บทที่ 893 : หลิงหยุนผู้ไม่เกรงกลัวใคร!
ถังเมิ่งรีบขึ้นไปนั่งข้างหลิงหยุนที่เบาะหลังตี้เสี่ยวอู๋สตาร์ทรถ และรีบขับออกไปทันที..
หลิงหยุนร้องสั่งถังเมิ่งว่า“กังหลิวหย่งล่ะ นายโทรบอกให้เขารีบตามไปเจอพวกเราที่ประตูทางเข้าสำนักงานประจำมณฑล!”
ถังเมิ่งฝืนยิ้ม..“พี่หยุน.. ขนาดพ่อฉันยังถูกพาตัวไปที่สำนักงานประจำมณฑล แล้วพี่คิดว่าพี่กังกับคนอื่นจะรอดงั้นเหรอ ตอนนี้เขาเองก็กำลังถูกสอบสวนอยู่เหมือนกัน!”
หลิงหยุนถามกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ใหน”
ถังเมิ่งตอบกลับมาว่า“เขาก็ถูกสอบสวนอยู่ที่สำนักงานรักษาความมั่นคงประจำจิงฉูนั่นล่ะ..”
หลิงหยุนแสยะยิ้มและสั่งตี้เสี่ยวอู๋ว่า “กลับรถ.. ไปที่สำนักงานรักษาความมั่นคงประจำจิงฉูก่อน!”
ช่วงเวลานี้เลยเวลาเลิกงานตอนเย็นไปแล้วถนนจึงโล่ง.. ตี้เสี่ยวอู๋เหยียบไปด้วยความเร็ว และเพียงแค่สิบนาทีก็ไปถึงหน้าประตูทางเข้าสำนักงานรักษาความมั่นคงประจำจิงฉู
ถังเมิ่งโผล่หัวออกไปทางหน้าต่างและร้องตะโกนบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคน
“เปิดประตู..พวกเรามาหาผู้กองกังหลิวหย่ง”
พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นลูกชายผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงประจำจิงฉูมาหาผู้กองกังหลิวหย่งจึงรีบเปิดประตูให้ทันที..
หลังจากประตูเปิดออกแล้วตี้เสี่ยวอู๋ก็เหยียบคันเร่งตรงเข้าไปที่อาคารสำนักงานทันที จากนั้นทั้งสามคนก็เดินลงจากรถ..
“ฉันรู้ว่าห้องทำงานของพี่กังอยู่ใหนตามฉันมา..”
ถังเมิ่งเดินนำหลิงหยุนกับตี้เสี่ยวอู๋ไปและไม่นานก็มาถึงหน้าห้องทำงานของกังหลิวหย่ง หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูแล้ว และจัดการผลักประตูห้องเข้าไปโดยไม่เคาะเพื่อขออนุญาตก่อน..
กลุ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งทางสำงานประจำมณฑลเป็นผู้ส่งมาทั้งสามคนนั้นสองในสามกำลังสอบปากคำกังหลิวหย่งอยู่พอดี และสีหน้าก็ดูเคร่งเครียดจริงจังอย่างมาก คำพูดก็ค่อนข้างก้าวร้าวดุดัน ส่วนอีกคนตำรวจหญิงทอมบอยทำหน้าที่จดบันทึกอยู่เงียบๆ
พวกเขากำลังสอบถามกังหลิวหย่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ในคืนนั้นและกังหลิวหย่งก็ได้อธิบายด้วยถ้อยคำที่ชัดเจน และฟังเข้าใจได้ง่าย แต่เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนก็ยังถามย้ำอยู่ประโยคเดิมๆ จนกังหลิวหย่งได้แต่นิ่งเงียบ เพราะไม่รู้จะตอบเช่นไร
“ใครสั่งให้คุณจับกุมคนทั้งที่ไม่มีอำนาจในการจับกุม..ตอบมา!”
ปัญหาคือกังหลิวหย่งไม่สามารถตอบได้..เพราะหนึ่ง – เขาเองก็ไม่มีอำนาจในการจับกุมจริง ส่วนเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ – เขาก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ว่าถังเทียนห่าวเป็นผู้สั่งการให้เขาเข้าไปจับกุมคน..
แม้ว่านี่จะเป็นความจริงแต่หากเขาพูดออกไปเช่นนั้น ก็เท่ากับเป็นการขายผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตนเอง และจะมีผลกระทบต่อถังเทียนห่าวอย่างรุนแรง..
ต่อหน้าทีมสอบปากคำทั้งสามคนกังหลิวหย่งจึงได้แต่นิ่งเงียบ และระหว่างที่เจ้าหน้าที่ชายทั้งสองคนกำลังบีบคั้นกังหลิวหย่งอยู่นั้น หลิงหยนุก็ผลักประตูเข้าไปในห้องพอดี
“พวกเธอเป็นใคร!แล้วใครอนุญาตให้เข้ามาในห้องนี้?!”
เมื่อทีมสอบสวนเห็นวัยรุ่นสามคนเดินเข้ามาโดยพลการโดยไม่เคาะประตูเช่นนี้พวกเขาจึงรู้สึกหงุดหงิด และร้องตะโกนถามหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมาก
แต่หลิงหยุนกลับร้องบอกกังหลิวหย่งโดยไม่สนใจทีมสอบสวนทั้งสามคนแม้แต่น้อย“พี่กัง.. คนทั้งหมดที่จับกุมตัวมาเมื่อคืนล่ะ”
กังหลิวหย่งเห็นหลิงหยุนโผล่มาเช่นนี้ก็นึกดีใจอย่างมาก และรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับตอบไปว่า “ยังอยู่ในห้องขัง.. แต่พวกเขาต้องการให้ปล่อยตัวทันที!”
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับถามต่อว่า“คุณจัดการสอบปากคำผู้กระทำผิดทั้งหมดเรียบร้อยแล้วใช่มั๊ย”
กังหลิวหย่งพยักหน้าแทนคำตอบและในเวลาเดียวกันนั้นเอง หนึ่งในเจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนก็ลุกขึ้นยืนชี้หน้ากังหลิวหย่งพร้อมกับร้องตะโกนใส่หน้า “ผู้กองกัง.. การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ใครสั่งให้คุณลุกขึ้นยืน!”
“หนวกหู!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับปล่อยกระแสลมปราณผ่านนิ้วเข้าสกัดจุดเจ้าหน้านายนั้นทันทีสีหน้าของเจ้าหน้าคนนั้นบ่งบอกว่าตกอกตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าตนเองไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้!
หลิงหยุนไม่สนใจเจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนอีกแต่หันไปพูดกับกังหลิวหย่งต่อ “คุณช่วยนำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวหลี่จิ่วเจียง และเลขาของมัน รวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆที่จะใช้ฟ้องหลี่จิ่วเจียงตามผมไปที่สำนักงานประจำมณฑลด้วย!”
“ได้!”
กังหลิวหย่งพยักหน้ารับทันทีแต่แล้วก็โน้มตัวไปกระซิบกับหลิงหยุนว่า “แล้วคนพวกนี้ล่ะ..”
หลิงหยุนเหลือบมองทีมสอบสวนพร้อมตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ“ปล่อยไว้แบบนี้ล่ะ!”
หลิงหยุนสกัดจุดไว้เพียงแค่เบาๆเท่านั้นและอีกราวสิบนาที จุดที่สกัดไว้ก็จะคลายออกเอง ทั้งสามคนก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ
เมื่อเห็นกังหลิวหย่งกำลังจะเดินออกจากห้องไปเจ้าหน้าที่หญิงซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสอบสวนก็ลุกขึ้นร้องตะโกนทันที
“ผู้กองกัง..คุณจะออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้!”
“คุณเองก็ควรหยุดพักบ้าง!”
หลิงหยุนตอบกลับทันทีและจัดการทำให้เจ้าหน้าที่หญิงไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกหนึ่งคน
ทีมสอบสวนทั้งสามคนจ้องหน้าหลิงหยุนด้วยความรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว
หลังจากที่กังหลิวหย่งออกไปแล้วหลิงหยุนก็หันไปทางเจ้าหน้าที่ทั้งสามคน พร้อมกับพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน..
“พวกคุณจำไว้ให้ดี!ผมชื่อหลิงหยุน.. และผมจะไม่ทำตามขั้นตอนบ้าบออะไรของพวกคุณทั้งนั้น ถ้าไม่พอใจ.. ก็โทรรายงานเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาของคุณทราบ และส่งคนมาตามจับผมได้เลย!”
“ไปกันได้แล้ว!”
หลังจากพูดทิ้งท้ายไว้เช่นนั้นหลิงหยุนก็เดินนำถังเมิ่ง และตี้เสี่ยวอู๋ออกไปทันที ทิ้งให้เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนซึ่งอยู่ในอาการหวาดผวาอยู่กันตามลำพังในห้อง
หลังจากที่กังหลิวหย่งถูกปล่อยตัวแล้วเขาก็รีบโทรสั่งการลูกน้องตามที่หลิงหยุนบอกทันที และสั่งให้นำตัวหลี่จิ่วเจียงและคนอื่นๆ พร้อมด้วยพยานหลักฐานทั้งหมดไปที่สำนักงานประจำมณฑลทันที
หลิงหยุนถังเมิ่ง กับตี้เสี่ยวอู๋ขึ้นรถ และขับออกจากสำนักงานรักษาความมั่นคงประจำจิงฉู มุ่งหน้าไปยังสำนักงานประจำมณฑลทันที..
ระหว่างที่อยู่ภายในรถ..ถังเมิ่งร้องบอกหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้นตกใจ “พี่หยุน.. นี่พี่ปกติดีมั๊ย! เมื่อครู่ทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า?!”
หลิงหยุนไปถึงก็ไม่พูดไม่จา..แต่กลับตรงเข้าไปจัดการกับเจ้าหน้าที่สอบสวนโดยไม่สนใจอะไร และตั้งแต่ที่ถังเมิ่งรู้จักหลิงหยุนมา นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนกระทำการบุ่มบ่ามเช่นนี้..
“ทำไม!เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมงั้นรึ? ถ้าอย่างนั้น.. เรื่องเมื่อคืนยิ่งไม่เหมาะสมกว่าอีกงั้นเหรอ?”
หลิงหยุนรู้ดีว่าสงครามรอบตัวเขากำลังใกล้เข้ามามากแล้วเขาไม่มีเวลาให้กับเรื่องไร้สาระเช่นนี้มากนัก..
ยี่สิบนาทีต่อมาทั้งหมดก็มาถึงหน้าประตูสำนักงานประจำมณฑ หลิงหยุนเดินลงจากรถ และร้องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านหน้าทันที
“เปิดประตู!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังคงยืนนิ่งและร้องบอกหลิงหยุนว่า “กรุณาแสดงบัตรประจำตัวด้วย!”
จากนั้น..เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงชี้ไปทางประตูด้านตะวันออกพร้อมกับพูดต่อว่า
“แต่ถ้าไม่มี..ก็ไปกรอกแบบฟอร์มที่นั่น และแจ้งด้วยว่าต้องการมาพบใคร และเรื่องอะไร”
“อะไรนะ!”
หลิงหยุนฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจอย่างมาก‘เหตุใดจึงยุ่งยากเช่นนี้นะ!’
แน่นอนว่าเขาไม่มีเวลาที่จะไปกรอกแบบฟอร์มบ้าบออะไรแน่..เขายกมือขึ้นชี้ไปทางอาคารสำนักงานประจำมณฑลพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คุณเห็นอาคารข้างหน้านั่นมั๊ยผมจะมาหาคนที่ใหญ่ที่สุดในนั้นล่ะ.. รีบเปิดประตูได้แล้ว!”
หลิงหยุนร้องสั่งด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจแม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนยังถึงกับตกใจ ตามมาด้วยความรู้สึกโกรธ หนึ่งในนั้นร้องตะโกนออกไปว่า
“เจ้าหนู..นี่เธอรูมั๊ยว่าที่นี่ที่ใหน ที่นี่เป็นสำนักงานประจำมณฑล ไม่ใช่ที่ที่พวกเธอจะมาเที่ยวเล่นวุ่นวาย กลับไปได้แล้ว!”
อีกคนนั้นดุดันกว่ามากไม่พูดพล่ามทำเพลง แต่มือทั้งสองข้างกลับยกปืนขึ้นเล็งไปทางหลิงหยุน..
หลิงหยุนเห็นแล้วก็ได้แต่หัวเราะ“เอาล่ะ.. ในเมื่อไม่เปิดประตู ผมก็จะพังประตูเข้าไป!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เดินเอามือไขว้หลังและใช้มังกรพลางร่างหลบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปทำลายประตูทันที
“นี่..”
โครม!!
ประตูรั้วเปิดออกทันที..แต่ความจริงแล้วประตูรั้วทั้งแผงนั้น ถูกหลิงหยุนผลักหลุดออกจากรางเลื่อน และร่วงหล่นลงที่พื้นทันที
“แย่แล้ว!”
เจ้าหน้าทีรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและเล็งปืนไปทางหลิหงยุน
แต่หลิงหยุนกระโดดกลับมาอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นปล่อยลมปราณผ่านนิ้วเข้าสกัดจุดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนไว้ทันที และทั้งคู่ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก
“จำชื่อผมไว้..หลิงหยุน!”
หลิงหยุนส่งสายตามองไปทางตี้เสี่ยวอู๋เป็นการส่งสัญญาณให้เขาขับรถเข้าไปข้างในได้แล้ว..
ถังเมิ่งที่เดินลงมาจากรถก่อนหน้านี้ได้แต่ยืนอ้าปากหวอมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับคิดในใจว่า
‘วันนี้พี่หยุนเป็นอะไรของเขา!ดูใจร้อนกว่าปกติ!’
“ถังเมิ่ง..นายรออยู่ที่นี่! ถ้ากังหลิวหย่งมาถึง ให้ตามเข้าไปด้านในได้เลย”
หลังจากสั่งถังเมิ่งไปแล้วหลิงหยุนก็หันหลังเดินตรงเข้าไปที่อาคารด้านในทันที
…….
“ถังเทียนห่าว..คุณเป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ทำไมถึงได้ทำอะไรที่ไร้หลักการแบบนี้นะ”
“ต่อให้ผู้อำนวยการหลี่ทำผิดจริง..ก็ไม่ควรจับกุมตัวเขาโดยพลการแบบนี้ อย่างน้อยก็ต้องคิดถึงขั้นตอนการทำงานที่ควรจะเป็นด้วย.. คุณเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานรักษาความมั่นคง.. จะจับคนโดยที่ไม่สนใจขั้นตอนแบบนี้ไม่ได้!”
ผู้อำนวยการอายุราวห้าสิบปีอยู่ในชุดเครื่องแบบราชการกำลังจ้องมองถังเทียนห่าวด้วยดวงตาคมกริบระหว่างที่ตำหนิติเตียนเขา..
คนผู้นี้ก็คือผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงประจำมณฑลชื่อว่าเลี่ยวจื่อเจิง
นอกเหนือจากเลี่ยวจื่อเจิงแล้วก็ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกสามคนซึ่งอยู่ในคณะกรรมการสอบสวนวินัยประจำมณฑลร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ในบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่อยู่ในห้องทั้งสี่คนนั้นมีเพียงรองผู้อำนวยการตู้เผิงเฟยเท่านั้น ที่พอจะมีสัมพันธ์อันดีกับถังเทียนห่าว ส่วนที่เหลือต่างก็มองถังเทียนห่าวราวกับตัวตลก..
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลี่ยวจื่อเจิง..ซึ่งยังคงแค้นใจเรื่องที่หลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าวร่วมกันทำลายหลัวจ้งซึ่งเป็นคนของเขาโดยไม่เห็นแก่หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย เวลานี้เลี่ยวจื่อเจิ้งได้โอกาส จึงจ้องที่จะเล่นงานถังเทียนห่าวเพียงอย่างเดียว..
“ถังเทียนห่าว..ฟังผมนะ! รีบจัดการปล่อยตัวคนทั้งหมดที่คุณจับกุมมาเมื่อคืนนี้ และให้คณะกรรมการประจำมณฑลเป็นผู้สอบสวนเรื่องนี้แทน..”
“สำหรับความผิดของคุณในครั้งนี้คุณจะต้องเขียนรายงาน และถูกสอบสวนอย่างละเอียดอีกที..”
เลี่ยวจื่อเจิงพูดโดยไม่เปิดโอกาสให้ถังเทียนห่าวได้พูดบ้างเลย..
แต่ใครจะคิดว่าระหว่างที่เลี่ยวจื่อเจิงยังพูดไม่จบนั้น ก็ได้ยินเสียงดังมาจากหน้าประตู..
“จะให้ปล่อยคนเหรอ..ฝันไปเถอะ!”
บทที่ 894 : คนใหญ่คนโต!
ทุกคนในห้องต่างก็ตกตะลึงและหันไปมองทางประตูพร้อมๆกัน..
แน่นอน..มีเพียงถังเทียนห่าวที่รู้วว่าหลิงหยุนได้มาถึงแล้ว เขายิ้มเล็กน้อย และได้แต่คิดว่าหลิงหยุนมาได้เร็วกว่าที่คิดไว้มาก
“นี่มันอะไรกัน!”
เลี่ยวจื่อเจิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วทั้งร่างของหลิงหยุน
ที่นี่เป็นสถานที่ราชการไม่ใช่บริษัทห้างร้านทั่วไป ใครกันที่กล้ามาพูดจายะโสโอหังที่นี่..
“เธอเป็นใคร”
รองผู้อำนวยการตู้เผิงเฟยยังคงยืนนิ่งแต่คิดในใจกลับคิดว่า.. ใครกันนะที่กล้าบุกเข้ามาในห้องของผู้อำนวยการโดยพลการแบบนี้ แล้วยังพูดจายะโสโอหังอีกด้วย..
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับกวาดตามองผู้คนที่อยู่ในห้อง“หลิงหยุน.. ผมชื่อหลิงหยุน !”
“อะไรนะ!”
ทันทีที่หลิงหยุนรายงานตัวเองต่อหน้าทุกคนเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสี่คนในห้องก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ และทุกสายตาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนด้วยสีหน้าแววตาแตกต่างกันไป
แต่ท่าทีของหลิงหยุนกลับสบายๆเขาอยู่ต่อหน้าคนใหญ่คนโตที่มีสีหน้าเคร่งเครียดถึงสี่คน แต่กลับไม่มีท่าที่ประหม่าเลยแม้แต่น้อย
หลิงหยุนเดินไปนั่งบนโซฟาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสบายอกสบายใจแล้วจึงพูดออกไปว่า..
“เอาล่ะ..ทุกคนไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้น นั่งๆๆ!”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสี่คนได้แต่ประหลาดใจและคิดว่าหลิงหยุนทั้งโอหังและอวดดี เขาทำราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง และยังเชื้อเชิญให้ทุกคนนั่งราวกับเป็นแขก..
เลี่ยวจื่อเจิงหมดความอดทนจึงร้องตะโกนออกไปอย่างโมโห“หลิงหยุน.. เมื่อครู่เธอพูดอะไรออกมา ฝันไปเถอะอะไรกัน.. นี่เธอคิดว่าเธอกำลังพูดอยู่กับใคร?”
หลิงหยุนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี“แน่นอน.. ผมต้องรู้อยู่แล้วว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับใคร แต่ถ้าคุณฟังไม่ชัด ผมจะพูดใหม่อีกครั้งช้าๆชัดๆ ใครที่คิดจะปล่อยตัวหลี่จิ่วเจียง.. อย่าได้ฝันกลางวันไปเลย!”
“นี่เธอ..”
เลี่ยวจื่อเจิงโกรธมาก..เขายกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุน แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว หลิงหยุนทำเหมือนเขาไม่อยู่ในสายตาเช่นนี้ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหนได้
ถังเทียนห่าวเองก็ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาปล่อยให้หลิงหยุนจัดการเองอย่างเต็มที่ เขาเชื่อว่าหลิงหยุนจะต้องมีทางออกที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนเอนกายพิงโซฟาสีดำเขาหรี่ตาลง และค่อยๆ กวาดสายตามองไปทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคนที่อยู่ในห้อง ก่อนจะถามยิ้มๆ
“ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่อยู่ในห้องนี้ทุกคนคงจะรู้หมดแล้วว่าหลี่จิ่วเจียงได้กระทำความผิดจริง!”
“ในเมื่อเขากระทำความผิดจริงเพราะเหตุใดลุงถังจึงไม่สามารถจับกุมได้ การจับกุมผู้กระทำผิด.. ไม่ถูกต้องอย่างนั้นรึ? หากถูกต้อง.. เหตุใดจึงต้องถูกนำตัวมาสอบสวนที่นี่ด้วย? พวกคุณใช้ตรรกะอะไรกัน?”
แต่ภายในห้องกลับเงียบกริบ..ไม่มีเสียงตอบคำถามดังออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว และบรรยากาศภายห้องก็เริ่มกระอักกระอ่วน..
ผ่านไปครู่ใหญ่..รองผู้อำนวยการตู้เผิงเฟยที่แอบมองหลิงหยุนอย่างสนอกสนใจ ก็ได้แต่ยิ้มและพูดขึ้นมาว่า
“หลิงหยุน..ฉันได้ยินมาว่าเธอโดนโกงผลคะแนนสอบเอนทรานซ์ใช่มั๊ย นี่เท่ากับว่าเธอก็คือผู้เสียหายสินะ!”
ตู้เผิงเฟยพูดขึ้นทำลายบรรยากาศที่เงียบกริบภายในห้องแล้วจึงพูดต่อว่า “ความจริงแล้ว.. ที่เรียกตัวผู้อำนวยการถังมาที่นี่นั้น ก็เพื่อต้องการสอบความจริงเท่านั้นเอง ผู้บังคับบัญชายังไม่ได้ตำหนิติเตียนลงมา เรื่องนี้นับว่าเป็นคดีใหญ่ของเมืองจิงฉู เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำมณฑลจึงต้องให้ความสนอกสนใจไม่ใช่หรือ”
“แต่ก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง..ผู้อำนวยการถังได้กระทำการข้ามขั้นตอน เขายังไม่ได้รายงานเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงทราบ และเข้าจับกุมผู้อำนวยการหลี่โดยไม่ได้รับการอนุมัติ และไม่มีคำสั่งให้จับกุม นี่จึงเป็นการการกระทำที่ไม่ถูกขั้นตอน..”
“เดี๋ยวก่อน..”
จู่ๆหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นห้ามตู้เผิงเฟย พร้อมกับพูดยิ้มๆ “คุณยกเรื่องขั้นตอนการจับกุมขึ้นมาอ้างนั้น.. ผมพอจะเข้าได้! แต่ช่วยตอบคำถามของผมก่อน.. หมายความว่าอำนาจของลุงถังยังไม่เพียงพอที่จะจับกุมหลี่จิ่วเจียงได้ใช่หรือไม่ ผมเข้าใจถูกต้องมั๊ยครับ?”
ตู้เผิงเฟยตอบกลับยิ้มๆ“เอ่อ.. จะพูดแบบนั้นก็ได้.. การจะจับกุมหลี่จิ่วเจียงนั้น อำนาจของผู้อำนวยการถังยังไม่เพียงพอ ต้องมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาอีกที..”
“เอาล่ะ..ผมเข้าใจแล้ว!”
หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสี่คนที่อยู่ในห้องพร้อมกับร้องถามขึ้นว่า
“ถ้าอย่างนั้น..ผมขอถามว่าในเมื่อผู้อำนวยการถังไม่มีอำนาจในการจับกุมหลี่จิ่วเจียง ถ้าเช่นนั้นพวกคุณทั้งสี่คนมีใครบ้างที่มีอำนาจพอที่จะจับกุมหลี่จิ่วเจียงได้บ้าง”
“เอ่อ..”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสี่คนถึงกับอึกอักและไม่มีใครกล้าตอบคำถามของหลิงหยุนเลย..
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..หากใครกล้าพูดว่าตนเองมีอำนาจพอ หลิงหยุนก็จะให้คนผู้นั้นเป็นผู้จับกุมหลี่จิ่วเจียง ดูสิว่าใครจะมีใครกล้าจับหรือไม่
เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสี่คนได้แต่สะดุ้งตกใจเพราะหลิงหยุนนั้นเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุสิบแปดเท่านั้น แต่กลับไม่มีความประหม่าเกรงกลัวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังพูดจาได้ฉะฉาน ทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก!
ทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนกันว่า..อำนาจมากมายในมือของตนเองเวลานี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงหยุน สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง..
เหตุใดหลิงหยุนจึงได้ยะโสและไม่เกรงกลัวผู้ใดเช่นนี้
คำพูดแต่ละคำที่ออกจากปากของเด็กหนุ่มผู้นี้ล้วนแล้วแต่สามารถควบคุมสถานการณ์ภายในห้องไว้ในกำมือได้ในทันที!
หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยัน“ไม่กล้าตอบกันสินะ นั่นก็แสดงว่าไม่มีใครกล้าจับคนกระทำความผิด? ถ้าอย่างนั้นจะมาพูดเรื่องขั้นตอนการจับกุมให้เสียเวลาทำไมกัน? พวกคุณกำลังพูดถึงกฎหมายอะไรกัน? แต่ละคนช่างไร้ยางอายสิ้นดี!”
หนึ่งในคณะกรรมการสอบสวนวินัยประจำมณฑลพูดออกมาด้วยเสียงที่เบาว่า..
“หลิงหยุน..ต่อให้พวกเราไม่กล้าจับกุมหลี่จิ่วเจียง แต่หลังจากที่สอบสวนเขาเสร็จ ก็ต้องส่งเรื่องไปที่ศาลให้ศาลตัดสินอยู่ดี..”
หลิงหยุนจึงถามต่อทันที“ในเมื่อแม้แต่จับกุมยังทำไม่ได้ ไม่ทราบว่าพวกคุณจะใช้วิธีใหนสอบสวนหลี่จิ่วเจียง และจะส่งตัวเขาไปให้ศาลตัดสินได้ยังไง ฟังดูช่างตลกสิ้นดี!”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้นั้นถึงกับอึ้งไปทันทีและไม่สามารถตอบโต้หลิงหยุนกลับได้..
หากเปรียบคนรู้กฎหมายเป็นยอดฝีมือแล้วล่ะก็..คนพวกนี้จัดว่าเป็นยอดฝีมือก็จริง แต่ก็ยังไม่เก่งพอที่จะสามารถจัดการกับหลิงหยุนได้!
ความจริงแล้ว..เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสี่คนควรจะต้องสั่งให้หลิงหยุนออกไปจากห้องทันที และต้องไม่ให้เขาอยู่สร้างความวุ่นวายเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงไม่มีผู้ใดกล้าลุกขึ้นยืนพูดกับหลิงหยุนเช่นนั้นแม้แต่คนเดียว!
จากที่ทุกคนพูดอะไรไม่ออกเวลานี้ก็ได้แต่ยืนหน้าแดงก่ำ..
“ผมขอถามพวกคุณว่า..หากผู้ที่ถูกจับกุมครั้งนี้ไม่ใช่หลี่จิ่วเจียง แต่เป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป คุณจะส่งทีมสอบสวนมาสอบลุงถังแบบนี้มั๊ย หรือจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่สำนักงานรักษาความมั่นคงจับคุมคนชาวบ้านได้ทันที?”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสี่คนถึงกับเหงื่อตกและไม่มีใครกล้าตอบคำถามของหลิงหยุนอีก..
เมื่อเห็นทุกคนในห้องต่างก็นิ่งเงียบไปเช่นนั้นหลิงหยุนจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับพูดออกมาอย่างเหยียดหยัน
“นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ!แล้วยังจะเสียเวลาพล่ามเรื่องขั้นตอนบ้าบออะไรอีก..”
เมื่อเห็นท่าทีและคำพูดโอหังไม่เกรงกลัวใครของหลิงหยุนแม้แต่ถังเทียนห่าวยังถึงกับตกใจ และได้แต่แอบคิดว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับหลิงหยุนกันแน่! ดูเหมือนวันนี้เขาจะไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น..
แต่ถึงกระนั้น..ถังเทียนห่าวก็แอบส่งสายตาให้หลิงหยุน เป็นการบอกว่าเขาทำพอสมควรแล้ว หากทำมากกว่านี้เกรงว่าจะเป็นการกดดันให้อีกฝ่ายกลายเป็นหมาจนตรอก..
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนเพียงแค่ขยิบตาให้ถังเทียนห่าวก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก และไม่สนใจว่าอีกฝ่าจะกลายเป็นหมาจนตรอกฮึดสู้ขึ้นมาหรือไม่..
หลิงหยุนได้ยินเสียงรถตำรวจดังอยู่ด้านนอกจึงรู้ได้ทันทีว่ากังหลิวหย่งมาถึงแล้ว เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาถังเมิ่งทันที
“จะให้พาทุกคนและนำพยานหลักฐานทุกอย่างไปที่ใหนน่ะเหรอ อ่อ.. ก็ต้องห้องทำงานของผูอำนวยการน่ะสิ!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็กดวางสายทันที!
เลี่ยวจื่อเจิงและตู้เผิงเฟยมองหลิงหยุนด้วยความสงสัยและไม่รู้ว่าหลิงหยุนกำลังคิดที่จะทำอะไรต่อ..
ห้านาทีต่อมา..กังหลิวหย่งก็เดินนำเข้ามา ตามมาด้วยถังเมิ่ง หลี่จิ่วเจียง เลขาหวัง หลี่เสี่ยวเว่ย และคนอื่นๆ ทั้งหมดยืนรอกันอยู่หน้าห้อง..
หลิงหยุนร้องสั่งด้วยเสียงเย็นชา“ถังเมิ่ง.. พาทั้งหมดเข้ามาในห้องได้เลย!”
จากนั้นกังหลิวหย่งก็นำตัวหลี่จิ่วเจียงคนที่ต้องการฟ้องร้องเขา รวมทั้งเจ้าหน้าที่การเงินที่ทำหน้าที่รับซองแดง และคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าไปในห้องของเลี่ยวจื่อเจิงจนแน่นขนัดไปหมด
หลิงหยุนไม่สนใจปฏิกิริยาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสี่คนที่อยู่ในห้องเขาสั่งให้กังหลิวหย่งส่งพยานหลักฐานทั้งหมดให้กับเลี่ยวจื่อเจิง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
“นี่คือพยานวัตถุและพยานบุคคลทั้งหมดมีทั้งวีดีโอบันทึกคำสารภาพ แล้วก็สำนวนที่ได้จากการสอบปากคำทั้งหมด คุณตรวจดูได้เลยว่าทั้งหมดนี้เพียงพอที่จะจับกุมตัวหลี่จิ่วเจียงได้มั๊ย
ไม่มีใครยอมดูแม้แต่คนเดียว..ทุกคนต่างก็รู้อยู่แล้วว่าหลี่จิ่วเจียงทำผิด แต่กลับเล่นงานถังเทียนห่าวที่ไม่ทำตามขั้นตอน นั่นเพราะความจริงแล้วคือต้องการจะเล่นงานถังเทียนห่าวกับหลี่ยี่เฟิงซึ่งอยู่ปักกิ่งต่างหาก..
แต่เวลานี้หลิงหยุนนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาเช่นนี้เท่ากับเป็นการตบหน้าทุกคนที่อยู่ในห้องเสียงดังฉาด
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ผมรู้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนเป็นคนของตระกูลซัน แต่ไม่ต้องห่วง.. ผมจะจัดการทุกอย่างเองเดี๋ยวนี้!”
ในที่สุดหลิงหยุนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหลิงลี่ทันที..
“อาวุโส..ข้าจับหลี่จิ่วเจียงได้แล้ว แต่มีใครบางคนปฏิเสธไม่ยอมจับกุมตัวมัน เพราะมันมีตระกูลซันหนุนหลังอยู่ ข้าควรทำเช่นไร”
หลิงลี่ดีใจมากที่หลานรักของเขาโทรมาและได้แต่บอกหลิงหยุนว่าไม่ต้องห่วง เขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง..
เพียงแค่สองนาทีต่อมา..
ภายในห้องทำงานที่เงียบกริบ..โทรศัพท์มือถือของเลี่ยวจื่อเจิงก็ดังขึ้น เขายกขึ้นดู และรีบกดรับด้วยท่าทีรนราน..
เลี่ยวจื่อได้แต่ตอบกลับไปว่า“ครับผม.. เข้าใจแล้วครับ ผมจะทำตามนั้น!”
หลิงหยุนลุกขึ้นยิ้มเย็นชาเขากวาดสายตามองทุกคน ก่อนจะหันไปพูดกับถังเทียนห่าวโดยไม่สนใจใคร
“ลุงถัง..ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว เชิญคุณลุงกลับไปก่อน!”