ตอนที่ 464 ไปเมืองแซต / ตอนที่ 465 แวะมาเยี่ยมคฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 464 ไปเมืองแซต  

 

 

ในเมื่อรับปากกับเมิ่งซงอวิ๋นว่าจะลองคิดให้ดี ถังโจวโจวจึงกลับมาพิจารณาเรื่องนี้อย่างดีอีกครั้ง บวกกับคำแนะนำของเสิ่นหลานอีและลั่วเซ่าเชิน สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะไปเมืองแซตกันสักครั้ง พอดีกับที่เสิ่นหลานอีก็อยากกลับไปเยี่ยมบ้านตระกูลเสิ่นด้วย 

 

 

แต่ยิ่งใกล้บ้านก็ยิ่งขี้ขลาด เสิ่นหลานอีกลับมานานแล้ว แต่ไม่เคยพูดถึงบ้านตระกูลเสิ่น ถังโจวโจวยังคิดว่าเสิ่นหลานอีไม่ได้คิดถึงถึงเรื่องนี้ ที่ไหนได้ยื้อเวลามานานขนาดนี้ก็เพราะเตรียมตัวที่จะกลับไปสักครั้ง 

 

 

เมื่อได้ยินว่าจะไปบ้านตระกูลเสิ่น ในใจของโอวหยางเลี่ยก็รู้สึกดีขึ้นมาก ลูกเขยอย่างเขาคนนี้จะได้ไปเจอพ่อตาแม่ยายด้วย โอวหยางเลี่ยจึงเลิกสนใจเรื่องที่ต้องไปบ้านตระกูลเมิ่งไปโดยปริยาย 

 

 

โอวหยางหงเตรียมเครื่องบินส่วนตัวเพื่อตรงไปเมืองแซต เมิ่งซงอวิ๋นได้รับข่าวนานแล้วจึงได้ส่งคนไปรับ สิบโมงเช้าเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินเมืองแซต ไม่นาน รถส่วนตัวคันสีดำหลายคันก็มารับครอบครัวของถังโจวโจวไปส่งที่คฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง 

 

 

คุณปู่เมิ่งรู้ว่าพวกถังโจวโจวจะมาก็ได้ให้หลี่หย่าเหวินเตรียมการไว้นานแล้ว เมิ่งไหวเซินเองก็รู้ข่าวจึงรีบมาที่เมืองแซตทันที และแน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฉินอวิ๋นแม้แต่คำเดียว 

 

 

แต่ฉินอวิ๋นก็รู้ ช่วงเช้าตอนลงมาทานอาหารเช้าเธอพบว่าเมิ่งไหวเซินไม่ได้มาทานด้วย เธอเลยถามแม่บ้าน “คุณผู้ชายไปไหน” 

 

 

เมื่อครู่ในห้องก็ไม่มีคน ลงมาก็ไม่เห็นเงาใคร อาหารเช้าก็ไม่ทาน หรือว่าไปบริษัทเหรอ 

 

 

“คุณผู้ชายถือกระเป๋าเดินทางไปด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าไปไหนคะ” ป้าหวังทำได้แค่พูดในสิ่งที่ตัวเองเห็น 

 

 

เมื่อฉินอวิ๋นได้ยินว่าเมิ่งไหวเซินถือกระเป๋าเดินทางออกไปแต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขาจะออกไปไหนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเมิ่งไหวเซิน แต่ไม่มีคนรับ เธอเลยโทรหาเลขาของเขา แต่เธอบอกว่าเขาไม่ได้ไปบริษัท ฉินอวิ๋นถามตารางงานของเขาอีกก็ได้คำตอบว่าไม่มีตารางงานออกไปติดต่อธุรกิจข้างนอก 

 

 

นี่มันบ้าชัดๆ เรื่องในบริษัทกำลังวิกฤตแบบนี้ เมิ่งไหวเซินจะไปไหนตอนนี้อีก 

 

 

ฉินอวิ๋นกำลังคิดว่าจะไปขอความช่วยเหลือจะคุณปู่เมิ่งดีไหม ถึงแม้เมิ่งไหวเซินไม่เคยคิดที่จะเอาเรื่องนี้ไปให้คุณปู่เมิ่งช่วย แต่ฉินอวิ๋นก็หมดหนทางแล้ว ถ้าไม่ให้คุณปู่เมิ่งช่วย เธอก็ไม่รู้ว่ายังมีวิธีไหนที่จะช่วยให้เมิ่งชิงซีได้ออกมา 

 

 

คิดขึ้นมาได้ ฉินอวิ๋นก็ลงมือทำทันที พอดีกับที่ไม่รู้ว่าเมิ่งไหวเซินไปไหน ถือโอกาสนี้ไปเมืองแซตสักครั้ง ถึงเวลานี้ไม่ว่าต้องทำอะไรเธอก็ยอมหมด คุณปู่เมิ่งไม่ชอบเธอก็ไม่เป็นไร แต่เมิ่งชิงซีก็เป็นหลานที่ท่านรักที่สุดเหมือนกัน 

 

 

ฉินอวิ๋นเก็บข้าวของสองสามอย่างอย่างรวดเร็วและจองตั๋วเครื่องบินทันที ไม่ได้ส่งข้อความหาเมิ่งไหวเซินอีก เพียงแต่คิดว่าจะรีบไปรีบกลับ ถ้าคุณปู่เมิ่งช่วยไม่ได้ คุณลุงก็ยังดี 

 

 

ครอบครัวของถังโจวโจวถูกคนพาไปส่งที่คฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง หลี่หย่าเหวินก็พาป้าเหวินที่เป็นแม่บ้านมารออยู่หน้าประตูนานแล้ว ป้าเหวินที่เห็นเสิ่นหลานอีลงจากรถน้ำตาก็ไหลออกมา “คุณ…คุณหนูเสิ่น มาแล้วเหรอคะ” 

 

 

ป้าเหวินได้พบเสิ่นหลานอีก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เกือบจะเรียกชื่อเธอเหมือนเมื่อก่อนไปแล้ว โชคดีที่หยุดไว้ได้ทัน ไม่เกิดเรื่องน่าอายขึ้น “ป้าเหวิน ไม่ได้เจอกันนานสบายดีไหมคะ หย่าเหวิน….” 

 

 

หลี่หย่าเหวินที่นานมากแล้วไม่ได้เจอเสิ่นหลานอีทำให้เกิดอารมณ์หวั่นไหวขึ้นมาในชั่วขณะหนึ่ง “หลานอี หลายปีมานี้เธอใจแข็งจริงๆ ไม่ยอมกลับมาเยี่ยมพวกเราบ้างเลย” 

 

 

เมื่อหลี่หย่าเหวินได้พูดก็เป็นคำตัดพ้อเพราะถ้าเสิ่นหลานอีกลับมาเร็วกว่านี้  หลานสาวของเธอก็คงจะไม่ต้องจากไปอยู่ข้างนอกนานจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้เพิ่งจะได้กลับมา 

 

 

แน่นอนว่า คำพูดเหล่านี้หลี่หย่าเหวินเพียงแค่คิด คุณปู่เมิ่งได้เล่าเรื่องเหตุผลที่เสิ่นหลานไม่สามารถกลับมาที่นี่ให้หลี่หย่าเหวินฟังแล้ว หลี่หย่าเหวินเลิกบ่นแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ทุกคนมีชะตากรรมเป็นของตนเอง 

 

 

“นั่นหลานสาวฉันใช่ไหม” หลี่หย่าเหวินสังเกตเห็นถังโจวโจวอยู่ก่อนนานแล้ว เดิมทีถังโจวโจวก็มีความคล้ายเสิ่นหลานอีอยู่หลายส่วน และในกลุ่มคนเหล่านี้ก็มีแค่เธอที่เป็นผู้หญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลานเธอ 

 

 

“คนนี้ เธอเรียกว่าโจวโจวก็ได้ โจวโจวนี่คือน้าสะใภ้รองของลูก” เสิ่นหลานอีดึงถังโจวโจวออกมา ถังโจวโจวจึงเรียกทักทายเธอ “สวัสดีค่ะน้าสะใภ้รอง” 

 

 

“สวัสดีจ๊ะ ไม่คิดว่าเธอจะโตขึ้นมากขนาดนี้แล้ว พวกเราก็แก่กันแล้ว” หลี่หย่าเหวินเอ่ยปลงๆ 

 

 

  

 

 

  ตอนที่ 465 แวะมาเยี่ยมคฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง 

 

 

“เธอยังสาวอยู่มาก ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ” เสิ่นหลานอีถูกโอวหยางเลี่ยเอาใจจนเหมือนเป็นเด็กสาว เธอยังคิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่มาก 

 

 

“อ้อ แล้วนี่ก็สามีของโจวโจว เซ่าเซิน พวกเธอน่าจะรู้จักกันใช่ไหม” 

 

 

หลี่หย่าเหวินรู้จักลั่วเซ่าเชินแน่นอน จะว่าไปถังโจวโจวกับลั่วเซ่าเซ่าในตอนเด็กก็มีส่วนที่เหมือนกันอยู่ 

 

 

หลี่หย่าเหวินพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ได้เจอเซ่าเชินอยู่บ่อยๆ เพียงแต่สองปีมานี้ไม่ได้เจอเลย คุณพ่อคุณแม่เธอเป็นยังไงบ้าง” 

 

 

“ก็สบายดีครับ” ลั่วเซ่าเชินก็จำน้าสะใภ้รองคนนี้ได้ ได้พบโดยบังเอิญตอนที่คุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วไปมาหาสู่ที่บ้านตระกูลเมิ่ง 

 

 

“สองคนนนี้คือใครเหรอ” หลี่หย่าเหวินเดาได้ว่าเด็กน้อยที่อยู่ข้างถังโจวโจวว่าคือลูกสาวของลั่วเซ่าเชิน ดูเหมือนว่าจะชื่อลั่วอิง ในอ้อมแขนที่เธออุ้มอยู่คือลูกชาย แต่ก็ไม่รู้ว่าชื่ออะไร และสองคนที่อยู่ด้านหลัง หลี่หย่าเหวินไม่เคยเจอหน้ามาก่อน 

 

 

เสิ่นหลานอีดึงมือของโอวหยางเลี่ยมา “หย่าเหวิน ขายหน้าเธอแล้วจริงๆ นี่คือสามีของฉันโอวหยางเลี่ย และนี่ก็ลูกชายโอวหยางหง” 

 

 

หลี่หย่าเหวินอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเสิ่นหลานอีจะแต่งงานใหม่และมีลูกชายที่โตขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้คุณปู่เมิ่งไม่ได้บอกกับเธอไว้ก่อน แต่เธอแอบคิดไม่นานก็เข้าใจ คงเพราะว่าถ้าพูดออกมาคงกลัวว่าจะเสียหน้า 

 

 

หลี่หย่าเหวินรู้สึกว่าอย่างนี้ก็ดีแล้ว อย่างไรก็ตามพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ก็ไม่มีวาสนาต่อกันแล้ว นอกจากนี้พี่ใหญ่ยังแต่งงานใหม่ไปแล้ว ก็คงไม่เหมาะถ้าจะมาแต่งงานกับพี่สะใภ้ใหญ่อีก 

 

 

“ก็ดี แค่หลานอีสบายดี ฉันก็ดีใจแล้ว รีบเข้าไปเถอะ คุณพ่อรอเธออยู่ข้างในแล้ว” หลี่หย่าเหวินชักชวนทุกคนให้เข้าไป เมื่อเข้าไปถึงห้องรับแขกแล้ว เมิ่งซงอวิ๋นก็นั่งรออยู่แล้ว เห็นพวกเสิ่นหลานอีก็หัวเราะออกมา 

 

 

“มาแล้วก็ดี มาแล้วก็ดี” เมิ่งไหวหมินและเมิ่งจวินจิ่นก็ออกไปแล้ว ตอนเที่ยงคงไม่กลับมาทานข้าวเที่ยง น่าเสียดายจริงๆ  

 

 

ทุกคนความสุขกันมาก คุณปู่เมิ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถังโจวโจวถึงเปลี่ยนความคิด ตอนนี้เขามายุมากแล้ว แค่หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะดีต่อลูกหลานก็พอแล้ว 

 

 

ทุกคนพูดคุยกัน หลี่หย่าเหวินไม่ระวังพาดพิงถึงเรื่องของเมิ่งชิงซีและลั่วเซ่าเชิน เมื่อเห็นบรรยากาศเงียบตึงไปชั่วขณะหนึ่ง เธอจึงรู้ว่าตัวเองพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดไปเสียแล้วจึงเสไปพูดเรื่องอื่นในทันที “พูดไปพูดมาระหว่างโจวโจวกับเซ่าเชินก็เหมือนเป็นพรหมลิขิตจริงๆ นะ” 

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้ของหลี่หย่าเหวินดูแข็งทื่อไปหน่อย แต่น่าเสียดายที่หลี่หย่าเหวินไม่ต้องการให้คนอื่นพูดแทรก เอาแต่พูดอยู่คนเดียว “โจวโจวเธอไม่รู้ใช่ไหมว่าตอนเธอเด็กงานหมั้นของเซ่าเชินเดิมควรจะเป็นเธอ เพียงแต่ภายหลัง….” 

 

 

คำพูดข้างหลังถึงหลี่หย่าเหวินไม่พูดถังโจวโจวก็พอจะเดาได้ว่าคืออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอหายไป งานหมั้นนี้เลยตกไปอยู่กับเมิ่งชิงซี คุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วไม่สนใจว่าจะเป็นลูกสาวตระกูลเมิ่งคนที่เท่าไหร่ ขอแค่เป็นลูกของตระกูลเมิ่งก็พอแล้ว 

 

 

นอกจากนี้หลังจากที่ได้เจอกับเมิ่งชิงซีแล้วก็รู้สึกว่าเมิ่งชิงซีก็ดีพอใช้ได้ และมีฐานะทางบ้านเหมาะกับลั่วเซ่าเชินจึงเห็นด้วยทันที 

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้มาก่อน พอเห็นเมิ่งซงอวิ๋นมีสีหน้าไม่เห็นด้วยเล็กน้อย หลี่หย่าเหวินจึงรู้ว่าได้พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมาอีกแล้ว 

 

 

วันนี้เธอดีใจมากไปหน่อย เดิมทีกับฉินอวิ๋นเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจหรืออะไร เพียงแต่ถังโจวโจวเป็นลูกของหลานอีจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกไม่ถูกชะตากับฉินอวิ๋น 

 

 

“โธ่เอ๊ย เธอดูสิ แค่ตอนนี้โจวโจวกับเซ่าเซินได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็พอแล้ว” 

 

 

“ใช่ หย่าเหวิน ตอนแรกเพราะโจวโจวเกิดเรื่อง ในเมื่อเรื่องราวผ่านไปแล้วก็อย่าพูดถึงอีกเลย” เพียงแค่มีพรหมลิขิต อะไรก็เกิดขึ้นได้ 

 

 

ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างเพลิดเพลินนั้นก็ได้ยินป้าเหวินพูดขึ้น “คุณชายใหญ่ ทำไมถึงกลับมาได้ล่ะคะ” 

 

 

“ป้าเหวิน คุณพ่อล่ะ” 

 

 

“กำลังคุยกับแขกในห้องรับแขกค่ะ” ป้าเหวินเพิ่งจะเอ่ยออกไป ในห้องรับแขกก็ปรากฏร่างของเมิ่งไหวเซินขึ้น 

 

 

 สายตาของเมิ่งไหวเซินที่มองพวกเธออย่างอบอุ่นทำให้โอวหยางเลี่ยไม่พอใจมาก “เมิ่งไหวเซิน ตาคุณมองไปที่ไหนกัน ตอนนี้หลานอีเป็นคนของผมนะ” 

 

 

“หลานอี โจวโจว พวกเธอมาแล้วจริงๆ” 

 

 

เสิ่นหลานอีแอบหยิกเอวของโอวหยางเลี่ยเบาๆ เพียงแต่ใบหน้าของเธอกลับปรากฏรอยยิ้มอยู่ตลอดเพราะโอวหยางเลี่ยเองก็ไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อย