บทที่ 481 ข่าวลับ

บัลลังก์พญาหงส์

ฮ่องเต้เสด็จมา ถาวจวินหลันก็รีบอุ้มซวนเอ๋อร์ลงมายืนให้ดี จากนั้นเมื่อเห็นว่าฮ่องเต้เข้ามาแล้วก็ดึงซวนเอ๋อร์ให้ทำความเคารพ ซวนเอ๋อร์ทำความเคารพไม่ค่อยเรียบร้อยนัก เอนเอียงไปมา แต่ก็ยังพอถือว่าผ่านไปได้

 

 

ฮ่องเต้มองไปทางซวนเอ๋อร์ ฉับพลันก็หัวเราะ “ซวนเอ๋อร์เข้าวังหลวงมาอีกแล้วหรือ?” จากนั้นก็หันไปทำความเคารพไทเฮา พลางอุ้มซวนเอ๋อร์ขึ้นมาและนั่งลงข้างเตียง

 

 

ถาวจวินหลันยืนอยู่ข้างๆ ทำเป็นไม่มีตัวตน กลับเป็นอี๋เฟยและอี้เฟยที่ก้าวขึ้นไปหา

 

 

“ไทเฮาดีขึ้นแล้วหรือยัง?” ฮ่องเต้ถามอย่างเป็นกังวล และสังเกตเห็นลูกอมถั่วบนโต๊ะ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “ซวนเอ๋อร์มาขอลูกอมกินอีกแล้วหรือ? อย่าให้กินลูกอมมากนักเลย มิเช่นนั้นต่อจากนี้ไปจะไม่ดีกับฟัน”

 

 

อี๋เฟยหัวเราะพลางพูดตอบ “ใช่ซวนเอ๋อร์ขอลูกอมเสียที่ไหนเล่าเพคะ อันนี้ซวนเอ๋อร์แบ่งลูกอมให้ไทเฮาเพคะ ซวนเอ๋อร์ยังให้ไทเฮาเสวยโอสถให้ดี เป็นเด็กที่น่ารักเสียจริง หากต่อมาองค์ชายเก้าเป็นที่รักอย่างซวนเอ๋อร์ได้ก็คงดีเพคะ”

 

 

อี๋เฟยพูดถึงองค์ชายเก้าขึ้นมา ฮ่องเต้จึงจำต้องถามบ้าง

 

 

เมื่อเห็นว่าหัวข้อสนทนายิ่งออกนอกเรื่องไปกันใหญ่ จู่ๆ ไทเฮาก็พูดว่า “นี่ก็เย็นแล้ว ถาวซื่อเจ้าพาซวนเอ๋อร์กลับไปเถิด อยู่ที่นี่นานๆ แล้วติดเชื้อหวัดไปมันจะไม่ดี” พูดไปพลาง ในใจของไทเฮาก็คิดไปพลาง ใช้วิธีเช่นนี้ต่อหน้าเด็กช่างน่าไม่อายเสียจริง

 

 

ถาวจวินหลันคิดจะทูลลาตั้งนานแล้ว แต่ก็จนปัญญาเพราะฮ่องเต้เพิ่งเสด็จมา แล้วนางจะเอ่ยทูลลาเลยก็ไม่เหมาะสม ถึงได้ยืนนิ่งเป็นหุ่นไม้อยู่ตรงนั้น อีกอย่างนางเองก็นัดหยวนฉงหวาเอาไว้แล้ว

 

 

ในตอนนั้นก็พาซวนเอ๋อร์เอ่ยทูลลาพร้อมกัน ฮ่องเต้ยังมีท่าทีตัดใจไม่ลง พูดขึ้นว่า “หากไม่มีเรื่องยุ่งอะไร ก็พาซวนเอ๋อร์เข้ามาเดินเล่นในวังบ่อยๆ เถิด”

 

 

เมื่อออกมาจากวังหย่งโซ่วแล้ว ถาวจวินหลันก็พาซวนเอ๋อร์เดินช้าๆ หยวนฉงหวาน่าจะรอนางอยู่บนถนนเส้นนี้

 

 

ไม่ได้เดินออกไปไกลเท่าไร ถาวจวินหลันก็เห็นเงาของหยวนฉงหวา หยวนฉงหวาลงมือตัดดอกไม้ด้วยตนเอง ชุดสีม่วงตกอยู่ในกอเบญจมาศ คล้ายเทพธิดากลางดอกไม้

 

 

แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นความโทรมของหยวนฉงหวา เพราะคลอดก่อนกำหนดและไม่ได้อยู่ไฟ จึงยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมา ใบหน้าก็ซีดแทบไม่มีสีเลือด ผิวก็ขาวจนแทบจะมองทะลุได้ ทั้งร่างดูแล้วผอมซูบไปหมด

 

 

ด้วยผอมซูบลง ทำให้นางมีท่าทีราวนางฟ้ากลับสวรรค์อย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน และบวกกับใบหน้าหยิ่งทะนงของนาง ก็ยิ่งเพิ่มมากกว่าแต่เก่าสามส่วน

 

 

หยวนฉงหวาก่อนหน้านี้วางมาดได้แค่เพียงหน้าตาเท่านั้น แต่หยวนฉงหวาในตอนนี้มองเพียงครู่เดียวก็ทำให้รู้สึกแตกต่าง

 

 

ถาวจวินหลันพาซวนเอ๋อร์เดินไปข้างทางเดิน ยิ้มพลางทักทายหยวนฉงหวา “เหลียงตี้*ดูอารมณ์ดีนัก แต่ดอกไม้นี้บานพอประมาณแล้ว เก็บไปวางไว้แค่สองวันก็เ**่ยวแล้ว”

 

 

“ข้าจะเอาดอกไม้บานเต็มที่นี่ไปเก็บไว้ใต้หมอน” หยวนฉงหวาหันหน้ามา ยิ้มบางๆ สายตามองข้ามถาวจวินหลันไปยังร่างของซวนเอ๋อร์ “นี่คือซวนเอ๋อร์ใช่หรือไม่? ข้าเพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรก หน้าตาน่ารักทีเดียว”

 

 

ถาวจวินหลันดึงมือของซวนเอ๋อร์แน่นขึ้นหลายส่วนตามสัญชาตญาณ

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่าซวนเอ๋อร์จะเอ่ยปากก่อน “ท่านน้ารู้จักซวนเอ๋อร์หรือ?”

 

 

หยวนฉงหวาตะลึงไป แล้วก็เผยรอยยิ้มสดใสมากขึ้นหลายส่วน “รู้จัก ทำไมจะไม่รู้จักเล่า? เจ้าน่ารักขนาดนี้ข้าจะไม่รู้จักเจ้าได้อย่างไรเล่า?”

 

 

ถาวจวินหลันครุ่นคิด พูดกับซวนเอ๋อร์เสียงเบา “ซวนเอ๋อร์ไปช่วยท่านน้าเก็บดอกไม้เถิด แม่มีเรื่องจะพูดกับท่านน้าสักหน่อย ได้หรือไม่?” แม้นซวนเอ๋อร์ยังเด็กน่าจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ แต่นางก็ไม่อยากให้ซวนเอ๋อร์ได้ยิน

 

 

ซวนเอ๋อร์ติดเล่น ก็ตอบรับทันที หยวนฉงหวาเดินมายืนอยู่ข้างทางเดินพูดคุยกับถาวจวินหลัน

 

 

ถาวจวินหลันส่งปี้เจียวไปคอยดูแลซวนเอ๋อร์

 

 

“เจ้าโชคดีกว่าข้านัก” ไม่รู้ว่าถูกจี้จุดตรงไหน ฉับพลันหยวนฉงหวาก็ถอนหายใจ สายตาทอดมองไปยังซวนเอ๋อร์อยู่นานไม่ขยับไปไหน “หากลูกของข้าคนนั้นยังอยู่ ในอนาคตจะต้องเหมือนซวนเอ๋อร์อย่างแน่นอน”

 

 

ด้วยเป็นแม่คน ถาวจวินหลันจึงรู้สึกสงสารหยวนฉงหวา แล้วปล่อยวางความตะขิดตะขวงใจ พูดปลอบเสียงเบาว่า “”เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าไปคิดมาก ต่อจากนี้หากเจ้าชอบเด็กจริง จะรับเลี้ยงสักคนก็ไม่เลวเช่นกัน”

 

 

หยวนฉงหวามองถาวจวินหลันทีหนึ่ง “เจ้ารู้หรือไม่ ทำไมข้าถึงมองเจ้าขัดหูขัดตามาตลอด? เจ้าดูเอาก็แล้วกันตั้งแต่เล็กบ้านของเจ้าก็ดีกว่าข้า ดูจากหน้าตา แม้ว่าพวกเราจะไม่ต่างกันมาก แต่ทำไมข้าถึงสู้เจ้าไม่ได้? ต่อให้ตระกูลถาวล่มสลายลง ข้าก็ยังเทียบเจ้าไม่ได้ คิดว่าเจ้าคงไม่รู้ว่าตอนนั้นเพื่อกดหัวเจ้าลงไป ข้าจงใจจ่ายเงินให้คนคัดเจ้าไปที่หน่วยงานซักล้าง ข้าคิดไม่ถึงว่าต่อให้เป็นเช่นนี้เจ้าก็ยังโดดเด่นได้อีก”

 

 

พูดถึงตรงนี้หยวนฉงหวาก็หัวเราะเยาะตนเอง “ตอนนั้นข้าเข้าวังหลวงมา ท่านพ่อของข้าอยากให้ข้าปรนนิบัติฮ่องเต้ แต่คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ไม่สนใจข้าแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วข้าก็ทำได้แค่เดินตามทางของฮองเฮา ร้องขอตำแหน่งชายารององค์รัชทายาท เจ้าไม่รู้ใช่หรือไม่ ตอนที่ฮองเฮาเลือกข้าเป็นชายารองนั้น เป็นเพราะว่าข้ารับปากไว้ว่าจะต้องคลอดลูกชาย แล้วให้พระชายาองค์รัชทายาทเลี้ยง”

 

 

หยวนฉงหวาหรี่ตาลง ตาเหยี่ยวดูเฉียบคม “แต่ข้าคิดไม่ถึงว่า ข้าเข้าประตูไปนานขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่มีข่าวคราว องค์รัชทายาทก็ไม่ได้โปรดข้ามาก กว่าจะตั้งครรภ์ได้ก็ไม่ง่ายนัก ข้าดีใจเป็นที่ยิ่ง บวกกับก่อนหน้าข้าก็มีคนตั้งครรภ์ ข้าคิดว่าเด็กคนนี้อาจจะเลี้ยงเองได้ แต่คิดไม่ถึงว่า…”

 

 

แม้วันนี้จะไม่ได้ตั้งใจมาฟังความหลังของหยวนฉงหวา แต่ตอนนี้เมื่อนางฟังหยวนฉงหวาพูดเรื่องเหล่านี้ ก็ยิ่งทวีความสงสาร ส่วนเรื่องเรื่องหน่วยงานซักล้าง นางก็คาเดาได้นานแล้ว

 

 

ฉับพลันหยวนฉงหวาก็ยิ้มน้อยๆ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมตอนนี้ถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แล้วยังทำให้องค์รัชทายาทชอบอยู่ได้? เพราะข้าไม่เพียงแค่รู้ความลับขององค์รัชทายาทเท่านั้น และยิ่งรู้ว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหน ดังนั้นข้าจึงหาผู้หญิงเช่นนั้นให้เขาสองคน แม้ฐานะจะต่ำต้อยไปหน่อย แต่งานบนเตียงก็ดีเลิศ องค์รัชทายาทคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเขามายุ่งกับคนข้างกายของข้า แต่ความจริงแล้วข้าจัดการเองทั้งหมด”

 

 

ถาวจวินหลันมองหยวนฉงหวาอย่างตื่นตะลึง องค์รัชทายาทมักมากในกามเช่นนี้เลยหรือ? ส่วนเรื่องความลับ…

 

 

ถาวจวินหลันกำลังลังเลว่าควรถามหรือไม่ หยวนฉงหวาก็ก้าวขึ้นมาเอง พูดเสียงเบาว่า “องค์รัชทายาทและหญิงมีสามีคนนั้นแอบมีสัมพันธ์ลับกัน จนคลอดลูกชายคนหนึ่งออกมา องค์รัชทายาทกำลังคิดจะเอาเด็กคนนั้นมาจดไว้ใต้ชื่อของข้า เด็กคนนั้นอายุสองเดือนกว่าแล้ว รอเพียงแค่โอกาสเหมาะสมเท่านั้น”

 

 

สองเดือนกว่า! ถาวจวินหลันรู้สึกเหมือนหัวถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจัง แล้วก็ถลึงตาโตด้วยความตื่นตกใจ มองไปยังหยวนฉงหวาอย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นนางก็ตั้งสติได้ ไม่ องค์ชายเก้าจะเอามาให้ผู้หญิงขององค์รัชทายาทเลี้ยงได้อย่างไร?

 

 

หยวนฉงหวาเหมือนเข้าใจความคิดของนาง จึงพูดชื่อนิทานพื้นบ้านออกมาเสียงเบา “แมวดาวแลกองค์รัชทายาท”

 

 

ถาวจวินหลันเริ่มหนักใจทันที แมวดาวแลกองค์รัชทายาท แมวดาวแลกองค์รัชทายาท! นางฉับพลันก็คิดบางอย่างได้ ถาวจวินหลันอดพูดไม่ได้ว่า “ถ้าเช่นนั้นองค์ชายเก้า”

 

 

หยวนฉงหวายิ้มน้อยๆ “มิเช่นนั้นทำไมเด็กสองเดือนเต็มแล้ว องค์รัชทายาทถึงเพิ่งพูดเรื่องรับอี๋เฟยสองแม่ลูกนั้นกลับมาวังหลวงเล่า? อย่างแรกเพราะไม่ได้แท้งตั้งแต่แรก อย่างที่สองคือจะหาเด็กที่อายุพอๆ กันมาสับเปลี่ยนอย่างแนบเนียน”

 

 

ถาวจวินหลันสูดหายใจเข้าลึก แล้วก็ถามอีกว่า “ไทเฮารู้เรื่องนี้หรือไม่?”

 

 

รอยยิ้มของหยวนฉงหวายิ่งกว้างมากขึ้นกว่าเดิม “อาจจะปิดบังแค่พระชายาองค์รัชทายาทเท่านั้น เจ้าลืมไปแล้วหรือ ปลายปีที่แล้วพอฮองเฮารู้ว่าอี๋เฟยตั้งครรภ์ ก็เป็นลมล้มพับไป?”

 

 

เมื่อพูดเช่นนี้ถาวจวินหลันก็เข้าใจความหมายของหยวนฉงหวา ฮองเฮารู้เรื่องนี้ และด้วยรู้เรื่องนี้ ถึงได้เป็นลมไป ในตอนนั้นนางเองก็ไม่พอใจ อย่างไรตอนที่อี๋เฟยตั้งครรภ์ก็ไม่ได้สั่นคลอนตำแหน่งฮองเฮาเท่าไรนัก แต่ทำไมฮองเฮาถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนั้น? เมื่ออธิบายเช่นนี้ ก็เข้าใจทุกอย่างได้แล้ว

 

 

อีกทั้งหากไม่ได้ฮองเฮาช่วยปิดบัง เกรงว่าอี๋เฟยเองก็คงจะปิดบังอายุครรภ์ของตนเองได้ยาก ส่วนหลังจากนั้นแผนการละครที่นางและหลี่เย่คิดว่าฉลาดกลับเป็นการช่วยอี๋เฟย

 

 

หากไม่ใช่เพราะรั้งอยู่ที่พระราชฐาน สถานการณ์ตอนที่อี๋เฟยคลอดจะต้องทำให้คนสงสัยอย่างแน่นอน! อย่างไรคลอดก่อนกำหนดและคลอดตามกำหนดก็ต่างกัน! แล้วเด็กนั้นแท้จริงแล้วครบเดือนหรือไม่ก็มองออกได้ด้วยตาเปล่าแน่! เลี้ยงเด็กอยู่ที่พระราชฐานมาสองเดือน ต่อให้คนอื่นสงสัยก็อธิบายได้

 

 

จู่ๆ ถาวจวินหลันก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรง คิดไม่ถึงว่านางจะช่วยอี๋เฟยเข้าแล้ว

 

 

โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าอี๋เฟยพาองค์ชายเก้ากลับมาอย่างอลังการยิ่งใหญ่ คิดถึงท่าทีของอี๋เฟย นางก็ยิ่งรู้สึกผิด กระทั่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษหยวนฉงหวา “ทำไมไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?”

 

 

หยวนฉงหวาหัวเราะเสียงเย็น “พูด? ข้าพูดไปใครจะเชื่อ? หากพูดไปตอนนั้นเองข้าก็ยังเอาตัวไม่รอด ไฉนเลยจะมีเวลาไปสนใจคนอื่น อีกทั้งอี๋เฟยก็เป็นนายเก่าของข้า ข้าขึ้นเป็นชายารองได้ ก็เป็นเพราะนางช่วยออกเงินปูทางให้ข้า”

 

 

หยุดไปครู่หนึ่ง เพราะกลัวว่าถาวจวินหลันไม่สบายใจไม่ยอมช่วยนาง หยวนฉงหวาก็พูดไปอีกเรื่องหนึ่ง “หากเปิดเผยตั้งแต่ตอนนั้น แล้วจะมีผลอย่างตอนนี้ได้อย่างไร? เด็กคนนี้คลอดออกมา ถึงเวลานั้นหยดเลือดทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ไม่ใช่ เจ้าว่าฮ่องเต้จะคิดอย่างไร?”

 

 

ถาวจวินหลันเองก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงตำแหน่งขององค์รัชทายาทนี้ เกรงว่าคงจะนั่งได้ไม่นานอีกแล้ว อีกทั้งไม่แน่ว่าแม้แต่ชีวิตก็ยังไม่อาจรักษาไว้ได้

 

 

ไม่เพียงแค่องค์รัชทายาท แม้แต่ฮองเฮาเองก็ต้องรับผิดชอบเองทั้งหมดเหมือนกัน

 

 

เมื่อยังมีไพ่ใบนี้อยู่ในมือ หลี่เย่ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพียงแค่รอวันไหนที่อารมณ์ไม่ดี ก็พูดเรื่องนี้เสียเลย

 

 

แต่… “ปากเปล่าไม่มีหลักฐาน เกรงว่าฮ่องเต้คงจะไม่เชื่อง่ายดายเช่นนี้ จะต้องวางแผนให้ดี”

 

 

ถาวจวินหลันคิดถึงจุดประสงค์ที่ตนเองมาในวันนี้ พูดเสียงเบากับหยวนฉงหวา “เรื่องโรคระบาดนี้ เป็นแผนการของพระชายาองค์รัชทายาทจริงหรือไม่?”

 

 

หยวนฉงหวาพยักหน้า พูดอย่างมั่นใจ “แน่นอน ข้ากล้าเอาชีวิตเป็นประกัน”

 

 

ถาวจวินหลันมองไปยังหวนฉงหวาอย่างมีเลศนัย ถามความสงสัยของตนเอง “ถ้าเช่นนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไร?”

 

 

 

 

*เหลียงตี้ ตำแหน่งพระชายารองในองค์รัชทายาท