ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 425 จอมยุทธ์เลือดปีศาจ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จอมยุทธ์ที่ควบคุมตัวงูปีศาจกลุ่มนี้ ถึงแม้ว่าจะพลาดให้ปีศาจงูหนีออกมาจากกรงได้ จนก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายและความเป็นความตาย ส่วนใหญ่ก็ยังคงรักษาความใจเย็นไว้ได้ ขณะเดียวกันก็ร่วมกันต่อสู้อย่างเป็นระเบียบ

เสื้อผ้าและอาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขาล้วนเรียบร้อยและเลิศล้ำ

เยี่ยนจ้าวเกอดูออกว่าเบื้องหลังของพวกเขาน่าจะไม่ธรรมดา

เป็นอย่างที่คาด จอมยุทธ์เหล่านี้เป็นขุมกำลังใหญ่ในเมืองสินธุเสถียรของประเทศฟู่หราน สำนักปีกอินทรี

พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ทราบรายละเอียดของสำนักปีกอินทรีเท่าใดนัก แต่บนรถบรรทุกกรงที่ถูกทำลายมีสัญลักษณ์สีเหลืองติดอยู่

ชายหนุ่มรู้แล้วว่าทุกปกระเทศบนโลกลอยน้ำล้วนยกย่องสีเหลือง ซึ่งเป็นธรรมเนียมโบราณก่อนมหาภัยพิบัติ เหมือนมหาอำนาจแปดพิภพ

ถึงแม้ว่าแต่ละที่จะพัฒนาอารยธรรม สร้างสิ่งใหม่ขึ้น จอมยุทธ์ของโลกลอยน้ำมีการฝึกปรือแตกต่างกัน แต่ของหลายอย่างยังได้รับอิทธิพลมาจากอารยธรรมก่อนมหาภัยพิบัติ

สำนักหนึ่งคิดประสบความสำเร็จในประเทศ แต่ถ้าพลังของพวกเขาไม่เหนือกว่าประเทศ ก็ต้องมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์อย่างใกล้ชิด

สำนักปีกอินทรีมิใช่สำนักเมฆาโลหิต ไม่มีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น การติดต่อให้พวกเขาช่วยส่งรถบรรทุกกรง แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้อย่างหลัง นั่นคือพวกเขาเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของประเทศฟู่หราน

นี่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอพอใจยิ่ง

ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนจะใส่ชุดจากต่างแดน แต่ราชวงศ์ของประเทศฟู่หรานหวังจะได้ยอดฝีมือหรือคนที่มีความสามารถไปรับใช้เช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจและไม่มีเวลาไปเป็นแขก สิ่งที่เขาสนใจก็คือ รูปสลักหินที่มารดาของตนทิ้งไว้ถูกคนเอาไปแล้ว

ในขณะเดียวกัน การร่วมทางสนทนากับจอมยุทธ์สำนักปีกอินทรี ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจถึงระดับชั้นของจอมยุทธ์ของโลกลอยน้ำมากกว่าเดิม

ยอดฝีมือระดับสูงของโลกลอยน้ำถูกเรียกว่า สามปีศาจสี่สำนัก สำนักเมฆาโลหิตเป็นหนึ่งในสี่สำนัก เป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกลอยน้ำ

ในโลกใบนี้ การฝึกปรือของจอมยุทธ์เลือดปีศาจค่อนข้างพิเศษ

เนื่องจากในขณะที่นำเลือดสัตว์ปีศาจมาฝึกฝนในร่าง เลือดปีศาจจะส่งผลกระทบต่อสติปัญญาของจอมยุทธ์อย่างต่อเนื่อง จนสูญเสียการควบคุมขึ้นมา จอมยุทธ์เลือดปีศาจจอาจจะทำลายขีดจำกัดต้องห้าม ทำให้เลือดปีศาจที่หลอมรวมอยู่ในร่างตื่นขึ้น

จอมยุทธ์เลือดปีศาจที่อยู่ในสภาวะนี้ถูกเรียกว่า จอมยุทธ์ครึ่งปีศาจ โดยแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก ขณะเดียวกันถ้าฝึกฝนโดยใช้เลือดปีศาจเป็นพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ความเร็วในการพัฒนาจะเร็วกว่าจอมยุทธ์เลือดปีศาจธรรมดาเสียอีก

แต่ว่าความเป็นมนุษย์จะค่อยๆ ลดลง ความเป็นสัตว์ป่าจะตื่นขึ้น ไม่มีทางรักษาได้อีก กลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์

ถึงแม้ว่าภายนอกยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีรูปลักษณ์แบบเดิม แต่ว่าจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจจะกระหายเลือด ดุร้าย เริ่มปรารถนาเลือดเนื้อของมนุษย์เหมือนสัตว์ปีศาจที่ตนหลอมรวมเลือดมากกว่า

เหตุการณ์จอมยุทธ์ครึ่งปีศาจกินมนุษย์มีให้เห็นอยู่เนืองๆ

เนื่องจากสังคมมนุษย์ที่คุ้นเคยและจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์เป็นเหตุ หลายครั้งการกระทำของจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจจึงเป็นอันตราย น่ากลัวและโหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์ปีศาจหลายตัวเสียอีก

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “เสือดาวตัวนั้นที่ถูกข้ากำจัดในป่าดึกดำบรรพ์ ตอนที่พลังสายฟ้าบนร่างมันกลายเป็นเสือดาวสายฟ้าหกขา มันเห็นแต่ความกระหายเลือดจากสัญชาตญาณดิบ พลังเพิ่มขึ้นมาเท่าหนึ่ง นั่นน่าจะเป็นจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจหลังจากสูญเสียการควบคุมกระมัง?”

สวีเฟยกล่าว “หลังจากที่เจ้าหักแขนของมันแล้ว มันก็ได้รับการกระตุ้น สายเลือดสัตว์ปีศาจในร่างตื่นขึ้น สุดท้ายก็สลัดหลุดจากร่างมนุษย์ กลายเป็นเสือดาวสายฟ้าหกขาที่แท้จริง”

ถึงแม้นิสัยของจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจจะเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ แต่ยังคงฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลังของตัวเองตามวิธีของจอมยุทธ์เลือดปีศาจได้

แต่ถ้าสูญเสียการควบคุมอีก ทำให้เลือดสัตว์ปีศาจในร่างตื่นขึ้นมาโดยสิ้นเชิง สุดท้ายต่อให้พลังเพิ่มขึ้นมามาก แต่คนก็กลายเป็นสัตว์ปีศาจไปแล้ว

กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ สัตว์ปีศาจเกิดใหม่โดยใช้ร่างกายของมนุษย์

เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “ข้าผิดพลาดไปจริงๆ”

ปกติแล้ว จอมยุทธ์ครึ่งปีศาจคือตัวอันตราย ภายใต้การผลักดันของจิตใจ ทุกคนจะระวังและเป็นปรปักษ์กับจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจมากกว่าสัตว์ปีศาจที่แท้จริงทั่วไปเสียอีก

ส่วนคำว่า ‘สามปีศาจ’ ในประโยคสามปีศาจสี่สำนัก มิใช่หมายถึงสัตว์ปีศาจหรือเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่ในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่เป็นจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกลอยน้ำสามคน

เนื่องจากกลายเป็นครึ่งปีศาจ พลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จอมยุทธ์ครึ่งปีศาจสามคนนี้จึงนับว่าเป็นยอดฝีมือทั้งสามที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันของโลกลอยน้ำโดยพื้นฐานได้

จอมยุทธ์เลือดปีศาจในสี่สำนักถึงแม้ว่าจะมียอดฝีมือมากมาย แต่หากว่ากันเดี่ยวๆ แล้ว ไม่มีใครเทียบกับสามปีศาจได้สักคน

จอมยุทธ์เลือดปีศาจทั่วไป ส่วนใหญ่ร่วมแรงร่วมใจกันเข่นฆ่าจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจทั้งสิ้น

ขณะเดียวดัน จอมยุทธ์ครึ่งปีศาจก็ค่อยๆ เข้าร่วมกับ ‘สามปีศาจ’ ทำให้เหมือนกับสัตว์ปีศาจล้อมรอบราชันสัตว์ปีศาจ เพื่อรบกับจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์

นอกจากสามปีศาจสี่สำนักแล้ว ในโลกลอยน้ำยังมีสัตว์ปีศาจแข็งแกร่งดำรงชีวิตอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง และเป็นสิ่งที่พวกมนุษย์ไม่กล้าตอแยที่สุด

จอมยุทธ์เลือดปีศาจเหมือนกับสัตว์ปีศาจ จอมยุทธ์ครึ่งปีสาจก็เหมือนกับสัตว์ปีศาจ ล้วนเกิดการต่อสู้ระหว่างกัน สัตว์ปีศาจและจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจติดต่อสร้างความสัมพันธ์กันน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเข่นฆ่า กลืนกินเลือกเนื้อของอีฝ่ายเสียมากกว่า เพื่อเพิ่มพลังให้กับตนเอง

โลกลอยน้ำบ้าคลั่งและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

อาหู่ถามด้วยความสงสัย “คุณชาย ถึงแม้ว่าฮูหยินจะไม่ได้เกิดที่โลกใบนี้ แต่ก็น่าจะทิ้งร่องรอยไว้บ้างกระมัง ไม่มีข่าวของฮูหยินเลยหรือขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “อย่างน้อยคนจากสำนักปีกอินทรีเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะไม่รู้จริงๆ พวกเราก็ไม่อาจถามล้วงลึกเกินไปได้”

ทุกคนรวมกลุ่มกันเดินทางเข้าสู่เมืองสินธุเสถียร เมืองหลวงของประเทศฟู่หราน

ในเมืองสินธุเสถียร แม้ว่ารูปร่างของสิ่งก่อสร้างจะดูหยาบอยู่บ้าง แต่ก็หรูหรากว่าเมืองกาฬสงัดที่อยู่ชายแดนทางใต้มาก

จอมยุทธ์สำนักปีกอินทรี เฉินซั่ว มีนิสัยค่อนข้างเปิดเผย เขาต้อนรับพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเกรงใจ ทั้งยังแนะนำพวกเขาให้เจ้านำนักปีกอินทรี เกาฟ่าง ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขาให้รู้จักด้วย

เกาฟ่างเป็นผู้อาวุโสผมขาว ดูเหมือนมีกำลังวังชา

เฒ่าชราผู้นี้ดูไปมีนิสัยเปิดเผยเหมือนเฉินซั่ว แต่ว่าเฉลียวฉลาดยิ่ง ระหว่างที่สนทนากัน ก็ขุดคุ้ยรายละเอียดของพวกเยี่ยนจ้าวเกอย่างต่อเนื่อง

วิธีการฝึกปรือของจอมยุทธ์เลือดปีศาจ แตกต่างกับอารยธรรมวรยุทธ์ในมหาอำนาจแปดพิภพ

ถ้าหากเป็นสัตว์ปีศาจตัวจริง จะใช้การสั่นสะเทือนของปราณวิญญาณและพลังปีศาจมาหยั่งคะเนได้

แต่ว่าต้นกำเนิดพลังและรากฐานการฝึกฝนของจอมยุทธ์เลือดปีศาจล้วนอยู่ที่เลือดปีศาจในร่าง จากนั้นก็ค่อยสลักเป็นข้อความไร้รูปร่างไว้บนร่างกายหลายตัว

ของเหล่านี้ ปกติเมื่อไม่ลงมือย่อมไม่ปรากฎ

ระดับการฝึกปราณของพวกเขาก็ตื้นเขินยิ่ง ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอมองระดับพลังของจอมยุทธ์ในโลกลอยน้ำเหล่านี้ไม่ออก

พวกเยี่ยนจ้าวเกอเองก็จงใจเก็บกลิ่นอายของตนเอง ทำให้เฉินซั่ว เกาฟ่าง และคนอื่นๆ มองระดับพลังฝึกปรือของพวกเขาไม่ออก ทำได้แต่คาดเดาเท่านั้น

เยี่ยนจ้าวเกอรับมือกับการทดสอบของเกาฟ่างได้อย่างเหมาะสม ถึงแม้ว่าพวกเกาฟ่างและเฉินซั่วจะสงสัยที่พวกอาหู่และสวีเฟยสื่อสารไม่ได้ แต่ภายนอกถือว่าผ่านไปได้ดี

หลังจากที่บอกลาพวกเกาฟ่างแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ออกจากที่พัก เดินเล่นอยู่ในเมืองสินธุเสถียร และรู้จักสำนักปีกอินทรีมากขึ้นจากปากคนอื่น

สำนักนี้พึ่งพาราชวงศ์ประเทศฟู่หรานจริงๆ นับว่าเป็นขุมกำลังใหญ่จำนวนน้อยนิดในเมืองสินธุเสถียร

และข่าวที่น่าดึงดูดที่สุดในไม่กี่วันมานี้ของประเทศฟู่หรานก็คือ สำนักเมฆาโลหิตได้ส่งทูตมาเปิดการประชุมคัดเลือกผู้มีความสามารถ อัจฉริยะอายุน้อยของประเทศฟู่หรานและประเทศข้างเคียงล้วนมาเข้าร่วมก่อนแล้ว เรียกได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ

‘ถึงจะเป็นต่างโลก แต่เหตุการณ์เหมือนกันหลายอยู่อย่าง’ เยี่ยนจ้าวเกอกลับที่พัก ชงชาให้ตัวเอง

เมื่อชาถึงมุมปาก จมูกของเยี่ยนจ้าวเกอขมุบขมิบเล็กน้อย สายตาพลันเคร่งขรึม