ซย่าโหวฉิงเทียนที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นั้น ดูคล้ายกับไซบีเรียน ฮัสกี้แสนน่ารักเป็นที่สุด
ยิ่งมองดูใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้า อวี้เฟยเยียนก็ยิ่งเศร้าใจ
หนุ่มหล่อเหลาขนาดนี้ กลับมิใช่ของข้า!
น่าเศร้าใจจริงๆ!
เพราะฉะนั้น อวี้เฟยเยียนจึงเอาความเสียอกเสียใจที่มิได้ครอบครองชายรูปงามแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการกิน ถล่มกินปลาย่างที่ซย่าโหวฉิงเทียนย่างให้ทั้งสิบตัว หมดไปถึงห้าตัว จนสุดท้ายอิ่มหมีพีมันหนังท้องตึง นั่งเอกเขนกพิงหินก้อนใหญ่ มือก็ลูบหนังท้องที่ตึงเปรี๊ยะของตัวเองเบาๆ
แต่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับยังไม่พอใจในปริมาณการกินของอวี้เฟยเยียนเท่าใดนัก
ปลาห้าตัว กินน้อยเกินไปแล้ว! กินเท่าแมวดม!
หรือเป็นเพราะว่าเขาย่างมันไม่อร่อยกันนะ
ซย่าโหวฉิงเทียนบิเนื้อปลาย่างใส่ปากเพื่อลองชิม พบว่ารสชาติอร่อย ทั้งยังแบ่งให้ฮันจื่อสองตัว ฮันจื่อ ซึ่งกำลังหิวโหยจนเกือบจะกินลิ้นตนเข้าไปอยู่แล้ว
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ปลา!
หรือรสชาติที่ถูกปากของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ
เห็นอวี้เฟยเยียนปิดเปลือกตาลงอย่างแสนขี้เกียจ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงนั่งลงเคียงข้างนาง แล้วดึงนางเข้ามาโอบกอดนางไว้
“ดึกแล้วลมเย็น!”
เป็นอย่างที่เขากล่าว เมื่อครู่ อวี้เฟยเยียนรู้สึกหนาวกายอยู่บ้าง จึงอดมิได้ที่จะต้องบดเบียดร่างเข้าหาอ้อมอกของเขา
ถึงแม้ว่านางจะเป็นจอมเทวา ความหนาวเหน็บเพียงแค่นี้ทำอะไรนางมิได้อยู่แล้ว มันไม่ได้ทำให้นางเป็นหวัดหรือไม่สบายได้หรอก แต่นางก็ชื่นชอบอ้อมกอดอันอบอุ่นของซย่าโหวฉิงเทียนมากกว่า มันทำให้นางรู้สึกสบายและปลอดภัย เปลือกตาของนางค่อยๆ ปิดลงจวนเจียนจะหลับให้ได้
“ปลาอร่อยหรือไม่”
เห็นอวี้เฟยเยียนสีหน้าสบายอกสบายใจ อิ่มหมีพีมันเช่นนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนจึงกล่าวถามขึ้น
“อร่อย! เป็นปลาย่างที่อร่อยที่สุดเท่าที่ข้าเคยกินมาเลย!”
อวี้เฟยเยียนให้คะแนนสูงลิ่วขนาดนี้ ทำให้สีหน้าซย่าโหวฉิงเทียนสดใสเบิกบานขึ้นทันที
“แต่เจ้ากินไปเพียงน้อยนิด…”
ถึงแม้ว่าในใจจะเบิกบานและดีใจเป็นอย่างมาก แต่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับใช้สีหน้าที่ผิดหวังเสียใจจ้องมองอวี้เฟยเยียน
“ข้าไม่ใช่หมูนะ!”
เห็นท่าที สีหน้า แววตาของซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนถึงกับหมดคำพูดโดยสิ้นเชิง
“ห้าตัวก็เกินที่ท้องของข้าจะรับไหวแล้ว! ไม่เชื่อ ท่านลองคลำท้องข้าดู!”
อวี้เฟยเยียนจับมือของซย่าโหวฉิงเทียน มาวางบนท้องของตัวเอง
“รู้สึกหรือไม่ นี่ข้าอิ่มจนจุกเลยนะ”
ท้องของนางนุ่มนิ่ม เป็นก้อนกลมๆ ดูท่าอิ่มแล้วจริงๆ
ทำเช่นนี้ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้พึงพอใจ
“กระเพาะเจ้าเล็กเกินไปแล้ว ต่อไปจะต้องกินให้มาก!”
ซย่าโหวฉิงเทียนดึงเนื้อเล็กๆ ของอวี้เฟยเยียนแผ่วเบา จริงอย่างที่เขาคาดเอาไว้ มันยังคงเล็กคอด เอวที่ผอมเพรียวเล็กคอดเช่นนี้ มันจะหักเอาได้ง่ายๆ มองแล้วยิ่งทำให้เขาเป็นกังวลใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากต้องไปเจอกับคนที่มีพละกำลังมหาศาลและบ้าพลังเช่นซย่าโหวฉิงเทียนเข้า น่าเป็นห่วงจริงๆว่า หากเขาออกแรงเพียงน้อยนิด อาจทำให้อวี้เฟยเยียนขาดเป็นสองท่อน
“ที่ไหนกัน!”
อวี้เฟยเยียนผลักมือซย่าโหวฉิงเทียนออก
“ข้ายังไม่เคยมีลูกสักหน่อยนี่นา! รอให้ข้าอายุสักสิบแปดสิบเก้าก่อนสิ แล้วท่านมาดูอีกที มันจะมิใช่เช่นนี้อย่างแน่นอน!”
ยังไม่มีลูก
ซย่าโหวฉิงเทียนตกตะลึง มือของเขาวางพาดลงบนนั้นโดยมิได้ตั้งใจ
“อืม…ไม่ใหญ่!”
เขาพึมพำ เมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กนั้น รู้สึกว่าใหญ่จังเลย ใหญ่จัง ใหญ่เสียจนมือข้างเดียวกุมไม่หมด
ตอนนี้กลับมาคิดอีกครั้ง ในตอนนี้ที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงรู้สึกไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่นัก
ไม่รู้ว่ากระต่ายน้อยเมื่อเติบโตขึ้นจะเป็นอย่างไรกันนะ
อยากรู้จังเลย!
ทรวงทรงองค์เอวไม่เลว แต่เล็กไปสักหน่อย…เฮ้อ ยังไม่มีเคยมีลูกจริงๆด้วย!
ซย่าโหวฉิงเทียนวาดมือคร่าวๆเป็นขนาดเล็กใหญ่และองศาที่โค้งเว้าด้วยฝ่ามือ แล้วเริ่มวิจารณ์
“เฮ้ย!”
ถูกลอบโจมตีหน้าอก แต่อวี้เฟยเยียนก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะได้สติ จนกระทั่งนางเข้าใจอะไรขึ้นมา ก็ใช้เท้าถีบซย่าโหวฉิงเทียนจนกระเด็นออกไป
“ข้าคัพบีแล้วนะ เล็กที่ไหนกัน! หยาบคายนัก!”
เพิ่งจะกินอิ่มใหม่ๆ ได้เวลานางออกกำลังกายพอดี
หลังจากที่อวี้เฟยเยียนสำเร็จขั้นจอมเทวา ก็ยังมิเคยประลองกับซย่าโหวฉิงเทียนอย่างจริงจังเลยสักครั้ง ครั้งนี้หมอนี่ใช้มือปลาหมึกกับนาง ทำให้อวี้เฟยเยียนโกรธจนท้าประลองกับซย่าโหวฉิงเทียนเลยทีเดียว
ภายในหอราชาโอสถ พวกอวี้เชียนเสวี่ยรวมตัวกันนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ทุกคนตระเตรียมสุราอาหารรสเลิศด้วยความเหน็ดเหนื่อย พร้อมทั้งบะหมี่อายุยืนที่กำลังร้อนๆ ทว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าเจ้าภาพหายตัวไปไหน! ทุกคนจึงพากันออกตามหาไปทั่วเรือนก็ไม่เจออวี้เฟยเยียน
“เวลานี้แล้ว นางไปไหนกันนะ”
อวี้เชียนเสวี่ยลูบคางตนเองอย่างใช้ความคิด สีหน้าขาฉงนสงสัย
“หา นางคงจะไม่แอบไปที่รังของสำนักหมื่นพิษคนเดียวใช่หรือไม่!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยคิดได้ดังนั้น ก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากตื่นตระหนกแล้ว นางก็ออกอาการผิดหวังอย่างแรง
“ช่าช่านี่ไม่ใจเลย! เรื่องน่าสนุกตื่นเต้นขนาดนี้กลับไม่เรียกข้าสักคำ! ใจร้ายชะมัด!”
“ไม่หรอกกระมัง!”
มู่เหนี่ยนซีส่ายหน้า แล้วเริ่มนับจำนวนคน จึงพบว่าซย่าโหวฉิงเทียนก็หายไปเช่นกัน หรืออวี้เฟยเยียนถูกซย่าโหวฉิงเทียนลากไปแล้ว
“แม่นางอวี้หลัวช่า อยู่…อยู่ที่ยอดเขาขอรับ!”
ขณะนั้นเอง เซวียเฉียงก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา แล้วชี้ไปที่ยอดเขา
“สู้กันแล้ว! หลินเจียงอ๋อง!”
เมื่อทุกคนวิ่งออกมาจึงพบว่าไม่ใช่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น มีศิษย์ของหอราชาโอสถ นักปรุงยา แล้วยังมีเหล่าผู้เฒ่าและแขกเหรื่อ ล้วนแต่ยืนอยู่บนที่บริเวณที่ว่าง สายตาจ้องมองไปที่ยอดเขา
ถึงแม้ว่าคนทั้งสองจะยืนอยู่ห่างจากกันมาก แต่ก็สามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนผ่านอาภรณ์ที่สวมใส่อยู่
คนหนึ่งสวมชุดกระโปรงสีอ่อน นั่นคืออวี้เฟยเยียน
คนหนึ่งสวมชุดสีม่วง นั่นก็คือซย่าโหวฉิงเทียน
“สวรรค์ ไม่กระมัง! หลินเจียงอ๋องกับใต้เท้าอวี้หลัวช่ามีฝีมือใกล้เคียงกัน! อ๋องผู้นั้นก็เ**้ยมโหดจองหองมากพออยู่แล้ว หากเขายังเป็นจอมเทวาอีก นั่นมิเท่ากับฝืนกฎสวรรค์หรอกหรือ”
เดิมทีซย่าโหวฉิงเทียนก็นิสัยป่าเถื่อนโหดร้ายอยู่แล้ว จุดจบของแคว้นซีเย่ว์พิสูจน์ความจริงข้อนี้ได้ดีที่สุด
หากว่าเขามีความสามารถถึงจอมเทวาจริง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าแคว้นอื่นๆ ก็กำลังตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ
แคว้นต้าโจวมีจอมเทวาอย่างอวี้เฟยเยียนคนหนึ่งแล้ว มาวันนี้จะมีจอมเทวาเพิ่มมาอีกคน ทั้งยังเป็นอ๋องผู้ไร้พ่ายอีกด้วย เห็นทีแผ่นดินนี้คงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เสียแล้ว
ในขณะที่ทุกคนกำลังกังวลใจนั่นเอง คนผู้หนึ่งที่มองสถานการณ์ออกก็กล่าวขึ้น
“พวกเขามิได้ใช้พลังเสวียน! ใต้เท้าอวี้หลัวช่ากำลังอ่อนให้กับหลินเจียงอ๋องนี่นา!”
เมื่อทุกคนเพ่งมองโดยละเอียด จึงพบว่าพวกเขามิได้ใช้พลังเสวียนจริงๆ พวกเขาใช้เพียงแค่กระบวนท่า
เช่นนี้นี่เอง!
เห็นดังทุกคนก็วางใจลงได้มาก
“แต่ว่า ต่อให้พวกเขามิได้ใช้พลังเสวียนต่อสู้กัน แต่ซย่าโหวฉิงเทียนยังสามารถประมือได้เสมอกับใต้เท้าอวี้หลัวช่าได้ ซย่าโหวฉิงเทียนผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก!”
คนผู้หนึ่งได้กล่าวสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคนออกมา
ทุกคนรู้ดีว่า เมื่อก่อนแคว้นต้าโจวถือเป็นแคว้นรองระดับสองหรือแทบจะเป็นระดับสามด้วยซ้ำไป
ต่อมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่แคว้นต้าโจวแปรเปลี่ยนไปเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งขึ้นมา กระทั่งแม้แต่แคว้นฉินจื้อก็ไม่สามารถเอารัดเอาเปรียบแคว้นต้าโจวได้อีก
นับตั้งแต่จอมเทวา โจวเลี่ยเป็นต้นมา อิทธิพลของแคว้นต้าโจวราวกับกำลังรอเวลาที่จะยิ่งใหญ่ขึ้นมา
จากที่แต่ก่อนท่าทีของแคว้นต้าโจวที่มีต่อแคว้นอื่นๆ ทั้งอ่อนโยนและเป็นมิตร ทว่านับตั้งแต่ที่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับคืนสู่มาตุภูมิ ทิศทางและท่าทีของแคว้นต้าโจวก็เปลี่ยนไป จวบจนกระทั่งซย่าโหวจวินอวี่ครองราชย์ ผลงานของซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งประจักษ์แก่สายตาผู้คนมากยิ่งขึ้น
มาตอนนี้เห็นซย่าโหวฉิงเทียนเก่งกาจถึงเพียงนี้ แขกเหรื่อชาวแคว้นต้าโจวนอกจากตื่นเต้นและภาคภูมิใจแล้ว ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวหลินเจียงอ๋องเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ส่วนแขกเหรื่อจากแคว้นอื่นๆ ก็ยิ่งมิกล้ามองข้ามแคว้นต้าโจวอีกต่อไป
ตอนนี้ผู้ที่เป็นเชื้อพระวงศ์หรือที่มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของแต่ละแคว้นต่างก็กำลังครุ่นคิด
หากกลับไปจะต้องนำเรื่องนี้ไปรายงานให้กับฮ่องเต้ของตนให้ได้รู้ ขั้นต่อไปก็จะต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับต้าโจวเอาไว้
ซย่าโหวฉิงเทียนสังหารหูซา จอมเทวาหนึ่งเดียวของแคว้นฉินจื้อในงานประลองปรุงโอสถในครั้งนี้ จนตายต่อหน้าธารกำนัล
ความโหดเ**้ยมของเขา สะเทือนเลือนลั่นทั้งฟ้าดิน!