ตอนที่ 620 จุดแดงพรหมจรรย์ / ตอนที่ 621 ข่าวกรองมังกรเหินกับเทือกเขาสวินหลง

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 620 จุดแดงพรหมจรรย์ 

 

 

เซียงฉือยื่นแขนออกดูจุดแดงพรหมจรรย์ที่อยู่บนแขนมานานหลายปีเห็นว่ายังคงอยู่จึงรู้สึกสงสัย หรงจิงรู้สึกถึงความไม่สงบสุขของนางจึงโอบนางเข้ามา 

 

 

“เจ้าเด็กนี่ยังวุ่นวายอะไรอีก” 

 

 

หรงจิงรู้สึกถึงความแข็งขืนของนางจึงกระชับแขนที่โอบนางอยู่แน่นขึ้น เซียงฉือจึงจำต้องหันกายกลับมา 

 

 

ภายใต้แสงสว่างเพียงเล็กน้อยใบหน้าหรงจิงยิ่งดูลุ่มลึก เซียงฉือขยับเข้าไปใกล้พูดด้วยน้ำเสียงหยาดเยิ้มของสตรีที่เพิ่งแต่งงาน 

 

 

“ฝ่าบาท ทำไมยังไม่บรรทมเพคะ” 

 

 

เจ้าตัวเล็กในอ้อมอกขยุกขยิกอยู่ไม่สุขอีกแล้ว หรงจิงลอบถอนใจ เจ้าเด็กนี่ช่างยั่วอารมณ์เก่งจริงๆ เขาขยับกายออกไปเล็กน้อย 

 

 

“ก็เพราะข้างกายมีเจ้าตัวยุกยิกที่อยู่ไม่สุขนี่แหละ” 

 

 

เซียงฉือได้ยินดังนั้นก็จิ้มลงบนอกเขา แล้วถูจุดแดงพรหมจรรย์บนแขนตนเบาๆ แต่ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหายไป 

 

 

เซียงฉือรู้สึกสงสัยแต่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง นางคิดจะลืมแล้วรีบนอนเสีย 

 

 

หรงจิงพลันลืมตาขึ้นมองดูการกระทำของอวิ๋นเซียงฉือ เขาจับมือเล็กๆ ของนางไว้พูดว่า 

 

 

“ไม่ว่าง่ายเอาเสียเลยจริงๆ” 

 

 

หรงจิงบ่นพึมพำ เมื่อหันไปเห็นเซียงฉือกำลังมองแขนตัวเองอยู่ จึงยื่นมือออกไปแล้วพูดว่า 

 

 

“เจ้าดูอะไรอยู่” 

 

 

เสียงของหรงจิงดังมาจากด้านบนศีรษะ เซียงฉือจะหดมือกลับแต่ถูกหรงจิงจับเอาไว้แล้ว 

 

 

“ซ่อนอะไร ยังจะซุกไว้อีกหรือ” 

 

 

หรงจิงยื่นหน้าเข้าไป เขามองแขนเซียงฉือกลับไปกลับมา แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกประหลาด 

 

 

เซียงฉือก็ไม่ขัดขืนปล่อยให้หรงจิงดู หรงจิงมองดู นอกจากไฝแดงบนมือนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรแปลก จึงปล่อยมือออก 

 

 

“เจ้าดูอะไรอยู่หรือ ทำไมจึงดูไม่สบายใจ” 

 

 

เซียงฉือลูบแขนตนเอง ถอนใจยาวพูดว่า 

 

 

“นี่ไม่ใช่จุดแดงพรหมจรรย์หรือเพคะ เหตุใดจึงยังอยู่อีก” 

 

 

หรงจิงได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้น เขาจับมือนางมองดูอย่างละเอียด อากัปกิริยาของเขาทำให้เซียงฉือตกใจไม่กล้าพูดอะไร เอาแต่มองหรงจิงนิ่ง 

 

 

“ฝ่าบาททรงเป็นอะไรไปเพคะ” 

 

 

นิ้วของหรงจิงลูบจุดแดงพรหมจรรย์จุดกลมสีแดงนั้นช้าๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นจุดแดงพรหมจรรย์ของอวิ๋นเซียงฉือ แต่จุดแดงพรหมจรรย์ในตอนนี้นอกจากจะไม่จางไปแต่ยังกลับแดงเปล่งปลั่งแจ่มชัดขึ้นอีกมาก 

 

 

หรงจิงถูเบาๆ รู้สึกประหลาดใจ 

 

 

เซียงฉือนั่งอยู่ข้างกายหรงจิงรู้สึกหวั่นใจ หรงจิงหันกลับมาเห็นสีหน้าตระหนกของเซียงฉือแล้วคิดขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขาจึงยิ้มแล้วพูดว่า 

 

 

“เราเพียงแค่ประหลาดใจ รีบนอนเถอะ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะมีไฝที่ตรงนี้อยู่ก่อนก็เป็นได้ แต่ถูกสีเดิมของจุดแดงพรหมจรรย์บดบังไป พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่เถอะนะ” 

 

 

หรงจิงปลอบเซียงฉือแล้วโอบนางลงนอนใหม่ เซียงฉือฟังคำพูดหรงจิงแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น จึงนอนอยู่บนแขนหรงจิงลมหายใจค่อยๆ สม่ำเสมอแล้วหลับสนิทไป 

 

 

แต่หรงจิงกลับตื่นตัวขึ้น คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงดึงแขนที่เซียงฉือหนุนนอนอยู่ออกมา เดินร่างเปลือยเปล่าออกไปจากเตียง 

 

 

หลังจากเดินผ่านม่านออกไปสามชั้นแล้วจึงเปิดม่านแพรที่ห้อยไว้ขึ้น เห็นซูกงกงสัปหงกอยู่ข้างนอก พอหรงจิงเลิกผ้าม่านเขาก็ตื่น ขยี้ตาแล้วรีบลุกขึ้นคลุมเสื้อผ้าให้หรงจิง 

 

 

หรงจิงสวมเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปยังบ่อน้ำแร่อุ่นที่ตำหนักข้าง ซูกงกงไม่เข้าใจแต่ก็ไม่กล้าถาม เพียงติดตามอยู่ข้างหลัง 

 

 

หรงจิงยื่นมือห้ามเขาแล้วพูดว่า 

 

 

“ไปตามหงซีมาหาเรา เรามีเรื่องจะถามนาง” 

 

 

ซูกงกงได้ยินแล้วโขกศีรษะทำความเคารพจากนั้นเร่งรีบจากไป หรงจิงลงไปแช่ในน้ำอุ่น ส่งเสียงออกมาอย่างสุขสบาย 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 621 ข่าวกรองมังกรเหินกับเทือกเขาสวินหลง 

 

 

หงซีกูกูหลับไปแล้วแต่ไม่คิดว่าจะถูกปลุกโดยเสียงเคาะประตูของซูกงกง นางคลุมเสื้อแล้วเปิดประตู พอเห็นคนที่มาหาก็แปลกใจ 

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกับทางอวิ๋นผินด้านนั้นหรือ” 

 

 

นางคิดไม่ออกว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ในวันมงคลถึงกับต้องมาเรียกนางไปยามดึกเช่นนี้ หงซีกูกูรีบสวมแต่งเสื้อผ้า 

 

 

ซูกงกงพูดว่า 

 

 

“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอฝ่าบาททรงลุกขึ้นมาก็ให้เรียกกูกูไปหา อวิ๋นผินเพิ่งจะบรรทมหลับไป ฝ่าบาทน่าจะทรงแช่น้ำอยู่ในสระ กูกูไปเข้าเฝ้าเถิด” 

 

 

ซูกงกงพูดเช่นนั้น เมื่อหงซีแต่งกายเสร็จก็ถือรองเท้าติดตามซูกงกงไป 

 

 

เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้น หรงจิงหลับตาแช่อยู่ในน้ำแร่อุ่น หงซีกูกูกึ่งวิ่งเข้าไปรับใช้ เมื่อเห็นหรงจิงก็คุกเข่าลงที่ข้างสระ 

 

 

ซูกงกงค้อมกายทำความเคารพพูดเสียงเบาว่า 

 

 

“ฝ่าบาท หงซีกูกูมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ 

 

 

หรงจิงผงกศีรษะสะบัดมือให้เขาออกไป ซูกงกงถอยไปทันที ออกไปคุกเข่าข้างหนึ่งเฝ้ายามอยู่ที่ด้านหน้าผ้าม่านดิ้นทองอย่างซื่อๆ 

 

 

หงซีกูกูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงมาถึงเบื้องหน้าหรงจิงโดยที่ผมเผ้ายังไม่ทันได้หวีให้เข้าที่ 

 

 

หรงจิงเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวบนหน้าลงแล้วมองหงซีกูกู 

 

 

“เราร่วมหอกับเซียงฉือแล้ว แต่จุดแดงพรหมจรรย์บนแขนนางยังคงอยู่ กูกูรู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด” 

 

 

หงซีก้มหน้า นางรู้ว่าสตรีตระกูลสูงจะมีจุดแดงพรหมจรรย์เพื่อใช้แสดงความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเอง วันใดเมื่อพรหมจรรย์ถูกทำลาย จุดแดงพรหมจรรย์ก็จะหายไป แต่เรื่องที่หรงจิงบอก หงซีกูกูไม่อาจเข้าใจได้ในทันที 

 

 

นางใคร่ครวญอยู่นานจึงตอบอย่างยากเย็น 

 

 

“หม่อมฉันยังไม่เคยได้ยินเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เพคะ” 

 

 

หรงจิงฟังแล้วทอดถอนใจยาว ผ่านไปครู่ใหญ่จึงพูดขึ้นช้าๆ 

 

 

“กูกูยังจำได้ไหมว่าเมื่อก่อนเทพพยากรณ์ชิวเว่ยเต้าเคยพูดไว้ว่าดาวเนื้อคู่ของข้ามีกลิ่นอายสังหาร ดังนั้นจึงไม่เหมาะจะรีบตั้งฮองเฮา มิเช่นนั้นจะส่งผลร้ายแคว้นจะวุ่นวาย จนกว่าจะได้พบสตรีคนหนึ่งและอยู่ร่วมกับนางที่เป็นพรหมจรรย์ไปจนแก่เฒ่าจึงจะพ้นจากภัยนารีพิฆาตนี้ได้” 

 

 

 

 

 

หงซีกูกูฟังคำพูดหรงจิงแล้วพยักหน้า แต่ตลอดมาไม่เคยเข้าใจเรื่องอยู่ร่วมพรหมจรรย์จนแก่เฒ่ามาก่อนเลย 

 

 

หรงจิงถอนใจเบาๆ พูดว่า 

 

 

“เราคิดมาตลอดว่าจะครองรักจนแก่เฒ่ากับสตรีพรหมจรรย์ได้อย่างไร ตอนนี้หากจุดแดงพรหมจรรย์ของเซียงฉือไม่หายไป หมายความว่านางยังคงเป็นสตรีพรหมจรรย์ตลอดไปใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็จะตอบคำถามที่ว่าอยู่คู่พรหมจรรย์ตราบแก่เฒ่าได้” 

 

 

หงซีกูกูพยักหน้าตอบว่า 

 

 

“อวิ๋นผินทรงงดงามสมกับฝ่าบาทราวกิ่งทองใบหยก เป็นพระบุญญาธิการของฝ่าบาท เป็นสิริมงคลของแว่นแคว้นเพคะ” 

 

 

หรงจิงได้ยินแล้วก็มองไปยังสตรีในม่านแดง ดวงตาฉายความรักสงสารยิ่งขึ้น 

 

 

หงซีพูดไปเช่นนั้นแล้วแววตาก็หดหู่ลง พูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ 

 

 

“ฝ่าบาท แต่คำพูดตอนท้ายของเทพพยากรณ์ยังไม่ได้ไขให้กระจ่างนะเพคะ” 

 

 

“นาทีความเป็นตาย ชีวิตนับแสน ไม่ทราบจะเป็นโชคหรือเคราะห์นะเพคะ” 

 

 

หรงจิงได้ยินแล้วสะบัดมือไม่ให้หงซีพูดต่อ เขามองไปในทิศทางของอวิ๋นเซียงฉือแล้วพูดปลงๆ 

 

 

“ตั้งแต่เราขึ้นครองราชย์ตอนอายุสิบหกเป็นต้นมา รู้สึกเดียวดายอย่างยิ่งมาโดยตลอด ยิ่งเป็นฮ่องเต้ก็ยิ่งหงอยเหงาแต่เมื่อมีนางอยู่เคียงข้าง วันเวลาจึงไม่แร้นแค้นเช่นนั้นอีก หากจะเกิดมหันตภัยขึ้นจริงๆ แล้วเราไม่สามารถรอดพ้นความตายได้ เราก็หวังว่าจะได้ตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือของนาง