ตอนที่ 446 ถ้าคุณกล้าแตะต้องเขา ตายเป็นผีฉันก็ไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่! / ตอนที่ 447 ออกไป

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 446 ถ้าคุณกล้าแตะต้องเขา ตายเป็นผีฉันก็ไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่! 

 

 

           เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น จำใจปิดหน้าต่างลงด้วยความเจ็บใจ 

 

 

           ตอนนี้เธอควรทำอย่างไรดี? 

 

 

           ขณะที่กำลังร้อนใจอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็หน้ามืดขึ้นมา 

 

 

           ร่างกายเธออ่อนแรงจนต้องรีบจับขอบหน้าต่างเอาไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้มลงกับพื้น 

 

 

           เธอใช้มืออังหน้าผากตัวเองเบาๆ แปลกจัง หรือว่าเธอจะไม่สบาย? 

 

 

           เธอลูบหน้าผากไปมา หน้าผากเธอไม่ร้อน แต่ความรู้สึกวิงเวียนกลับไม่หายเสียที จึงได้แต่ชักหัวคิ้วชนกันแน่นอย่างไม่เข้าใจ 

 

 

           ตอนนี้เธอกำลังร้อนใจมาก ทำไมร่างกายต้องอ่อนแอในเวลาแบบนี้ด้วย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ 

 

 

           ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเธอควรจะทำอย่างไรดี? 

 

 

           ขณะที่เธอกำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้น ดูเหมือนเธอจะได้ยินเสียงฝีเท้าของอินรุ่ยเดินใกล้เข้ามาทุกที 

 

 

           ไม่ได้ เธอจะยอมให้เขาทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด! 

 

 

           เธอเริ่มลนลาน กวาดสายตาพลันเห็นประตูกระจกที่อยู่อีกฝั่งเข้าพอดี 

 

 

           ตอนนี้คงทำได้แค่ซ่อนตัวแล้ว 

 

 

           เธอเงยตัวยืนตรงโดยไม่สนใจว่าตอนนี้ยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ พยายามประคองตัวเดินไปซ่อนตัวในห้องน้ำ แต่ก้าวเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเธอก็หน้ามืดจนเป็นลมล้มฟุบกับพื้น 

 

 

           อินรุ่ยเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าชื่นบาน ยังไม่ทันจะได้เรียก “มู่มู่” พลันเห็นร่างเธอนอนสลบไม่ได้สติอยู่บนพื้น 

 

 

           หัวใจเขาสะดุดกึก เขารีบวิ่งเข้าไปอุ้มเธอขึ้นมา ใบหน้าเธอซีดขาวไร้สีเลือด 

 

 

           หัวใจเขาหนักอึ้ง 

 

 

           “หมอ! ตามหมอมาเดี๋ยวนี้! เดี๋ยวนี้!”  

 

 

           เฉียวซือมู่ค่อยๆ ได้สติ ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นใบหน้าถมึงทึงของอินรุ่ยทันที 

 

 

           เธอรู้สึกขยะแขยงเขาจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น  

 

 

           หวังเหลือเกินว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ 

 

 

           อินรุ่ยมองเธออย่างเย็นชา ในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “ทำไมไม่มองหน้าผม? คุณไม่อยากรู้หรือไงว่าร่างกายตัวเองเป็นอะไรไป?” 

 

 

           “คุณหมายความว่ายังไง?” เธอฟังแล้วรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเลิกผ้าห่มขึ้นพลางมองหน้าเขา 

 

 

           เขาขยับมุมปากนิดๆ หากแต่ไร้แววยิ้มใดๆ “คุณมีแล้ว” 

 

 

           “อะไรนะ? มีอะไร?” เธอยังไม่เข้าใจ ได้แต่มองหน้าเขานิ่ง 

 

 

           “ผมบอกว่าคุณท้องแล้ว มีมารหัวขนอยู่ในท้องคุณ” เขามองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือก 

 

 

           แต่เธอไม่ใส่ใจสายตาของเขาแม้แต่นิดเดียว เพราะเธอกำลังตกตะลึงในสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ “คุณ… คุณพูดจริงเหรอ? ฉันมีลูกแล้ว? เป็นไปได้ยังไง?” 

 

 

           เธอมองหน้าท้องตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ หน้าท้องที่ยังคงเรียบสนิท ไม่มีความรู้สึกใดๆ “คุณไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม?” 

 

 

           เขายิ้มเยาะ “แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ? ดูเหมือนผมจะเป็นคนแรกที่รู้เรื่องนี้ซะด้วยสิ ถ้างั้นจิ้นหยวนก็ยังไม่รู้เรื่องสินะ? ถ้าผมบอกข่าวนี้ให้เขารู้ เขาจะมีปฏิกิริยายังไงนะ? ตอนนี้ลูกเมียเขาอยู่บนเตียงของผม และคุณกำลังจะกลายเป็นผู้หญิงของผม คุณว่า ถ้าเขารู้เรื่องแล้ว… เขาจะทำยังไง?” 

 

 

           คำพูดของเขาเหมือนน้ำเย็นจัดที่ราดลงบนศีรษะเธอ ความดีใจหายวับไปกับตาในบัดดล 

 

 

           “อินรุ่ย คุณคิดจะทำอะไรน่ะ? ตอนนี้ฉันเป็นคนท้องนะ คุณยังอยากได้ตัวฉันอยู่อีกหรือไง?” เธอจ้องเขาตาเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ 

 

 

           จู่ๆ เขาก็ยื่นมือวางลงตรงหน้าท้องเธอ “ไม่มีเด็กนี่ คุณก็ไม่ใช่คนท้องแล้ว” 

 

 

           “คุณคิดจะทำอะไร!” เธอขนลุกซู่ไปทั้งร่าง มองเขาอย่างหวาดระแวง “ถ้าคุณกล้าแตะต้องลูกฉันแม้แต่ปลายก้อย ตายเป็นผีฉันก็ไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่!” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 447 ออกไป 

 

 

           ดวงตาลึกล้ำของเขาจับจ้องเธอนิ่งนาน ไร้คำพูดใดๆ จากเขา 

 

 

           เธอรวบรวมความกล้า จ้องเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้ 

 

 

           แม้เด็กคนนี้จะมาได้ไม่ถูกเวล่ำเวลา แต่เธอก็ไม่สามารถทนดูคนอื่นทำร้ายเขาได้ลงคอ 

 

 

           ทั้งสองจ้องตากันนานสองนาน ในที่สุด อินรุ่ยก็เป็นคนเบือนสายตาหนีก่อน 

 

 

           เขาลุกขึ้นยืน หมุนตัวเดินออกจากห้องเงียบๆ 

 

 

           ประตูห้องถูกปิดอย่างแรง เธอได้ยินเสียงดัง “กริ๊ก” เบาๆ ตามหลัง 

 

 

           นั่นเป็นเสียงล็อกประตูจากด้านนอก เธอได้ยินเสียงนั้นแล้วกลับรู้สึกสบายใจขึ้น 

 

 

           เวลาแบบนี้เขายังอุตส่าห์กลัวเธอหนีอีก หมายความว่าเขาจะยังไม่ทำอะไรลูกในท้องของเธอใช่ไหม? 

 

 

           ใช่แล้ว ลูก… 

 

 

           เธอค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตนเองช้าๆ อย่างเหม่อลอย หลังจากสภาพจิตใจที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงแล้ว ความรู้สึกไม่เป็นจริงผุดขึ้นอย่างแรงกล้า 

 

 

           เธอมีลูกแล้วจริงๆ? ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ? 

 

 

           เขาโกหกเธอหรือเปล่า? 

 

 

           เธอลังเลสักพัก คิดว่าเขาน่าจะพูดความจริง 

 

 

           เขาคงไม่สร้างเรื่องโกหกแบบนี้เพื่อหลอกเธอหรอก ถ้าเธอไม่ได้ท้อง เขาน่าจะลงมือได้ง่ายกว่า 

 

 

           ถ้าเช่นนั้น มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อยู่ในท้องของเธอจริงๆ นะสิ? 

 

 

           เธอตื่นเต้นขึ้นมาทันที จินตนาการไปไกลว่าลูกในท้องจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย จะหน้าตาเหมือนเธอหรือจิ้นหยวน จะนิสัยแย่เหมือนพ่อหรือเปล่า… 

 

 

           ความรู้สึกอบอุ่นแรงกล้าเอ่อท้นในใจ จนใบหน้าเธอเปล่งประกาย 

 

 

           ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววใดๆ มาก่อนเลย อีกทั้งบางครั้งจิ้นหยวนก็ทำหน้าแปลกๆ จนเธอเกือบจะคิดว่าร่างกายเธอต้องมีปัญหาแน่ เธอแอบกังวลอยู่พักใหญ่ แต่ตอนนี้ความกังวลเหล่านั้นมลายหายไปจนสิ้น หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่เป็นใจ ป่านนี้เธอคงดีใจกระโดดโลดเต้นไปแล้ว 

 

 

           แต่อินรุ่ยที่อยู่อีกฟากห้องกลับกำลังหน้าดำคร่ำเครียดจนดูน่ากลัว 

 

 

           ลูกน้องลอบสังเกตสีหน้าเขาพลางเอ่ยหยั่งเชิง “ต้องการให้ผมติดต่อหมอเพื่อมาดูอาการคุณเฉียวไหมครับ?” 

 

 

           อินรุ่ยเข้าใจความหมายของเขาดี จึงกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ยังไม่รีบ” 

 

 

           ลูกน้องคนนั้นรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยขึ้นใหม่ “ความจริงการผ่าตัดเล็กๆ แบบนี้ส่งผลกระทบต่อร่างกายนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น คุณอินไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลอะไรเลยนะครับ…” 

 

 

           เขาติดตามอินรุ่ยมานานหลายปี จึงคิดว่าตนเข้าใจอินรุ่ยมากที่สุด และเข้าใจความคิดของเขาในยามนี้เป็นอย่างดี จึงคิดช่วยแบ่งเบาความหนักใจของเขาในยามนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าปฏิกิริยาของเจ้านายจะทำให้เขาประหลาดใจมาก 

 

 

           “ฉันบอกแล้วว่ายังไม่ต้อง ไม่ได้ยินหรือไง? อินรุ่ยขึงตามองเขาอย่างหมดความอดทน 

 

 

           สีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจนของเขาทำให้ลูกน้องคนนั้นรู้ตัวว่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นมากเกินไป จึงรีบก้มหน้างุด “ครับ เป็นความผิดของผมเองครับ” 

 

 

           “ออกไปได้แล้ว” อินรุ่ยพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้ายังคงแย่เหมือนเดิม 

 

 

           ลูกน้องคนนั้นไม่กล้าปริปากอีก ก้มกายเดินออกจากห้องหนังสือแล้วปิดประตูลงเบาๆ 

 

 

           ความคิดของเจ้านายยากจะคาดเดาขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียว! 

 

 

           อินรุ่ยมองไปยังประตูห้องที่ถูกปิดลงแล้วด้วยสีหน้าที่ดูแย่มาก เขาใช้สองแขนค้ำยันขอบโต๊ะเอาไว้ สีหน้าไม่พอใจถึงที่สุด อกกระเพื่อมขึ้นลงเพราะความโมโหถึงขีดสุด 

 

 

           เขาโมโหมากจนกวาดของทั้งหมดบนโต๊ะลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว 

 

 

           ลูกน้องที่เฝ้าอยู่นอกประตูห้องได้ยินเสียงแล้วต่างพากันตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ 

 

 

           หลังจากระบายอารมณ์แล้ว สีหน้าอินรุ่ยยังคงดูย่ำแย่เหมือนเดิม แต่อย่างน้อยเขาก็พอได้สติกลับมาบ้าง เขานิ่งคิดชั่วครู่ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออก