แววตาของมู่หรงเฟิงเปี่ยมด้วยความรักและความเจ็บปวด
“อวิ๋นคาย หรือเจ้าลืมไปแล้ว ตอนที่เจ้าไปเยือนแคว้นจงหนิงนั้น เจ้าไปเพื่อการใด? เจ้าเคยพูดไว้ว่า ขอเพียงทำภารกิจสำเร็จ เจ้าจะกลับมาอภิเษกกับข้า ในเมื่อเจ้าอภิเษกกับข้าแล้ว เหตุใดยังต้องทนต่อความอัปยศและกลับไปอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยาอีก? เจ้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวในชีวิตของข้า ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าดูหมิ่นศักดิ์ศรีของตนเองเช่นนี้”
แม้แต่คนโง่ก็ฟังออก มู่หรงเฟิงกำลังพูดว่า การที่ซูจิ่นซีปรากฏตัวที่แคว้นจงหนิงก่อนหน้านี้ เป็นมู่หรงเฟิงที่ส่งนางไปเป็นสายลับ
มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นที่ใดกัน?
เห็นได้ชัดว่ามู่หรงเฟิงกำลังยุยงสร้างความบาดหมาง!
อย่างไรก็ตาม ต่อให้มู่หรงเฟิงจะสร้างความบาดหมาง ทว่าเยี่ยโยวเหยาจะเชื่อนางหรือ? ขุนพลผีที่อยู่ข้างหลังเยี่ยโยวเหยาจะเชื่อนางหรือไม่?
ชั่วขณะนั้น ซูจิ่นซีพลันตกตะลึง ทว่าไม่นานก็กลับมาได้สติ นางจ้องมองดวงตาทั้งคู่ของเยี่ยโยวเหยา
“เยี่ยโยวเหยา ท่าน… ท่านอย่าฟัง เขาพูดจาเหลวไหล เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ไม่จริง”
“จงจิ่นซี ภารกิจครั้งนี้เจ้าทำสำเร็จได้อย่างงดงาม เจ้ากลับมาเถิด ขอเพียงเจ้ากลับมาอยู่ข้างกายข้า สิ่งที่ข้าเคยตกลงกับเจ้าก่อนหน้านี้ ข้าจะยอมทำตามทั้งหมด”
จงจิ่นซี?
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็นึกถึงก้อนหยกที่มีตัวอักษรจง ซึ่งนางไม่เคยปิดบังเยี่ยโยวเหยา
หลักฐานนี้ ทำให้คำพูดของมู่หรงเฟิงหนักแน่นขึ้นมาทันที
ซูจิ่นซีเกรงว่าหากอธิบายช้าเกินไป เยี่ยโยวเหยาจะไม่เชื่อนาง นางจึงรีบคว้าเสื้อของเยี่ยโยวเหยาไว้
“เยี่ยโยวเหยา ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องโกหก ท่านอย่าเชื่อเขา”
อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยายังไม่ทันได้พูดสิ่งใด ขุนพลผีที่ติดตามเยี่ยโยวเหยามาก็เตรียมเข้าโจมตี และปฏิเสธที่จะตอบรับ
“ท่านอ๋อง หญิงงามมักนำมาซึ่งภัยพิบัติ ยอมสังหารคนนับร้อย ดีกว่าปล่อยคนเพียงคนเดียว สังหารนาง สังหารสตรีนางนี้เถิด”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ พี่น้องเราต่างสงสัยมานานแล้วว่าสตรีนางนี้มีปัญหา ตั้งแต่ที่นางปรากฏตัวขึ้น ท่านอ๋องก็พบกับเรื่องเลวร้ายมาตลอด”
“ท่านอ๋อง สังหารนาง สังหารตัวหายนะผู้นี้เถิด พี่น้องเราจะปกป้องท่านออกจากแคว้นหนานหลีเอง”
แววตาเจ้าเล่ห์ของมู่หรงเฟิงเผยให้เห็นความสำเร็จ
ซูจิ่นซีมองขุนพลผีเหล่านั้นอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พวกเขาตำหนินาง ชักจูงเยี่ยโยวเหยาอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้เขาสังหารนาง สุดท้าย ซูจิ่นซีก็มองไปที่เยี่ยโยวเหยาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดเช่นไรล้วนไม่สำคัญ เยี่ยโยวเหยา สำคัญที่ตัวท่าน ท่านคิดเช่นไร มันคือคำตอบของท่าน
อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากสีหน้าของเยี่ยโยวเหยา
ขณะที่เหล่าขุนพลผีตะโกนให้สังหารนางด้วยเสียงที่ดังมากขึ้นเรื่อยๆ เยี่ยโยวเหยาก็วางซูจิ่นซีลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา และรัดเสื้อผ้าบนร่างของนางให้แน่นยิ่งขึ้น
จากนั้นจึงหันหน้าออกไปด้านนอกและตะโกนเรียก “ฉินเทียน! ”
ท่ามกลางผู้คน ฉินเทียนที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดพลันเหาะลงมายืนอยู่เบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยาอย่างรวดเร็ว “โยวเหยา! ”
“พาซูจิ่นซีออกไป! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น นางดึงแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีไม่เชื่อในโชคชะตา ยิ่งไม่เชื่อในผู้ใด หม่อมฉันเพียงต้องการคำตอบจากท่าน ขณะเดียวกันก็หวังเพียงว่าท่าน ผู้ที่หม่อมฉันเชื่อใจที่สุด จะเชื่อในตัวหม่อมฉัน มัน… ยากเกินไปสำหรับท่านหรือไม่?
ทว่าดวงตาแดงก่ำของเยี่ยโยวเหยาเพียงเหลือบมองซูจิ่นซีด้วยท่าทีเรียบเฉย และหันกลับไป
“ซูจิ่นซี เชื่อฟัง และรอข้าที่นอกวังกับฉินเทียน ข้าจะไปพบเจ้าในภายหลัง”
“หม่อมฉันไม่ไป! เยี่ยโยวเหยา ท่านเชื่อคำพูดของมู่หรงเฟิง ทว่าไม่ยอมเชื่อหม่อมฉันใช่หรือไม่? ในใจของท่านมีอคติเอนเอียงไปแล้วใช่หรือไม่? ”
อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ให้คำตอบที่ซูจิ่นซีต้องการ เขาดึงนิ้วของซูจิ่นซีออกจากเสื้อผ้าตนเอง
“ฉินเทียน ยังไม่รีบพาพระชายาออกไปอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
ฉินเทียนตอบรับเยี่ยโยวเหยา และเข้ามาพาซูจิ่นซีออกไป ซูจิ่นซีไม่ยินยอม ทว่าไม่รู้เหตุใด ดวงตาของนางกลับพร่ามัวและหมดสติไปทันที
เมื่อซูจิ่นซีฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็อยู่ในห้องที่เรียบง่ายและสะอาดสะอ้านห้องหนึ่ง
ซูจิ่นซีพยายามลุกขึ้น ทว่าทั่วทั้งร่างของนางกลับเจ็บปวดราวกับถูกคนทุบตี
นางหมดสติไปอย่างไร้สาเหตุได้อย่างไร?
ซูจิ่นซีรีบใช้ระบบถอนพิษเพื่อตรวจสอบอาการของตนเอง ประการแรก ตัดประเด็นการถูกลอบวางยาพิษออกไป ดังนั้นสาเหตุของการหมดสติจึงเชื่อมโยงไปยังประเด็นที่นางเหนื่อยล้าเกินไป จิตใจอ่อนล้าเป็นเวลานานจึงส่งผลให้หมดสติไปชั่วขณะ
เช่นนั้น นางก็วางใจ
ฉินเทียนยืนตัวตรงอยู่ข้างหน้าต่าง
เขาอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา ทั้งยังมีสถานะพิเศษ ทว่าซูจิ่นซีไม่รู้จักเขามากนัก และไม่มีโอกาสให้ติดต่อสื่อสารกันมากเท่าไร
เมื่อรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของซูจิ่นซีที่อยู่ด้านหลัง ฉินเทียนจึงค่อยๆ หันมา ในมือของเขาถือหนามคืนวิญญาณ ซึ่งฮูหยินปิงจีมอบให้เขาตอนอยู่ที่ตำหนักเสวียนปิงก่อนหน้านี้ เพื่อใช้ในการลอบสังหารซูจิ่นซี
ฉินเทียนยังจำที่ฮูหยินปิงจีเคยพูดไว้ได้ ยามนี้บนร่างกายของซูจิ่นซีมีกิเลนคู่ คนทั่วไปไม่สามารถสังหารนาง มีเพียงหนามคืนวิญญาณเท่านั้นที่สามารถทำลายกิเลนคู่นั้นได้
เพียงแทงหนามคืนวิญญาณไปบริเวณปลายกระดูกสันหลังของซูจิ่นซี นางต้องตายอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น ฉินเทียนยังมั่นใจอย่างมากว่า ซูจิ่นซีในตอนนี้ ไม่อาจใช้พลังเพื่อต่อสู้ดิ้นรน เพียงเขาแทงหนามคืนวิญญาณไปที่ปลายกระดูกสันหลังของซูจิ่นซีอย่างแม่นยำ และนำศีรษะของนางกลับไปที่ตำหนักเสวียนปิง เพื่อขอร้องให้มารดาช่วยฟื้นฟูใบหน้าให้ลั่วอวิ๋น
ลั่วอวิ๋นจะอภิเษกสมรสกับโยวเหยาในไม่ช้า ถึงเวลานั้นนางคงมีความสุขมากใช่หรือไม่?
ฉินเทียนครุ่นคิดพลางกำหนามคืนวิญญาณไว้ในมือแน่น และเดินเข้าไปหาซูจิ่นซีอย่างเชื่องช้า
ซูจิ่นซีตระหนักได้ถึงท่าทางที่ผิดปกติของฉินเทียน จึงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
“ฉินเทียน เจ้า… เจ้าคิดจะทำสิ่งใด? ”
ใบหน้าฉินเทียนเผยให้เห็นรอยยิ้มเย็นชา เขาถือหนามคืนวิญญาณไว้ในมือและค่อยๆ เดินเข้ามา
“ซูจิ่นซี นี่คือชะตาชีวิตของเจ้า ดังนั้น เจ้าไม่อาจกล่าวโทษข้าได้ หากเจ้ารู้สึกคับข้องใจก็โทษตัวเจ้าเองเถิด! โทษตัวเจ้าที่ไม่ควรเข้ามาปรากฏตัวในชีวิตของโยวเหยา”
“เรื่องนี่เกี่ยวข้องอันใดกับเยี่ยโยวเหยา? ”
ฉินเทียนไม่คิดว่าซูจิ่นซีจะถามเช่นนี้ เขาตกตะลึงไปชั่วขณะ ทันใดนั้น เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาพลันทอประกาย
“โยวเหยาให้ข้ามาสังหารเจ้า! ดังนั้น ซูจิ่นซี เมื่อเจ้าลงไปยังยมโลก เจ้าไม่อาจคิดบัญชีแค้นกับข้า”
มีเสียงดังก้องขึ้นในหัวของซูจิ่นซี ดวงตาของนางพลันว่างเปล่า หูอื้อไปชั่วขณะ นางส่ายศีรษะอย่างต่อเนื่อง
“ไม่ เป็นไปไม่ได้! ไม่เป็นความจริงแน่นอน ไม่เป็นความจริง เยี่ยโยวเหยา… เยี่ยโยวเหยาคิดจะสังหารข้าได้อย่างไร? ”
“เป็นไปไม่ได้หรือ? ”
เสียงของฉินเทียนทั้งแหลมและตื่นเต้น
“พันธะต้องห้ามของหมุดกร่อนรักถูกกำจัดแล้ว เขาลืมเจ้าไปจนหมดสิ้น ตอนนี้เขารู้เพียงว่าเจ้าทำร้ายคู่หมั้นของเขา และเป็นศัตรูที่ทำลายใบหน้าคู่หมั้นของเขา ในฐานะที่เป็นพระชายาโยวอ๋อง เจ้าขโมยข้อมูลสำคัญของแคว้นจงหนิงและหนีตามคนรักไป เจ้าอาศัยเหตุผลใดจึงมั่นใจว่าเขาจะไม่สังหารเจ้า? ”
เป็นไปไม่ได้กระมัง?
ซูจิ่นซีไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนที่เขาสลายพันธะต้องห้ามของหมุดกร่อนรักและฟื้นขึ้นมา พวกเจ้าทำสิ่งใดกับเขาใช่หรือไม่? … พวกเจ้าฉวยโอกาสนี้ยัดเยียดความคิดชั่วร้ายให้เขาใช่หรือไม่? ”
อย่าคิดมาก ต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน
ซูจิ่นซีไม่รอให้ฉินเทียนตอบ นางกัดฟันและพูดว่า “บัดซบ พวกเจ้าชั่วร้ายยิ่งนัก พวกเจ้าไม่กลัวหรือว่า หากวันหนึ่งเยี่ยโยวเหยาฟื้นคืนความทรงจำมาได้ เขาจะสังหารพวกเจ้าเพื่อล้างแค้น? ”