ด้านของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เองก็อยากจะรู้มากว่าชวนชมเป็นลูกสาวของเธอหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เอง เธอผู้ที่ค่อนข้างจะใส่ใจกับรูปลักษณ์ภายนอก กลับเดินทางไปที่สถานกักกันพร้อมกับเยี่ยมบุญโดยไม่ได้ล้างหน้า
ชวนชมมองไปทางพวกเขาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข “พ่อคะ แม่คะ มากันได้ยังไงคะเนี่ย?”
เยี่ยมบุญไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงโยนเอกสารนั้นออกไปแล้วพูดขึ้นว่า “ดูเองเถอะ”
“นี่มันอะไรกันเหรอคะ?” ชวนชมรับไปด้วยท่าทางประหลาดใจก่อนจะเปิดดูด้านใน
เมื่อเห็นว่าเป็นเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
“พ่อคะ!” ชวนชมกำภาพในมือเอาไว้แน่นและรีบมองไปทางเยี่ยมบุญ “รูปนี้……”
“อยากจะถามว่าได้รูปนี้มาได้ยังไงน่ะเหรอ?” เยี่ยมบุญพูดขัดประโยคเธอ
ชวนชมอ้าปาก ดูเหมือนเธอตั้งใจจะถามแบบนั้น
เยี่ยมบุญก็ไม่ได้ทำเป็นรีรอ เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “วันนี้ตอนเช้ามีคนเอามาใส่ไว้ในตู้จดหมาย ไม่ใช่แค่นี้หรอกนะ เมื่อวานนี้ เรายังได้รับจดหมายอีกฉบับหนึ่งซึ่งไม่ใช่รูปภาพ เป็นผลตรวจดีเอ็นเอของเธอกับเรา ที่น่าสงสัยก็คือ ในผลตรวจนั้นบอกว่าเราไม่ใช่พ่อลูกกัน”
“เป็นไปไม่ได้!” ชวนชมรีบพูดออกมา “เราจะไม่ใช่พ่อลูกกันได้ยังไงคะ? มันเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ พ่อคะ คงต้องมีใครอยากจะทำลายความสัมพันธ์ในตระกูลภักดีพิศุทธิ์ของเราแน่”
เธอแน่ใจว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของมายมิ้นท์และลาเต้ พวกเขาคงจะนำสิ่งของเหล่านี้ไปใส่ไว้ในตู้จดหมาย จุดประสงค์ก็คือต้องการบอกกับพ่อแม่ว่าเธอนั้นไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลภักดีพิศุทธิ์
พวกเขาพูดคำไหนคำนั้นจริงๆ พวกเขาบอกว่าจะเปิดโปงตัวตนของเธอ แล้วก็เริ่มลงมือทำ พวกเขาไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น
การที่มายมิ้นท์ทำแบบนี้ ไม่ได้มีผลต่อเธอสักเท่าไหร่
แต่การที่คุณทามทอยก็ทำแบบนี้ด้วย มันทำให้เธอปวดใจยิ่งนัก
“เราก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะว่าผลตรวจดีเอ็นเอเป็นเรื่องโกหก เนื่องจากในตอนนั้นพวกเราได้เดินทางไปทำตรวจดีเอ็นเอด้วยกัน และผมของพวกเราก็ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของใคร ดังนั้นผลตรวจดีเอ็นเอเมื่อวานที่ได้รับจึงดูไม่สมเหตุสมผล แต่ภาพนี้มันทำให้เรารู้สึกสงสัยมาก ชวนชม จะอธิบายอย่างไรเกี่ยวกับภาพนี้ ทำไมคนในรูปถึงได้หน้าตาเหมือนกับเธอแบบนี้?” เยี่ยมบุญชี้ไปที่รูปซึ่งอยู่ในมือของชวนชมแล้วพูดออกมา
ชวนชมก้มหน้าลงมองดูคนในรูป เธอจ้องมองไปที่ชายวัยกลางคนในรูปนั้นเสียจนภาพแทบจะทะลุ
นับตั้งแต่เธอเดินทางมาถึงเมืองเดอะซี จนกระทั่งเข้าไปอยู่ในตระกูลภักดีพิศุทธิ์เธอก็ไม่เคยพบกับสองสามีภรรยาที่ทำให้เธอรู้สึกเกลียดแค้นอย่างไม่อาจหาที่เปรียบปานคู่นี้อีก
แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้มายมิ้นท์จะใช้วิธีนี้ในการให้เธอได้เห็นหน้ากับสองคนนั้นอีกครั้ง
พวกเขาต้องการทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนใจขนาดนี้เชียวเหรอ?
“หนูไม่รู้ หนูไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมหนูถึงหน้าตาเหมือนเขา หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร แล้วก็ไม่เคยเจอเขามาก่อน พ่อคะ พ่อต้องเชื่อหนูนะ” ชวนชมเอามือกำไปที่บริเวณหัวใจ พยายามเสแสร้งทำท่าทางน่าสงสาร
ดวงตาของเยี่ยมบุญดูหนักอึ้งมืดมน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ไม่รู้ว่าเขาเชื่อหรือไม่เชื่อ
ชวนชมมองไม่ออก ดังนั้นจึงหันไปมองดูคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้วรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “แม่คะ หนูพูดจริงนะคะ หนูไม่รู้จักเขาจริงๆ แม่ต้องเชื่อหนูนะคะ”
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เป็นคนที่เชื่อคนง่ายอยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทางอันร้อนรนของชวนชม ริมฝีปากของเธอก็ขยับเล็กน้อย ต้องการจะพูดออกมาว่า ‘แม่เชื่อ’ แต่ก็ถูกเยี่ยมบุญกระชากแขนเอาไว้เพราะเขารู้จักเธอดี
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ จึงได้สติกลับคืนมา เธอมองไปทางชวนชมแล้วส่งสายตาเป็นความหมายว่าขอโทษ “ขอโทษนะชวนชม ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากจะเชื่อลูก แต่ความจริงก็คือผู้ชายในรูปนี้หน้าตาเหมือนกับลูกเหลือเกิน หากจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็คงไม่มีใครเชื่อ”
“ที่แม่พูดนั้นถูกต้องแล้ว แม้ว่าการที่พวกเราสงสัยในตัวตนของเธอจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่เธอก็ควรจะเข้าใจพวกเราด้วย ชวนชมเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเรา พวกเรารู้สึกเสียใจมานับยี่สิบปี ในที่สุดก็ได้รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นในใจของพวกเราจะรู้สึกตื่นเต้นขนาดไหน เธอเองก็น่าจะจินตนาการได้ ดังนั้นผมจะไม่ยอมให้ใครมาแอบอ้างเป็นชวนชมเด็ดขาด ถ้าหากว่าเธอเป็นชวนชมจริง พวกเราก็ไม่ติดขัดอะไร และเธอเองก็คงจะไม่กลัวความสงสัยของพวกเราใช่ไหม?” เยี่ยมบุญจ้องไปที่เธอ
ชวนชมก้มหน้าลงเพื่อปิดบังความมืดมนในดวงใจ เธอพยายามฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ จะกลัวทำไม”
“ดีแล้ว ผมตั้งใจว่าจะพาไปตรวจดีเอ็นเออีก ในครั้งนี้เราจะตรวจหลายแห่ง แต่ถ้าหากผลตรวจดีเอ็นเอทั้งหมดออกมาว่าเธอคือลูกสาวของผม คนที่ต้องการจะสร้างความสัมพันธ์ให้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ของเราต้องแตกแยก แน่นอนว่าผมจะไม่ปล่อยไปแน่ แต่หากผลตรวจออกมาพบว่าไม่ใช่ลูกสาวของผม ต้องขอโทษด้วย ทั้งคุณและคนที่ต้องการทำให้ครอบครัวเราแตกแยก ผมจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่ เข้าใจใช่ไหม?” เยี่ยมบุญหรี่ตาลงถาม
มือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อของชวนชมกำแน่น “เข้าใจค่ะ”
เธอยอมรับพ่อแม่คู่นี้แล้ว เธอต้องการจะรับเพียงสองคนนี้เป็นพ่อแม่เท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไร ตัวตนของชวนชมเธอจะต้องนั่งในตำแหน่งนี้อย่างมั่นคง
เมื่อคิดไปได้ถึงอาวุธลับของตน ก็นึกถึงความร่วมมือกับเปปเปอร์ ชวนชมจึงสูดลมหายใจเข้าและไม่ได้ทำท่าทางตื่นตระหนกเหมือนเคย “เธอกลับยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า พ่อคะ เราไปตรวจตอนนี้เลยไหม?”
เมื่อเห็นว่าท่าทางของชวนชมดูผ่อนคลายและไม่กลัวที่จะตรวจดีเอ็นเอเลยแม้แต่น้อย สายตาของเยี่ยมบุญก็รู้สึกสับสนและค่อยๆ เจือจางลง เขาตอบรับเบาๆ ในลำคอแล้วพูดว่า “ได้สิ ผมได้บอกกับทางตำรวจไว้แล้ว เราจะพาตัวคุณออกไปได้สองชั่วโมง”
“ค่ะ” ชวนชมพยักหน้า
จากนั้นเธอก็ได้ติดตามสองสามีภรรยาออกไปจากสถานกักกัน เพื่อไปยังหน่วยงานพิสูจน์ดีเอ็นเอแห่ง
ระหว่างทาง เยี่ยมบุญได้โทรศัพท์ไปหามายมิ้นท์
มายมิ้นท์กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอก็ตะโกนเรียกป้าทิพย์
ป้าทิพย์หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาดูพบว่าเป็นสายของคุณเยี่ยมบุญ ท่าทางของเธอดูหนักอึ้ง ก่อนจะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มแล้วส่งโทรศัพท์มือถือให้ “คุณมายมิ้นท์คะ เป็นสายของคนที่ชื่อว่าเยี่ยมบุญโทรมา”
“เยี่ยมบุญเหรอ?” สีหน้าของมายมิ้นท์ดูเป็นประกายด้วยความสงสัย ก่อนจะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์แล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะประธานเยี่ยมบุญ แปลกใจจริงเลยนะคะที่ในวันนี้คุณโทรศัพท์หาฉันเอง”
“เหอะๆ มายมิ้นท์ สองวันนี้เป็นคุณสินะที่เอาเอกสารเหล่านั้นไปใส่ในตู้จดหมายบ้านผม?” เยี่ยมบุญเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย
เอกสารในตู้จดหมายเหรอ……
เมื่อวานนี้ที่ทามทอยสั่งให้คนเอาของบางอย่างไปใส่ไว้ที่ตู้จดหมายของบ้านตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ตัวเธอเองก็รู้เรื่องนี้ด้วย เป็นผลการตรวจดีเอ็นเอฉบับจริงของเจินเจินกับเยี่ยมบุญ
เช่นนั้นในวันนี้ก็คงจะเป็นทามทอยที่สั่งให้คนเอาไปใส่ไว้อีก แต่เธอไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรลงไป
เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาของมายมิ้นท์เป็นประกายเธอพูดขึ้นเบาๆ “ขอโทษนะคะประธานเยี่ยมบุญ ดิฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่”
“ไม่เข้าใจอย่างนั้นเหรอ?” เยี่ยมบุญหัวเราะด้วยความเยือกเย็น มายมิ้นท์ พวกเรารับมือต่อสู้กันมาตั้งหลายครั้งแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีก คุณส่งเอกสารการตรวจดีเอ็นเอมาที่บ้านเราก็เพราะว่าชวนชมไปทำร้ายคุณเข้าสินะ คุณต้องการจะทำให้ครอบครัวเราแตกแยก ต้องการจะแก้แค้นตระกูลภักดีพิศุทธิ์ คุณไม่รู้สึกว่านี่มันเกินไปหน่อยเหรอ?”
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้น “เกินไปเหรอคะ? ขอโทษนะคะประธานเยี่ยมบุญ ฉันไม่รู้สึกว่าฉันทำเกินไปตรงไหนเลย เจินเจินตีโจมตีฉันก่อน คุณจะให้ฉันอดทนเก็บกลั้นไว้อย่างงั้นเหรอ? คุณจะไม่ให้ฉันแก้แค้นบ้างเลยเหรอคะ มันดูไร้เหตุผลไปหน่อยนะ”
“ก็จริง คุณสามารถแก้แค้นได้ แต่การที่คุณใช้วิธีสร้างความแตกแยกในครอบครัวของคนอื่นมาแก้แค้นแบบนี้ ผมบอกได้เพียงว่าคุณ จิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ โหดเหี้ยมต่ำช้าไม่ต่างไปกับไตรภูมิในตอนนั้นเลย” เยี่ยมบุญหัวเราะเยาะเย้ย
เขายอมรับว่าเมื่อยี่สิบหกปีก่อน เขาเองก็ทำเรื่องค่อนข้างเกินเหตุเกินผล เขาคิดไม่ถึงว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ทางฝ่ายเทคนิคคนนั้นต้องถึงแก่ความตาย การที่ไตรภูมิต้องการจะแก้แค้นเขาก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว
แต่ว่าไตรภูมิอยากจะแก้แค้นก็ได้ มีอะไรก็มาลงที่เขาสิ! ทำไมถึงต้องจัดการกับลูกสาวของเขาด้วย วิธีการเช่นนี้มันไม่ต่ำช้าไปหน่อยหรือไง?