัวง่ายๆ แบบนี้หรอก 

 

 

           แต่น่าเสียดายที่รอบกายเธอไม่มีเครื่องมือที่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว มิเช่นนั้น… 

 

 

           เธอนึกถึงคำพูดเป็นนัยของอีริคแล้วรู้สึกร้อนใจดั่งไฟลน ได้แต่กัดริมฝีปากล่างแน่น 

 

 

           ตอนนี้เธอควรทำอย่างไรดี? 

 

 

           หรือว่าเธอต้อง… 

 

 

           ไม่ได้ เธอทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ถ้าต้องทำแบบนั้นจริง เธอยอมตายเสียดีกว่า! 

 

 

           เธอเปิดหน้าต่างแล้วมองลงไปยังเบื้องล่าง ด้านล่างมีคนหลายคนถืออาวุธเดินลาดตระเวนไปมา และกำแพงฝั่งนี้ยังเป็นกำแพงเรียบๆ ที่ไร้สิ่งกำบังอีกต่างหาก หากเธอหนีจากทางหน้าต่าง พวกเขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นก็เห็นเธอแล้ว