ตอนที่ 65-1 ทรมานตน

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

เพื่อตามหากโยซึลที่หายไป พวกเขาถึงกับขึ้นไปตามหากันไกลถึงเขามกอัก แต่นึกไม่ถึงว่าจะพบ

 

 

กโยซึลอยู่กับรูแฮเสียได้

 

 

“สรุปแล้วเรื่องเป็นเช่นไรกันแน่” ดึกวอลเริ่มจู้จี้ถามออกไป ในบรรยากาศที่เงียบงัน มีเพียงเสียงของเขาที่เอะอะขึ้นมาอยู่คนเดียว

 

 

“ไม่สิ พวกเราตามหาพระชายาฮวางแทจากันจนแทบพลิกวัง แถมไม่พอยังตามมาถึงเขามกอัก ทว่าพระองค์กลับอยู่กับรูแฮอย่างนั้นหรือ นึกว่าจะทรงหลงทางเสียอีก กลับมาอยู่กับรูแฮเสียได้ หรือว่าพวกท่านไม่ได้หลงแต่ตั้งใจมาที่ภูเขาแห่งนี้ด้วยกันตั้งแต่แรก”

 

 

ดึกวอลกำลังอธิบายสถานการณ์ที่ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องที่เข้าใจและเห็นกับตากันอยู่แล้ว การที่เขาอธิบายออกมาอย่างนี้ เขาต้องการพูดให้ใครได้ยินกันแน่ แถมในคำพูดเอะอะเหล่านั้นยังมีน้ำเสียงเย้ยหยันเจือปนอยู่ ใครๆ ก็รู้ว่าตอนนี้ดึกวอลกำลังสนุกกับสถานการณ์ตรงหน้าเพียงใด

 

 

กโยซึลนิ่งค้างอยู่ในสภาพเดิมกับตอนที่สายตาสบกับบีพาอันในตอนแรก หัวของนางขาวโพลนไปหมด ไม่สิ นางรู้สึกเหมือนตัวตนได้หายไปกับความมืดมิดบนเขาแห่งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะต้องพูดอะไร ควรจะมีปฏิกิริยาแบบใด นางได้แต่นั่งอยู่ที่เดิม สองมือที่ว่าบนเข่ากำแผ่น ใบหน้าซีดขาวเอาแต่เหม่อมองไปที่บีพาอัน

 

 

ในกระท่อมที่เมื่อครู่ร้อนวูบวาบเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อุณหภูมิร้อนรุ่มสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับมีใครเอาน้ำเย็นมาสาดอย่างไรอย่างนั้น หากความตื่นเต้นในครั้งแรกนำพาให้พวกเขาลืมสิ้นทุกอย่างจนรู้สึกเหมือนมีกันอยู่แค่สองคนบนโลก ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ดึงสติพวกเขาให้กลับมาสู่โลกของความเป็นจริงอย่างฉับพลันเช่นเดียวกัน

 

 

อากาศ สายลม ลมหายใจ สายตา แววตา กลิ่นอาย รวมไปถึงความตึงเครียดที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างเลือนลาง ทุกสิ่งทุกอย่างรู้สึกได้จากภายในกระท่อมหลังนี้ ทั้งยังความรู้สึกยังอัดแน่นราวกับเป็นกระแสพาดผ่านลึกไปถึงกระดูก ทุกท่าทาง ทุกกิริยา ทุกอิริยาบถ พวกเขารู้สึกถึงมันได้อย่างแจ่มแจ้ง

 

 

ประสาทสัมผัสที่ไวต่อความรู้สึกมากยิ่งขึ้นพลอยทำให้รับรู้ได้ถึงเรื่องไม่สลักสำคัญอันเล็กน้อย ถึงขนาดทำให้ลมหายใจติดขัดและสติเลือนรางเลยก็ว่าได้ กโยซึลไม่สามารถเบนสายตาไปที่ใดได้นอกจากมองตรงไปที่บีพาอัน สายตาที่ลุ่มลึกของเขาตราตรึงนางเอาไว้ แม้จะกลัวสายตาของเขาแต่นางกลับไม่อาจหลบเลี่ยงได้

 

 

ความสุขที่เกิดเมื่อครู่เปลี่ยนไปเป็นความหวาดผวา แม้หัวใจจะยังคงเต้นตึกตัก หากแต่ว่าเป็นจังหวะที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

 

‘อย่ามาขวางทางเรา ทำตามที่เราบอก อย่าเป็นตัวถ่วงต่อการสืบทอดราชบัลลังค์ของเรา’

 

 

เสียงที่เป็นดั่งมนต์สะกดที่ฝังลึกในหัวกโยซึลของบีพาอันดังขึ้น

 

 

‘อย่ามาขวางทาง อย่ามาวุ่นวาย’

 

 

แล้วสถานการณ์ในตอนนี้ล่ะ ถือว่าเป็นการขัดขวางเส้นทางของบีพาอันหรือไม่ แม้จะเป็นเพียงการถามกับตัวเองแต่ก็ช่างเป็นคำถามที่โง่เง่านัก เพราะมันเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งอยู่แล้ว พระชายาฮวางแทจาที่หายไปอยู่บนเขากับชายอื่น ยิ่งไปกว่านั้น ชายคนนั้นยังเป็นฮวางเซจา ราวกับทุกอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอ ความรู้สึกอึดอัดและมวลในท้องเข้าครอบงำกโยซึล นางหวังว่าจะได้กลับไปพระราชวังอย่างปลอดภัยแต่ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้ หากต้องเป็นเช่นนี้สู้ให้นางหนาวตายอยู่บนเขาเสียยังดีกว่า

 

 

เพียงช่วงสั้นๆ ตั้งแต่ที่บีพาอันกับดึกวอลพบเห็นกโยซึลและรูแฮในกระท่อมนั้น เวลาผ่านไปไม่นานนัก ทว่าในช่วงเวลาอันน้อยนิดกลับมีความคิดเกิดขึ้นในหัวเยอะแยะมากมาย และในระหว่างที่ความคิดอันแสนวุ่นวายค่อยๆ ยุ่งเหยิงปนเปกัน ก็มีเสียงสดใสที่เข้ามาตัดความคิดเหล่านั้นดังขึ้น

 

 

 “สมกับที่เป็นฮวางเซจา เจ้าหาชายาเจอก่อนเราสินะ”

 

 

ทุกคนนิ่งค้างเพราะคำพูดของบีพาอัน ดึกวอลอ้าปากพะงาบหันไปมองอีกฝ่าย นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ใบหน้าของดึกวอลไม่มีรอยยิ้ม แน่นอนว่ารูแฮก็ไม่ได้รู้สึกต่างกัน เขารู้สึกเหมือนโดนตีเข้าที่ท้ายทอย ทว่าสุดท้ายรูแฮก็คุกเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะลงพลางตอบกลับ แม้จะไม่ได้มีการบอกกันล่วงหน้า หรือส่งสายตาเป็นสัญญาณอันใด แต่ในสถานการณ์นี้มีเพียงคำพูดเดียวที่เขาควรจะใช้ตอบกลับไป

 

 

“…พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าพระบาทฮวางแทจา”

 

 

“ทำดีมาก เราจะตบรางวัลให้อย่างงาม”

 

 

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

บีพาอันขอบคุณรูแฮ ส่วนรูแฮเองก็ตอบรับอย่างมึนงง

 

 

“เจ้าเจอชายาบนเขานี้อย่างนั้นหรือ”

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“นางคงจะเกิดข้อเท้าแพลงสินะ”

 

 

รูแฮนั้นเฉลียวฉลาดและหัวไว เพียงแค่คำบอกใบ้ไม่กี่คำของบีพาอันเขาก็เข้าใจทั้งหมดได้ จากนั้นรูแฮก็ตอบกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

“พระชายาฮวางแทจาทรงขยับตัวได้ลำบาก จึงทำให้พวกเราลงจากเขาไปไม่ได้ในทันที เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบพระวรกายของพระชายาฮวางแทจาได้ กระหม่อมจึงพามาหลบอยู่ในกระท่อมแห่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ทำถูกต้องแล้ว” บีพาอันพยักหน้า

 

 

จากนั้นรูแฮก็ไม่พูดอะไรต่อ เพียงเลียริมฝีปากที่แห้งผากหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หยุดพูดไป

 

 

“ในตอนแรกกระหม่อมหมายจะลงไปส่งข่าวให้กับพระราชวัง ทว่าพอถึงยามค่ำพระชายาฮวางแทจาทรงรู้สึกหนาวมาก กระหม่อมจึงคอยอยู่ข้างๆ จึงเกิดความล่าช้าพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ช่างเป็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบ

 

 

“ไม่เป็นไร ในส่วนของชายาเราจะดูแลเอง” ไม่ว่าเปล่า พอพูดจบบีพาอันก็เดินเข้าใกล้ ดึกวอลลุกลี้ลุกรนจับแขนของเขาเอาไว้

 

 

“ฝ่าพระบาทฮวางแทจา! ไม่มีอันใดจะพูดแล้วหรือ สถานการณ์มันไม่ได้ดูเหมือนที่ได้ยินเมื่อครู่เลยไม่ใช่หรืออย่างไร น้องรูแฮนั้น…”

 

 

“เราเป็นคนส่งฮวางเซจามาเอง”

 

 

“…ว่าอย่างไรนะ”

 

 

ดึกวอลที่มักจะมีแววตากึ่งอมยิ้มอยู่ตลอด ตอนนี้ดวงตาของเขากลับเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง มุมปากของเขาข้างหนึ่งยกขึ้นราวกับมีใครมาดึง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร บีพาอันก็เพียงแค่อธิบายด้วยน้ำเสียงสุขุมเช่นเดิม

 

 

“ร่องรอยที่ชายาทิ้งไว้มีไม่มาก เราจึงส่งสัญญาณให้ตำหนักนัมชอนช่วยหาอีกแรง”

 

 

“นี่พระองค์…กำลังพูดอะไร”

 

 

“ฮวางเซจาเฉลียวฉลาด เขาจะตามหาชายาเจอได้อย่างรวดเร็ว และนั่นก็เป็นไปตามการคาดการณ์ของเรา”

 

 

ดึกวอลที่กำลังตกตะลึงพยายามจะจัดผิดในคำพูดนั้นแต่ก็หาได้พบมันไม่ เขาไม่ยอมปล่อยให้เรื่องจบแค่นี้อย่างเด็ดขาด