ตอนที่ 678 ช่วงนี้เสน่ห์แรง
“นี่ ตอนนี้ฉันได้ทำตามขนาด ข้อมูลจำเพาะ และข้อกำหนดที่เขาให้มาแล้ว แล้วก็แก้จุดที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษแล้ว เธอลองดูเถอะ” ถังถังหยิบเอกสารอย่างไม่ใส่ใจและส่งให้ฉู่เจียเสวียน
ฉู่เจียเสวียนเดินพลางเปิดดูพลาง มองดูลายเส้นที่พลิ้วไหวบนร่างออกแบบ โครงร่างประณีตเป็นที่สุด ดีไซน์คอวีลึกบนชุดแต่งงานถูกออกแบบตามความต้องการของลูกค้า ตั้งใจเพิ่มขนาดลงไปเล็กน้อย รวมทั้งเพิ่มริ้วบางส่วนตรงตำแหน่งเอว ปลายแขนเสื้อมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนโคมไฟ ชายเสื้อเป็นสไตล์ดัตช์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในสังคมตอนนี้ โดยออกแบบเป็นคลื่นในแนวทแยง
“ไม่เลวเลยนี่นาถังถัง ทักษะการออกแบบดีขึ้นเยอะเลย” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากชมถังถัง
“มันแน่อยู่แล้ว อยู่กับเธอในฐานะนักออกแบบระดับนานาชาติ ทักษะของฉันจะไม่ดีขึ้นได้ยังไง” ถังถังกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ระดับการออกแบบของเธออาจไม่ดีเท่าฉู่เจียเสวียน แต่ว่าสุดท้ายแล้วเธอก็เป็นนักออกแบบระดับเงินเช่นกันนะ
“อืม ไม่เลวๆ แต่ว่าให้ลูกน้องทำก็ได้ หลังจากทำเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมตรวจให้ละเอียดนะ พวกเขาค่อนข้างรีบ พวกเราจะรอไม่ได้แล้ว” ฉู่เจียเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงมืออาชีพ
“อืม ฉันรู้ ถ้าไม่มีปัญหาแล้วละก็ฉันก็จะจัดการตามนี้ พอทำเสร็จแล้วก็จะให้พวกเขามาลองที่ร้านชุดแต่งงาน” เมื่อพูดถึงเรื่องงาน ถังถังก็จริงจังและเป็นทางการขึ้นมา เธอแบ่งแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้อย่างชัดเจน
“ได้” ฉู่เจียเสวียนตอบอย่างนุ่มนวล จากนั้นเธอก็เริ่มออกแบบชุดแต่งงาน ปากกาในมือวาดเส้นสวยงามออกมาอย่างลื่นไหล
ทุกลายเส้นทุกการวาดรวมตัวกันเป็นแสงเงาที่สวยงาม
การแสดงออกที่จริงจังและทุ่มเทของเธอแสดงถึงแรงดึงดูดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ขนตายาวงอนสั่นไหวเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงยกยิ้มบางเบาทำมุมกันอย่างสวยงาม
ถังถังจ้องมองเธอจนเหม่อลอยอยู่เงียบๆ
ฉู่เจียเสวียนช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายที่โดดเด่นชอบเธอตั้งสองคน ถ้าเธอเป็นผู้ชายละก็ ก็คงจะชอบเธอเช่นกัน
“ฉันสวยขนาดนั้นเลยเหรอไง? ถ้าเธอยังไม่ไปทำงานอีกจะไม่ทันเอานะ” ระหว่างที่เหม่อลอย เสียงที่เจือปนรอยยิ้มของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น
ยัยนี่กำลังคิดอะไรอยู่นะ ช่วงนี้เธอเสน่ห์แรงเกินไปหรือเปล่านะ แม้แต่ผู้หญิงก็ชอบอย่างนั้นเหรอ
“ใช่ จุ๊ๆ ฉันรู้สึกว่าเธอยิ่งสวยขึ้นทุกวัน” พูดจบ ถังถังก็ยิ้มสดใสให้กับฉู่เจียเสวียน และเดินออกจากออฟฟิศพร้อมกับเอกสาร
เธอกำลังจะไปติดต่อคนเพื่อจัดการเรื่องงานแต่งงาน
ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า ดึงสติกลับมาจดจ่ออยู่กับการออกแบบชุดแต่งงาน
เธอต้องการออกแบบชุดแต่งงานใหม่ทั้งหมด ชุดแต่งงานในตอนนี้ดูเหมือนจะธรรมดาเกินไป เธอคิดว่าเธอควรกล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ชุดแต่งงานไม่ควรเป็นสไตล์เดียวกันเสมอไป
ในปัจจุบันสังคมพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก คุณต้องมีผลงานที่เหนือชั้น เพื่อที่จะสามารถยืนหยัดอยู่ต่อไปได้
นาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาไม่เคยเดินเร็วขึ้นหนึ่งนาทีหรือช้าลงหนึ่งวินาทีเลย เข็มนาฬิกาเดินส่งเสียงดังติ๊กต๊อกๆ พระอาทิตย์ตกดินไปอย่างช้าๆ และท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง
พอถึงเวลาห้าโมงครึ่ง โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนก็ดังขึ้นตรงเวลา
เมื่อเห็นสายเรียกเข้า เธอก็ยิ้ม คนคนนี้ช่างตรงเวลาจริงๆ
วางปากกาในมือลง ฉู่เจียเสวียนกดปุ่มรับสาย ดวงตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากแดงยกยิ้มเล็กน้อย “ฮัลโหล”
“ออกมาสิ” ด้วยคำพูดที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาสองสามคำ เผยหนานเจวี๋ยวางสายหลังจากพูดจบ
ฉู่เจียเสวียนวางโทรศัพท์ลง จัดระเบียบโต๊ะทำงานด้วยความเร็วสูงสุด หยิบกระเป๋าแล้วเดินไปที่ประตู
ทันทีที่ถึงหน้าประตู ก็เห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ลมหายใจของเขาเย็นยะเยือก รูปลักษณ์โดดเด่น ดึงดูดสายตาอิจฉาจากผู้คนที่ผ่านไปมา
ตอนที่ 679 คุณจะพาฉันไปไหน
ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ที่ประตู มองไปยังชายผู้ที่หล่อเหลาโดดเด่นแล้วยิ้ม ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ไกลกัน แต่เธอกลับรู้สึกว่าพวกเขาห่างกันเป็นศตวรรษ
เสียงกระซิบกระซาบของพนักงานในร้านดังมาจากด้านหลัง
“พี่เจียเสวียนนี่โชคดีจังเลยนะที่มีผู้ชายหล่อขนาดนี้มาชอบเธอ”
“นั่นสิๆ เธอดูประธานเผยสิ หล่อเป็นบ้าเลย ตัวจริงหล่อกว่าในหนังสือพิมพ์อีก”
“อืมๆ น่าอิจฉาพี่เจียเสวียนจังเลย…”
“พวกเราน่ะ ตั้งใจทำงานดีกว่านะ…”
“…”
ฟังเสียงคุยเจื้อยแจ้วของกลุ่มสาวน้อยข้างหลังแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็หัวเราะ ก้าวเท้าเดินตรงไปยังพวกเธอ
ผู้ชายคนนี้ช่างทำตัวเป็นจุดสนใจจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาโดดเด่นขนาดนั้น ยังจะออกมายั่วเย้าสาวๆ อีก
“จะไปไหน” เมื่อหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ฉู่เจียเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลมหนาวพัดมาแผ่วเบา มันพัดผมของเธอปลิวไปในอากาศ และยังพัดเข้ามาในเสื้อผ้าของเธอ ทำให้เธอรู้สึกตัวสั่น
“ขึ้นรถสิ” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือออกมา มือหนึ่งเปิดประตูรถ มือหนึ่งจูงเธอเข้าไปบนรถ
เครื่องทำความร้อนในรถเปิดอยู่ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาภายในพริบตา
ด้านนอกรถหนาวขนาดนั้น เขารอเธออยู่ในรถไม่ได้เหรอไง ทำไมต้องไปรถเธอข้างนอกด้วย จริงๆ เลย
หลังจากเผยหนานเจวี๋ยเข้าไปในรถและคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว เขาก็สตาร์ทรถและขับออกไปทันที
“คุณจะพาฉันไปไหน” ฉู่เจียเสวียนหันมา เอ่ยปากพร้อมมองดูใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบของเขา
“บ้านของผม” เผยหนานเจวี๋ยบอกตามตรง เขาสั่งให้คนจัดดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่บ้านเป็นพิเศษ กินข้าวนอกบ้านจนเคยชินแล้วก็ยังได้บรรยากาศไม่เท่ากินที่บ้าน
“อ่อ” ฉู่เจียเสวียนตอบรับแผ่วเบา ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงบ้านไหน
ไม่รู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยมีธุรกิจกี่ตั้งประเภทในเมือง A ใครจะไปรู้ว่าเขาพูดถึงบ้านไหนกัน
เมื่อก่อนตอนที่แต่งงานกับเขา เธอกับเขาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์สกุลเผยมาโดยตลอด เธอไม่เคยไปที่อื่นเลย นับประสาอะไรกับการไปสำรวจหรือเคยสังเกตเห็นมาก่อน
“ไม่ชอบเหรอ” เมื่อได้ยินว่าฉู่เจียเสวียนคล้ายจะไม่สนใจ ริมฝีปากบางๆ ของเขายกขึ้น
“เปล่า” ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า
เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้ตอบ รถเคลื่อนต่อไปข้างหน้า ฉู่เจียเสวียนมองไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ ไม่นานถนนที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา
ต้นสนและไซเปรสทั้งสองข้างทางยังคงเป็นเหมือนในอดีต ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย สองข้างทางยังคงสะอาดสะอ้าน ความทรงจำเอ่อล้นอยู่ในใจอย่างไม่คาดคิด
นี่ไม่ใช่การกลับมาครั้งแรก ทว่าอารมณ์ของเธอในขณะนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน ในอดีตเธอเดินอยู่บนเส้นทางนี้ด้วยความชอกช้ำระกำใจ ตอนนี้ได้มาเดินเส้นทางนี้อีกครั้ง แต่กลับรู้สึกมีความสุขมาก
ถ้าพวกเขาสามารถเป็นแบบนี้ได้ตลอดไปก็คงเป็นเรื่องดี
ระหว่างที่เหม่อลอยอยู่นั้น รถก็กลับมาถึงคฤหาสน์บ้านเผยและจอดลงช้าๆ ในเวลานี้ท้องฟ้ากลายเป็นสีเทาแล้ว
ฉู่เจียเสวียนลงจากรถ มองไปที่ลานบ้านที่คุ้นเคย มองดูต้นไม้ใบหญ้าที่นี่ซึ่งไม่แตกต่างอะไรจากเมื่อก่อนเลย สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือเธอและเขา
ดวงตารู้สึกเปียกชื้นอย่างประหลาด สถานที่แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความทรมานของเขากับเธอ และยังเป็นจุดสิ้นสุดของทุกสิ่ง ตอนนี้ได้กลับมาอีกครั้ง ช่างรู้สึกได้ถึงร้อยพันอารมณ์จริงๆ
เผยหนานเจวี๋ยลงมาจากรถ เมื่อเห็นฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง เดินไปหาเธอแล้วพูดเบาๆ “เป็นอะไรไป คิดอะไรอยู่เหรอ”
ฉู่เจียเสวียนดึงสติกลับมาและข่มอารมณ์ไว้ ส่ายหน้ากับเขา “แค่ความรู้สึกมันถาโถมนิดหน่อย”
เผยหนานเจวี๋ยเม้มริมฝีปาก เขารู้ว่าที่นี่มีความทรงจำที่เลวร้ายมากมายสำหรับเธอ แต่ที่นี่คือสถานที่ที่พวกเขาสองคนเคยอาศัยอยู่ สำหรับเขาแล้ว ที่นี่มีลมหายใจของเธออยู่
“พวกเราเข้าไปกันเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบา จูงมือของฉู่เจียเสวียนแล้วเดินเข้าไปในบ้าน