ตอนที่ 811 ได้เวลาล่า

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ตั้งแต่เฉินจู่อานบำเพ็ญเพียรมาสองปี เหตุการณ์ร้ายแรงที่เขาเจอแต่ละทีก็ดูเหมือนจะมาจากหลี่ว์ซู่ทั้งนั้น…

 

 

เริ่มแรกก็คือตอนที่กลุ่มทวยเทพถูกโค่นล้ม ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่กลับกลายเป็นว่าหลี่ว์ซู่เป็นต้นเหตุ

 

 

ตอนที่พวกหัวกะทิศักยภาพระดับ A ได้รับภารกิจให้ไปทำภารกิจกวาดล้างตลาดมืด ภารกิจของหลาย ๆ ทีมถูกขโมยไป เมื่อเฉินจู่อานได้มาสนิทกับหลี่ว์ซู่แล้วจึงรู้ว่าหลี่ว์ซู่หายตัวไปในตอนนั้น

 

 

แล้วก็มีตอนนั้นอีก…

 

 

มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย เฉินจู่อานได้ยินคนพูดกันที่แคมป์ว่ามีศัตรูถูกฆ่าอยู่ที่แม่น้ำขั้นบันไดและหลังพยัคฆ์ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นตัวการ เฉินจู่อานจึงรู้ได้ทันทีว่าหลี่ว์ซู่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แล้วถ้าพวกเขาตามทางนั้นไป ก็จะเจอหลี่ว์ซู่แน่ ๆ!

 

 

เฉินจู่อานไม่รู้หรอกว่าหลี่ว์ซู่ปลอมตัวและกำลังต่อสู้อย่างเมามันอยู่ และเขาก็ออกนอกเส้นทางไปแล้ว

 

 

เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวยืนแอบฟังคนอื่น ๆ พูดกัน พวกเขาอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับสงครามให้มากกว่านี้

 

 

แคมป์ที่พวกเขาอยู่นั้นหนาแน่นแต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง และรู้ว่าต้องเชื่อฟังคำสั่ง

 

 

การเรียนรู้ของเครือข่ายฟ้าดินตลอดหลายปีนั้นไม่ได้เสียเปล่าเลย องค์กรต่างประเทศอื่น ๆ มีการจัดการอย่างไม่เป็นระเบียบ เหมือนกับการรวมตัวของนักล่าทั้งหลายในยุคกลาง แต่เครือข่ายฟ้าดินอยู่ในยุคก้าวหน้ากว่านั้นแล้ว

 

 

แต่เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวเห็นสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินที่บาดเจ็บสามารถกลับเข้าไปสู้ในสนามรบได้อย่างรวดเร็ว หลาย ๆ คนถึงกับถูกส่งกลับเข้าไปในสนามรบทั้ง ๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่ด้วยซ้ำ

 

 

เฉินจู่อานรู้สึกว่าเขามาถูกที่แล้ว หลังจากที่เขาแข็งแกร่งขึ้น เขาต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการลงไปสู้ในสนามรบ และที่แห่งนี้ก็กำลังต้องการเขาอยู่

 

 

มีใครบางคนพูดขึ้นมา “ราชันฟ้าเฟิงและคนอื่น ๆ กำลังคุยกันเรื่องกลยุทธ์ที่จะใช้ที่กองบัญชาการอยู่ ฉันได้ยินมาว่าจะมีการจัดตั้งทีมชั้นยอดที่จะบุกเข้าไปในแนวป้องกันได้ ที่ผ่านมานี่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาปรากฏตัวในเครือข่ายฟ้าดิน นายคิดว่าจะมีราชันฟ้าคนที่ 11 เร็ว ๆ นี้ไหม”

 

 

“ไม่น่าจะมีนะ ถึงพวกเรามีคนระดับ B เยอะแยะ แต่เครือข่ายฟ้าดินก็คงไม่แต่งตั้งตำแหน่งราชันฟ้าในตอนนี้หรอก” ใครบางคนไม่เห็นด้วย

 

 

“ราชันฟ้าคนที่เก้ายังเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลย ใครจะไปคิด ตอนพวกเราอ่านกระทู้วิทยาลัยผู้บำเพ็ญยังขำกันเลย ไม่คิดว่าท่านหลี่ว์ในตำนานจะเป็นราชันฟ้าได้”

 

 

สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินก็อ่านกระทู้วิทยาลัยผู้บำเพ็ญด้วย แทนที่พวกเขาจะไปอ่านข่าวซุบซิบดาราที่ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตพวกเขาเลย ทำไมไม่มาตามข่าวผู้บำเพ็ญอัจฉริยะพวกนี้แทนล่ะ

 

 

“ฮ่า ๆ แล้วไม่เห็นการจัดอันดับรายชื่อเหรอ” มีใครบางคนหัวเราะเบา ๆ

 

 

“อันดับรายชื่ออะไร รายชื่อลั่วเสินเหรอ ฉันเคยเจอเฉาชิงฉือมาก่อน ตอนนั้นพวกเราต้องไล่ฆ่าพวกกบฏแต่คนพวกนี้แข็งแกร่งมาก เราไล่ล่าไปสามวันสามคืนจนทุกคนหมดแรง เราตามไปถึงทะเลทรายตะวันตกเฉียงเหนือ แล้วอยู่ ๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากทรายแล้วฆ่าทุกคนหมดเลย พวกเรางี้ตกใจแทบตาย เธอโหดจริง ๆ นะ ได้ยินมาว่าเธอฆ่าคนไปในภารกิจแรกแล้ว แถมยังรวดเร็วแม่นยำ ไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ”

 

 

“ไม่ได้พูดถึงรายชื่ออันดับนั้น พูดถึงรายชื่อคนหล่อต่างหาก ฮ่า ๆ ๆ ท่านหลี่ว์ได้ที่หนึ่งเลยนะ แต่ได้ยินมาว่าการจัดอันดับนี้เชื่อถือไม่ได้ เฉินจู่อานกับเฉิงชิวเฉี่ยวได้ที่สองกับที่สาม แล้วสองคนนั้นก็ดูไม่ได้กันสักคน พวกเขาน่าจะจัดอันดับกันเองแหละ ก็เลยให้ตัวเองได้อยู่อันดับสูง ๆ ”

 

 

“ฮ่า ๆ พวกน่าเกลียดนั่นหน้าด้านเป็นบ้า!”

 

 

แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนสะกิดไหล่เขาเบา ๆ เฉินจู่อานทำหน้าตาน่ากลัว “สวัสดีครับ ผมเฉินจู่อาน รู้ไหมครับว่าโยงหมิงอวี่อยู่ไหน”

 

 

เฉิงชิวเฉี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ เขาบ่นขึ้นมาเช่นกัน “ก็บอกแล้วว่าอย่าเอาชื่อนายใส่ไปในอันดับนั่น นายนั่นแหละหน้าไม่อาย ไม่ใช่ฉันนะ”

 

 

แล้วทันใดนั้นเองโยวหมิงอวี่ก็วิ่งออกมาจากอีกทางหนึ่ง อย่างกับว่ากำลังวิ่งไปที่กองบัญชาการ

 

 

เมื่อโยวหมิงอวี่เห็นทั้งสองคนก็ตกใจมาก “พวกนายมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย แล้วนักศึกษาจากวิทยาลัยลั่วเสินคนอื่น ๆ ตามมาด้วยหรือเปล่า”

 

 

“เปล่าครับ” เฉินจู่อานหัวเราะอย่างร่าเริง “เรามานี่เพื่อมาขอลากับคุณน่ะครับ เราต้องขออนุญาตกับคุณก่อน ถ้าไม่ทำเรื่องลาตามกระบวนการแล้วก็คงไม่เหมาะ…”

 

 

โยวหมิงอวี่เงียบ “คิดได้ไงเนี่ย… เอามาจากหลี่ว์ซู่งั้นเหรอ!”

 

 

ตาของเฉินจู่อานเป็นประกาย เขาดูภูมิใจมาก “เราหาเขาไม่เจอเหมือนกันครับ ความคิดนี้ผมคิดเอง เป็นไงครับ เจ๋งไปเลยใช่ไหม ผมดูคล้ายกับหลี่ว์ซู่ไหมครับ”

 

 

“ฉันไม่เข้าใจว่านายจะภูมิใจอะไรกับความคิดนี้กันนะ…” โยวหมิงอวี่พูดไม่ออก เขารู้สึกว่าคุ้นกับความคิดทำนองนี้ เขาก็เลยคิดว่าหลี่ว์ซู่เป็นตัวต้นคิด แต่เขาดูผิดไปเสียได้ นั่นก็หมายความว่า… เฉินจู่อานและคนอื่น ๆ ทำตามหลี่ว์ซู่กันหมดเลยสินะ!

 

 

เฉินจู่อานดูดีใจมากอย่างกับว่าเขาเพิ่งได้รับคำชม ทันใดนั้นโยวหมิงอวี่ก็พูดขึ้นมา “เดี๋ยวก่อน นายบอกว่านายไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่ไปไหนงั้นเหรอ”

 

 

“ผมไม่รู้ครับ” เฉินจู่อานตอบ หลี่ว์ซู่ต้องซ่อนตัวตนของตัวเอง เขาเลยเดาว่าหลี่ว์ซู่เข้ามาที่ภูเขาจั่งไป๋แล้ว และหลี่ว์ซู่ก็เป็นตัวต้นเหตุของการฆ่าผู้บำเพ็ญลับที่แม่น้ำขั้นบันไดด้วย ถ้าหลี่ว์ซู่ต้องการจะปกปิดตัวตนของเขา เฉินจู่อานก็จะขอปิดปากตัวเองและไม่พูดอะไรออกไปดีกว่า

 

 

ที่แคมป์นี้มีสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินกว่า 40,000 คน และมีอีกหลายคนที่กำลังเดินทางมา เฉินจู่อานเดาจากสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะเขาก็มาที่นี่เพื่อมาตามหาหลี่ว์ซู่

 

 

ที่นี่มีคนมากมายเหลือเกิน และมีกลุ่มเล็ก ๆ อีกมากมายเข้ามาที่ภูเขาจั่งไป๋อยู่ทุกวัน เส้นทางที่เดินก็จะเป็นทางซ้ำ ๆ แต่เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะเดินไปผิดทางก็ได้ แล้วใครจะไปรู้ว่าคนที่ฆ่าพวกเขาเป็นใคร

 

 

แต่ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่านั้นก็คือสงคราม ผู้บัญชาการไม่สามารถมานั่งสนใจได้หรอกว่าใครเป็นคนฆ่าผู้บำเพ็ญพวกนั้น ถ้ามัวแต่มาพะวงเรื่องนี้ก็จะไม่ได้พุ่งความสนใจไปที่เรื่องที่สำคัญกว่า

 

 

ตอนนี้พวกองค์กรต่างประเทศกำลังล่อให้พวกผู้บำเพ็ญและผู้มีพลังมาที่ภูเขาจั่งไป๋ด้วยผลประโยชน์มากมาย และสร้างความแตกแยกระหว่างพวกเขากับเครือข่ายฟ้าดินเพื่อที่จะให้พวกเขาสู้ แต่เครือข่ายฟ้าดินตอนนี้กำลังสู้เพื่อศักดิ์ศรีและศรัทธาของพวกเขา ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์

 

 

เมื่อสงครามจบลงแล้ว มีแต่ผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้กุมอำนาจในการเลือกว่าจะทำอย่างไรต่อไป

 

 

โยวหมิงอวี่มองเฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยว “ในเมื่อพวกนายมากันถึงที่นี่แล้วก็จะไล่กลับไปไม่ได้สินะ แต่นี่เป็นสงครามของจริง พวกนักศึกษาอย่างพวกนายจะมีความศรัทธาละความกล้าไปสู้ในสนามรบเหรอ รู้ไหมว่าความศรัทธาและความกล้าหาญคืออะไรกันแน่”

 

 

เฉินจู่อานมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าทหารจากเครือข่ายฟ้าดินกำลังมุ่งหน้าเข้าไปที่ภูเขาจั่งไป๋โดยไม่ลังเล

 

 

แล้วเขาก็แสยะยิ้มตอบ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราต้องไปฆ่าคนนะครับ ถึงแม้เราจะยังตอบคำถามคุณไม่ได้ แต่ผมว่สงครามนี้จะให้คำตอบผมได้ครับ”

 

 

หลี่ว์ซู่ที่ผู้คนกำลังตามหากันให้ควั่ก กำลังหลับตาเอนหลังนอนบนแอ่งน้ำ เขากำลังรอโอกาสเหมาะ ๆ อยู่

 

 

และเวลานั้นก็มาถึงแล้ว