ตอนที่ 66-2 ดอกกดมาลี

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

บีพาอันสบสายตากับกโยซึล ใช้มือโอบคอนางไว้ จากนั้นบีพาอันก็เปิดปากพูดช้าๆ หัวใจของ

 

 

กโยซึลที่มองดูริมฝีปากบางของเขาขยับไปมารู้สึกเครียดตึงราวกับถูกบีบรัด

 

 

“เป็นการลงโทษ” มีเพียงคำพูดเดียวที่เล็ดลอดออกมาจากปากบางของบีพาอัน

 

 

“ว่าอย่างไรนะเพคะ”

 

 

คำพูดที่คาดไม่ถึงนั้นทำเอากโยซึลถึงกับงงงวยไปหมด มือที่โอบคอนางไว้อย่างอ่อนโยนได้ผละออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะไออุ่นหายไปหรืออย่างไร ถึงได้ทำให้นางรู้สึกเสียดายแบบแปลกๆ สายตาที่เคยมองจ้องกโยซึลของบีพาอันหายวับไปชั่วพริบตา เขาหันหลังกลับแล้วพูดอย่างไร้เยื่อใย

 

 

“ลงโทษที่มาทำให้เราสับสน”

 

 

“…สับสนอย่างนั้นหรือ”

 

 

บีพาอันกลับไปยังที่เดิมของเขา กโยซึลเองก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในของเขตที่นางได้รับอนุญาต ข้างในของนางร้อนรนไปหมด

 

 

ติ๋ง หยดน้ำตาที่อัดอั้นเพราะความรู้สึกไม่ยุติทำหลั่งไหล หากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอดกลั้นมันไว้อย่างใจเย็น ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้จริงๆ กโยซึลพูดกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

ผิดที่เป็นพระชายาฮวางแทจาแต่รักฮวางแทจาไม่ได้

 

 

ผิดที่เป็นพระชายาฮวางแทจาแต่ในใจของนางไม่ได้มีฮวางแทจาแต่เป็นชายอื่น

 

 

ผิดที่ชายคนแรกที่เข้ามาอยู่ในใจนางดันเป็นรูแฮ

 

 

ดังนั้นนางจึงทำได้แค่ยอมหันหลังให้คนทั้งโลกเพื่อให้ได้รักกับเขา

 

 

ผิดที่ความรู้สึกที่เอ่อล้นนั้นต้องซ่อนมันเอาไว้

 

 

แล้วก็ผิดที่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกบีพาอันดูออกจนหมด

 

 

สำหรับบีพาอันแล้วกโยซึลคือผู้ที่ผิดเสมอ เป็นคนร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดกันอีก

 

 

“…ขออภัยเพคะ” กโยซึลพูดเสียงสั่นเครือน่าสงสาร

 

 

แต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงของนางจะส่งผ่านไปถึงบีพาอันหรือไม่ บีพาอันไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด เขาเพียงแค่กลับไปแท่นที่นั่งแล้วเริ่มทำงานดังเดิม แน่นอนว่ากโยซึลเองก็กลับไปนั่งบนเตียงเช่นเดิม น้ำไหลหลั่งออกมาจากดวงตานางเงียบๆ

 

 

นี่เป็นบทลงโทษ…จากความผิดที่เราเกือบจะไปขวางทางของฝ่าพระบาท

 

 

ตอนที่เจอนางอยู่กับรูแฮบนเขาแล้วบีพาอันปล่อยผ่านไปง่ายๆ นางก็รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจแล้วว่าจะรับการลงโทษแปลกๆ จากบีพาอันต่อไป ไม่ต้องทำอะไร ไม่จำเป็นต้องมีบทสนทนาใด เป็นบทลงโทษที่ต้องใช้เวลาไปกลับบรรยากาศที่แสนอึดอัดในตำหนักดงชอนด้วยกันสองคน

 

 

และแล้วความมืดก็เริ่มปกคลุมในพระตำหนักดงชอนอีกครั้ง

 

 

***

 

 

หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน กโยซึลก็ได้ออกมาจากตำหนักดงชอน บีพาอันเดินไปส่งนางกลับตำหนักดงบี นี่ถือเป็นการเดินเล่นด้วยกันครั้งแรกหลังจากพิธีอภิเษกก็ว่าได้ ได้ออกมารับอากาศสดชื่นหลังจากที่อยู่แต่ในพระตำหนักมานาน ในที่สุดกโยซึลก็รู้สึกราวกับว่าได้หายใจบ้างแล้ว สภาพเหมือนคนตายที่ถูกกักตัวอยู่ในตำหนักในฐานะนักโทษมานาน เพียงชั่วครู่ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่ว่าจะหดหู่หรือร่าเริง อารมณ์ของกโยซึลก็ถูกเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว

 

 

แม้ภายในใจจะตื่นเต้น แต่เพราะนางเดินอยู่กับบีพาอันนางจึงต้องสำรวมกิริยา มือรวบเรียบร้อยวางไว้ข้างหน้าค่อยๆ เดินเติมหลังบีพาอันไป หน้าก้มคอยมองเท้าก้าวไปข้างหน้าตามทาง

 

 

มีทางเดินนี้อยู่ด้วยสินะ

 

 

เพราะตามบีพาอันมา ทำให้นางมีโอกาสได้เดินทางเดินข้างหลังวังตะวันออกเป็นครั้งแรก บีพาอันที่มักจะใช้แต่ประตูกลางกับประตูใหญ่เดินไปมาระหว่างวังตะวันออก แต่ครั้งนี้เขาเลือกทางเดินเส้นหลังอันเงียบสงบที่เป็นทางเชื่อมระหว่างตำหนักดงชอนและตำหนักดงบี

 

 

จ๊อกจ๊อก เสียงน้ำไหล เนื่องจากด้านหลังของวังตะวันออกอยู่ติดกับกำแพง ทำให้มองเห็นไปถึงลำธารที่อยู่รอบนอกได้ ตอนนั้นเองที่กโยซึลนึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินจากกโยยองหลังจากที่เพิ่งมาถึงมกกุกได้ไม่นาน

 

 

นางเคยบอกว่าฝ่าพระบาทชอบเดินเล่นที่ลำธารสินะ

 

 

เพราะอย่างนี้เขาถึงได้เลือกที่จะเดินทางนี้กลับไปยังตำหนักดงบี บรรยากาศอันแสนสงบของที่นี่ก็ถูกใจกโยซึลมากเช่นเดียวกัน นางเลิกที่จะกลัวบีพาอันแล้วเริ่มสอดส่องเดินเล่นตามที่ต่างๆ

 

 

“เอ๊ะ?”

 

 

ในตอนนั้นมีอะไรบางอย่างดึงดูดสายตานาง กโยซึลลืมความจริงที่ว่าข้างหน้ายังมีบีพาอันอยู่ นางเข้าไปใกล้ตรงนั้นแล้วนั่งลงทันที

 

 

“มีเจ้านี่อยู่ตรงนี้ด้วย”

 

 

กโยซึลยื่นมือออกไปด้วยความยินดี สิ่งที่มือนางสัมผัสอยู่นั้นคือพุ่มของเหล่าดอกไม้สีฟ้าพุ่มหนึ่ง เป็นดอกไม้ชนิดเดียวกับที่มีคนมาแอบวางไว้ให้ตรงหน้าต่างตำหนักนาง กลีบดอกสีฟ้าที่เล็กกว่าเล็บมือคนห่อหุ้มเกสรสีเหลืองตรงกลาง ความเล็กกะทัดรัดน่ารักของมันทำให้ใจของกโยซึลเต้นตึกตัก

 

 

“ดอกกดมาลี[1]”

 

 

“เพคะ?”

 

 

“ดอกไม้นั้นชื่อดอกกดมาลี”

 

 

กโยซึลที่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าพุ่มดอกไม้นั้นหันหลังกลับไปตามจุดที่เสียงส่งผ่านมาทันที บีพาอันที่ถูกลืม หลังจากที่กโยซึลเห็นดอกไม้ ตอนนี้กลับมายืนอยู่ข้างหลังนาง กโยซึลตกใจเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยหลายๆ เหตุผล ทั้งเรื่องที่เขาพูดด้วยอย่างอ่อนโยน ทั้งเรื่องที่เขารู้ชื่อดอกไม้ชนิดนี้ ล้วนแล้วแต่ทำให้นางตกใจทั้งนั้น บีพาอันมองไปที่ดอกกดมาลีสีฟ้าแล้วพูดด้วยเสียงต่ำทุ้มออกมา

 

 

“จากนี้…ดอกไม้นี้จะไม่บานอีกแล้ว”

 

 

“จะไม่บานอีกแล้วหรือเพคะ”

 

 

“…เป็นดอกไม้ที่บานเฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้น”

 

 

“อ้อ…”

 

 

กโยซึลมองไปที่ดอกกดมาลี จะว่าไปตอนที่เริ่มมีคนเอาดอกไม้มาวางไว้ที่หน้าต่าง ก็เป็นตอนเริ่มต้นฤดูร้อนเช่นเดียวกัน เช่นนั้นหลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วจะเป็นอย่างไร จะวางดอกไม้อื่นไว้หรือไม่ กโยซึลที่เอาแต่นึกถึงปัญหาอันไร้สาระเหล่านั้นหันกลับไปถามกับบีพาอันอย่างสงสัย

 

 

“ว่าแต่เหตุใดฝ่าพระบาทถึงได้รู้กระทั่งชื่อดอกไม้นี้ล่ะเพคะ”

 

 

“…”

 

 

บีพาอันไม่ตอบ หลังจากยืนเฝ้าอยู่ด้านหลังกโยซึลได้สักพัก เขาก็หันกลับไปทางเดิม เขาเพียงแต่มองไปรอบๆ แล้วก้าวเท้าเดินต่อไป กโยซึลที่ยังคงนั่งย่อตัวอยู่หน้าพุ่มดอกกดมาลีได้แต่มองตามหลังบีพาอันอย่างสงสัย

 

 

ในมือของนางมีดอกไม้ดอกเล็กสีฟ้า นางกำลังถือดอกกดมาลีพวงหนึ่งอยู่

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ดอกกดมาลี ชื่อดอกหญ้าชนิดหนึ่งในวงศ์หญ้างวงช้าง