ตอนที่ 66-1 ดอกกดมาลี

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

หลังกลับมาจากเขามกอัก กโยซึลไม่ได้พักที่ตำหนักดงบีแต่ได้มาอยู่ที่ตำหนักดงชอนแทน ผู้คนต่างก็รับรู้กันว่านางข้อเท้าแพลงทำให้ขยับกายลำบาก ทว่าบีพาอันกลับไม่แม้แต่จะเรียกหมอหลวงมารักษา กลับดูแลนางด้วยตัวเองแทน

 

 

ได้ยินว่าฮวางแทจามาคอยดูแลพระชายาฮวางแทจาด้วยตัวเอง ทั้งยังเป็นที่พำนักของเขาอีก คนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าแข็งกร้าวเย็นชามาโดยตลอดอย่างบีพาอันทำอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้กลายเป็นเรื่องน่าตกใจเข้าไปใหญ่ ข่าวคราวจึงยิ่งแพร่ไปอย่างรวดเร็วท่ากับความตกใจของผู้คน ไหนจะยังเรื่องที่เขาตามหา

 

 

กโยซึลที่หายไปจนแทบจะพลิกวัง ทั้งหมดนี้จึงให้กำเนิดเป็นเรื่องเล่าแสนอบอุ่นหวานล้ำของวังตะวันออก

 

 

ทว่าในความจริงนั้นไม่ได้หวานล้ำเหมือนเรื่องที่ถูกเล่าออกไป ภายในตำหนักดงชอนยังคงเงียบวังเวงอย่างเช่นทุกครั้ง ไม่สิ ความเงียบในตอนนี้ชวนให้อึดอัดซะยิ่งกว่าตอนที่มีบีพาอันอยู่คนเดียวเสียอีก ต่างจากในยามปกติ ภายในตำหนักตอนนี้มีคนนั่งอยู่เพิ่มอีกหนึ่งคน ซึ่งคนผู้นั้นก็คือกโยซึลนั่นเอง

 

 

“…”

 

 

“…”

 

 

ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร

 

 

บีพาอันนั่งจัดการฎีกาอยู่ เขาควบคุมงานของกระทรวงต่างๆ ที่จัดการเกี่ยวกับเรื่องของภาษีและส่วย บางครั้งเขาก็มีงานที่ต้องเดินทางไปพระราชวังกลางหรือนอกพระราชวังด้วยตนเอง ทว่าล่าสุดนี้เขาประกาศว่าจะจัดการงานทุกอย่างในตำหนักแทน เหตุผลที่ใช้อ้างก็คือต้องดูแลพระชายาฮวางแทจา งานของกระทรวงต่างๆ นั้นไม่ได้มีเรื่องยุ่งยากอะไรจึงสามารถที่จะจัดการในตำหนักได้

 

 

บีพาอันโกหกทั้งพระราชวังไปอย่างนั้น แถมยังสั่งไม่ให้ข้ารับใช้ของตำหนักดงชอนทุกคนเข้ามาข้างใน ทว่าสิ่งที่ได้เห็นอยู่ตลอดคือบีพาอันที่นั่งทำงาน และกโยซึลที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเท่านั้น ระหว่างด้านในที่มีเตียงนอนอยู่กับด้านนอกที่มีแท่นที่นั่งอยู่ ถูกกั้นไว้ด้วยม่านบางๆ ตรงด้านในที่มีม่านกั้นนั้นเป็นพื้นที่ทั้งหมดที่กโยซึลได้รับอนุญาตให้เดินไปไหนมาไหนได้

 

 

“…” ลิ้นของนางแห้งสากไปหมด ความรู้สึกเหมือนมีก้างติดอยู่ในลำคอคงจะเป็นเช่นนี้

 

 

กโยซึลนอนสักพักแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง แกว่งเท้าเล่นไปมา เดินวนอยู่ในนั้นอีกรอบสองรอบ อดทนแล้วอดทนอีก จนในที่สุดนางก็เดินเข้าไปใกล้ตรงเขตแดนที่มีผ้ากั้นไว้ สุดท้ายนางก็เปิดม่านบางออกดูครึ่งหนึ่ง มือที่อยู่ไม่สุขจับที่ชายผ้าแน่น กโยซึลยื่นหน้าออกไปเล็กน้อยเพื่อสอดส่องดูภายนอก สายตาของนางมองไปเห็นแผ่นหลังของบีพาอันที่นั่งตัวตรงอยู่ที่แท่นทำงาน ลำตัวตรงนิ่ง ไหล่ที่ผายกว้าง เส้นผมอ่อนนุ่มเปล่งประกายสีน้ำเงินนั้น เพียงแค่ได้เห็นจากที่ไกลๆ ก็ทำให้ตื่นเต้นจนเหมือนหัวใจถูกบีบรัด

 

 

มือที่กุมผ้าม่านไว้ของกโยซึลเริ่มอ่อนแรง ใจของนางสั่นไปด้วยความหวาดกลัวปนตื่นเต้น ลิ้นแห้งผากที่อยู่ในปากที่หุบเงียบอยู่ตลอดเริ่มกลอกกลิ้งไปมา ต่อให้นางกลัวเขาแค่ไหนก็จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ นางทนทรมานเพราะความอึดอัดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว หลังจากที่พูดกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายในใจ นางก็ตัดสินใจจะเอ่ยพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้น

 

 

“มีอะไรจะพูดอย่างนั้นหรือ”

 

 

บีพาอันที่กำลังตรวจดูฎีกาถามโดยที่ไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ กโยซึลตกใจถอยหลังกลับไปอย่างลังเล เสียงฝีเท้าตะกุกตะกักของนางดังขึ้นในตำหนักอันเงียบเชียบ ตึง เสียงก้าวเท้านั้นทำเอากโยซึลอับอายจนหน้าขึ้นสี

 

 

“คือว่า…ฝ่าพระบาทเพคะ”

 

 

บีพาอันหยุดมือที่จัดการฎีกาต่างๆ ลง แม้เขาจะไม่ได้หันกลับมามองกโยซึลแต่ก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังให้ความสนใจนางอยู่ ในที่สุดกโยซึลก็รวบรวมความกล้าแล้วถามคำถามที่ติดอยู่ในใจออกไป

 

 

“เหตุใดถึง…เหตุใดหม่อมฉันถึงได้มาอยู่ที่พระตำหนักดงชอน…”

 

 

นางนึกคำดีๆ ที่ควรจะใช้ไม่ออกเลย แม้ตัวนางจะคิดว่านี่เป็นการ ‘กักขัง’ แต่ก็ไม่สามารถพูดคำนั้นให้บีพาอันได้ยินได้ ทว่าต่อให้พยายามเพียงใดก็หาคำที่เหมาะสมมาใช้แทนไม่ได้อยู่ดี ทำไมถึงโง่เง่าเช่นนี้ คิดแล้วก็สมเพชตัวเองนัก

 

 

“เหตุใดจึงไม่ปล่อยให้หม่อมฉันกลับไปล่ะเพคะ แถมฝ่าพระบาทเองก็…เอาแต่อยู่ในพระตำหนัก”

 

 

“เราบอกกับข้างนอกไปว่าเราต้องคอยดูแลชายา เพราะชายาเกิดข้อเท้าแพลงหลังจากที่ไปบนเขาครั้งนั้น”

 

 

“อ้อ…”

 

 

พอพูดถึงเรื่องที่ไปบนเขาขึ้นมากโยซึลก็หมดคำจะพูด นางไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ทว่าเรื่องที่บีพาอันอ้างว่ามาคอยดูแลตัวนางที่ไม่สบายอยู่นั้น นางเองก็พึ่งจะรู้ กโยซึลคุกเข่าด้วยความอับอายแล้วถามออกไปอีกครั้ง

 

 

“ดูแล…ดูแลหม่อมฉันอย่างนั้นหรือเพคะ”

 

 

“เป็นเช่นนั้น”

 

 

“ทำไมล่ะเพคะ”

 

 

บีพาอันหยุดพูดไปสักพัก ความเงียบอันแสนอึดอัดเข้าครอบคลุมอีกครั้ง ในตอนนั้นเองบีพาอันก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง เขามองตรงที่กโยซึลแล้วค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ กโยซึลกำผ้าม่านที่อยู่ในมือแน่น นางกลัวว่านางจะถอยหลังกลับไปเองแบบที่ไม่รู้ตัวอีก นางหมายมั่นไว้แล้วว่าจะไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็นท่าทีที่อ่อนแอของตน

 

 

บีพาอันมาหยุดอยู่ตรงหน้ากโยซึล พวกเขาอยู่ใกล้กันจนแทบไม่เหลือช่องว่าง จะมองกลับไปดี หรือจะก้มหน้าลงดี กโยซึลไม่รู้เลยว่านางควรจะวางสายตาของตัวเองไว้ตรงไหน ส่วนบีพาอันก็มองลงมาสบสายตาเข้ากับกโยซึล ดวงตาสีเข้มนั้นจดจ้องนางเอาไว้ หน้าของเขาค่อยๆ โน้มลงมาใกล้ กโยซึลสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่สิ นางไม่อาจหายใจได้แล้วด้วยซ้ำ ไม่รู้เมื่อไรที่มือของบีพาอันสอดเข้าใต้คอบางของนาง ต้นคอนางร้อนไปหมด ไม่รู้ว่าร้อนเพราะอุณหภูมิร่างกายของนางเองหรือเพราะมือของบีพาอันกันแน่ นางรู้เพียงแค่ความจริงที่ว่ามือของบีพาอันอุ่นมากแค่นั้น ดังนั้นน่าจะเป็นอุณหภูมิจากร่างกายอีกฝ่ายเสียมากกว่า

 

 

บีพาอันสบสายตากับกโยซึล ใช้มือโอบคอนางไว้ จากนั้นบีพาอันก็เปิดปากพูดช้าๆ หัวใจของ

 

 

กโยซึลที่มองดูริมฝีปากบางของเขาขยับไปมารู้สึกเครียดตึงราวกับถูกบีบรัด