ตอนที่ 528 สมองมีปัญหา / ตอนที่ 529 กลอุบายของเหยียนอวี้

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 528 สมองมีปัญหา

 

 

           คิดไม่ถึงว่าฝีมือการนวดของไป๋จิ่งถึงแม้ว่าจะไม่ถือว่าดีเยี่ยม แต่จะมากจะน้อยก็ยังยกให้ผ่านได้

 

 

           ไป๋จิ่งนวดให้มั่วไป๋สักพัก มั่วไป๋ก็รู้สึกดีมากขึ้นแล้ว ยื่นมือไปตบมือไป๋จิ่งเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “โอเคแล้ว”

 

 

           ได้ยินมั่วไป๋พูดอย่างนี้ ไป๋จิ่งถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแล้วปล่อยมือออก

 

 

           “นายไม่นอนแล้วมานั่งยองๆ อะไรตรงนี้”

 

 

           เวลานี้มั่วไป๋เพิ่งจะนึกภาพที่เพิ่งตื่นแล้วเห็นไป๋จิ่งนั่งอยู่ตรงนี้ขึ้นมาได้

 

 

           โดนมั่วไป๋พูดมาขนาดนี้ จู่ๆ ไป๋จิ่งก็รู้สึกละอายใจอยู่ในที

 

 

           เขาบอกไม่ได้ว่าทั้งสมองของตัวเองมีแต่มั่วไป๋เต็มไปหมด หลับตาไม่ลงเลยสักนิด สุดท้ายรู้สึกว่านอนดูมั่วไป๋บนเตียงไกลเกินไป ดังนั้นจึงไม่นอนต่อแล้วมานั่งอยู่ข้างมั่วไป๋ค่อยๆ มองอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ

 

 

           ไป๋จิ่งลูบจมูกด้วยความเลิ่กลั่กนิดหน่อย “ผมตื่นแล้วเพิ่งจะมาเอง”

 

 

           มั่วไป๋ไม่ได้พูดอะไร เอามือดึงผ้าห่มออกพร้อมลงจากเตียง

 

 

           เห็นเขาลงจากเตียง ไป๋จิ่งก็พรวดพราดยืนขึ้นมาเช่นกัน ท่าทางนั้นเหมือนกับว่าถ้าไม่รีบจะเกาะติดมั่วไป๋อยู่ข้างหลังไม่ทัน

 

 

           “นายไม่มีอะไรทำเหรอ จะตามฉันมาทำไม”

 

 

           มั่วไป๋เพิ่งจะเดินไปสองก้าว หันกลับมามองไป๋จิ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง พลางเอ่ยถามด้วยความรู้สึกแปลกๆ

 

 

           ไป๋จิ่งร้องไห้อุบอิบ เขาอยากตามอยู่ข้างหลังมั่วไป๋ แต่ก็กลัวมั่วไป๋จะรำคาญเขา สุดท้ายก็ทำได้เพียงเก็บกดควบคุมหัวใจของตัวเองเอาไว้ ยืนอย่างว่าง่ายอยู่ที่เดิม

 

 

           มั่วไป๋ล้างหน้าแปรงฟันออกมา เห็นไป๋จิ่งยังคงยืนตัวตรงอยู่ตรงเดิมเมื่อครู่นี้

 

 

           เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าวันนี้ไป๋จิ่งค่อนข้างจะแปลกพิกล ตั้งแต่ตื่นมาตอนเช้าก็รู้สึกว่าเขาดูแปลกไปมาก

 

 

           ตอนนี้ยิ่งแปลกไปกันใหญ่

 

 

           เขาอดจะคิดไม่ได่ว่า หรือว่าตอนไข้ขึ้นก่อนหน้านี้จะลามขึ้นสมองจนทำให้เขาสมองเสียไปแล้ว

 

 

           มั่วไป๋ครุ่นคิดแล้วไม่ได้พูดอะไร โทรหาเหยียนอวี้ให้เขาเข้ามาที

 

 

           เหยียนอวี้ได้รับสายจากมั่วไป๋ จึงตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาเข้าห้องมาก็เอ่ยถามทันที “เป็นไรไป ไม่สบายตรงไหนเหรอ”

 

 

           ไป๋จิ่งเหมือนเสาไม้ที่อยู่ด้านข้าง พอได้ยินเหยียนอวี้ถามมั่วไป๋ว่าไม่สบายตรงไหน ก็รีบพุ่งเข้ามาทันที “คุณไม่สบายเหรอ ทำไมไม่บอกผม”

 

 

           มั่วไป๋กุมขมับ ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้

 

 

           เขาไม่ได้ตอบกลับคำถามของไป๋จิ่ง แต่ตอบกลับคำถามของเหยียนอวี้ก่อน

 

 

           “ฉันไม่เป็นไร”

 

 

           เหยียนอวี้แปลกใจ “นายไม่เป็นไรแล้วให้ฉันมาทำอะไร”

 

 

           มั่วไป๋มองไป๋จิ่งแวบหนึ่ง รู้สึกอึดอัดใจอยู่ในที ถึงอย่างไรก็จะพูดเรื่องที่เขารู้สึกว่าสมองของไป๋จิ่งมีปัญหาต่อหน้าไป๋จิ่งกับเหยียนอวี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม

 

 

           ตอนนี้ขณะที่ไป๋จิ่งกำลังเป็นทุกข์ร้อนใจว่าจะได้หรือเสียอยู่นั้น เมื่อเห็นแววตาที่มั่วไป๋มองตัวเองดูเหมือนจะสับสนอยู่ไม่น้อย เขาก็อดจะคาดเดาไม่ได้ว่า คงจะไม่ใช่ว่ามั่วไป๋เสียใจทีหลังแล้วใช่ไหม

 

 

           เสียใจทีหลังที่เมื่อวานพูดว่าอยากเริ่มต้นใหม่กับเขา

 

 

           คิดถึงตรงนี้ ไป๋จิ่งก็ตื่นตระหนกในพริบตา

 

 

           “ออกไปคุยข้างนอกได้ไหม” มั่วไป๋เอ่ยถามเสียงต่ำ

 

 

           เหยียนอวี้พยักหน้ารับ “ได้อยู่แล้ว” ขณะพูด เขาก็เดินออกจากห้องไปยืนรอมั่วไป๋อยู่นอกประตู

 

 

           มั่วไป๋ลุกขึ้นยืนแล้วตามออกไปเช่นกัน

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นพวกเขาสองคนเดินออกไปแล้ว เขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างไรชอบกล

 

 

           เขาเดินวกไปวนมาอยู่ที่เดิม ร้อนใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไป๋จิ่งคิด มั่วไป๋คงจะไม่เสียใจทีหลังจริงๆ หรอกใช่ไหม

 

 

           เหยียนอวี้ยืนรอมั่วไป๋อยู่ข้างๆ แถวนอกประตู

 

 

           มั่วไป๋เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เหยียนอวี้ อ้าปากพูดแต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

 

 

           เหยียนอวี้เห็นท่าทางเขาดูว้าวุ่นใจถึงขนาดนี้ เจ้าตัวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป็นไรไป นี่นายอยากพูดแต่พูดไม่ออกใช่ไหม”

 

 

           มั่วไป๋ครุ่นคิดพลางเอ่ยเสียงต่ำ “ไป๋จิ่งเขา…”

 

 

           เหยียนอวี้เลิกคิ้ว “ไป๋จิ่งเป็นอะไรไปเหรอ” เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับฟุ้งซ่านไปไกล หรือว่าเมื่อวานไป๋จิ่งได้ยินเรื่องพวกนั้น แล้วเกิดอารมณ์ฮึกเหิม แล้วพุ่งเข้าไปขึ้นคร่อมมั่วไป๋

 

 

           ‘มิน่าล่ะบรรยากาศเมื่อกี้นี้ถึงได้แปลกๆ ขนาดนั้น’

 

 

           มั่วไป๋กลืนน้ำลายก่อนจะพูดขึ้นว่า “สมองเขามีปัญหาหรือเปล่า”

 

 

       

 

 

ตอนที่ 529 กลอุบายของเหยียนอวี้

 

 

           เหยียนอวี้ “…”

 

 

           หัวใจเหยียนอวี้ที่เดิมทีเตรียมจะมาเผือก ผลสุดท้ายคืออีกนิดจะจมน้ำลายตัวเองตายแล้ว

 

 

           “เขา ทำไมสมองถึงมีปัญหาได้” เครื่องหมายคำถามขึ้นเต็มหัวของเหยียนอวี้

 

 

           ชักจะสงสัยแล้ว มั่วไป๋ไปดูมาจากไหนถึงมองว่าสมองไป๋จิ่งมีปัญหาได้…

 

 

           “ฉัน ฉันรู้สึกว่าวันนี้เขาดูแปลก…”

 

 

           มั่วไป๋เองก็พูดได้ไม่ค่อยดี ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีเขาก็ไม่ได้ถนัดจะพูดอะไรแบบนี้ เพียงชั่วขณะก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องพูดอย่างไร

 

 

           เหยียนอวี้ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ ยกมือขึ้นมากุมขมับด้วยความจนใจ สองคนนี้จะทำให้เขาพ่ายแพ้แล้วจริงๆ

 

 

           คนหนึ่งไม่ปกติยิ่งกว่าอีกคน

 

 

           ที่ไป๋จิ่งดูแปลกๆ ต้องเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานนี้อย่างแน่นอน ถึงเป็นแบบนี้ได้

 

 

           ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมสองคนนี้ยังพัวพันกันมานานขนาดนี้

 

 

           ตามที่เขาสังเกตการณ์ดูในช่วงเวลานี้ ไป๋จิ่งและมั่วไป๋ต่างฝ่ายต่างชอบกันและกันมาตลอด

 

 

           แต่มั่วไป๋ดันมีความยึดติดอยู่ในใจ ส่วนไป๋จิ่งก็ดันไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกอย่างไร

 

 

           ถึงได้ยุ่งเหยิงวกไปวนมาอยู่ตลอดจนถึงตอนนี้ นี่ก็หลายปีมาขนาดนี้แล้ว ทั้งสองคืบหน้าไปช้ามากจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ป่านนี้คงจะแสดงความรักโอบกอดกันไปแล้ว

 

 

           แต่ทั้งสองคนนี้ดันยื้อกันไปกันมาอยู่ตรงนี้

 

 

           ด้วยเหตุนี้เหยียนอวี้จึงครุ่นคิด เขาตัดสินใจจะยื่นมือมาช่วยพวกเขาสักหน่อย

 

 

           ถ้าไม่อย่างนั้น คาดว่าอีกสองปี พวกเขาสองคนคงจะยังไม่ได้คบกันอยู่ดี

 

 

           ดังนั้นเหยียนอวี้จึงทำหน้าเคร่งขรึมจริงจังมองมั่วไป๋ เหมือนกำลังคิดทบทวนอย่างไรอย่างนั้น แล้วพยักหน้าต่อจากนั้น “นายพูดมาก็ไม่ผิดนะ ดูจะมีปัญหาอยู่บ้างจริงๆ”

 

 

           เดิมทีมั่วไป๋ก็เพียงแค่คาดเดา แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าเหยียนอวี้จะพูดว่าสมองของไป๋จิ่งมีปัญหาอยู่บ้างจริงๆ

 

 

           เขาตะลึงงันไปพักหนึ่ง เอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก “แล้วต้องส่งเขาไปรักษาไหม”

 

 

           เหยียนอวี้ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องพูดว่าเขาเซ่อหรือเขาซื่อดี

 

 

           แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้ว ก็ทำได้เพียงเล่นละครต่อไป

 

 

           เพราะแบบนี้เหยียนอวี้จึงครุ่นคิดอย่างจริงจังสักพัก “ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกไป๋จิ่ง ฉันกลัวว่าเขารู้แล้วจะรับไม่ไหว”

 

 

           มั่วไป๋พยักหน้า ไป๋จิ่งคนที่ทะนงตัวขนาดนั้นรู้เรื่องเข้าต้องรับไม่ไหวอย่างจริงแท้แน่นอน

 

 

           “แต่ว่ายังดี ไม่ถือว่าหนักมาก ช่วงนี้นายก็ลำบากหน่อยแล้วกัน ไม่มีอะไรก็ตามดูเขาหน่อย สนใจใส่ใจมากขึ้นอีก อาการจะไม่ได้ทรุดลง”

 

 

           มั่วไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาอยู่ในท่าทีสงสัยในคำพูดของเหยียนอวี้

 

 

           เหยียนอวี้เห็นความสงสัยในแววตาของเขา ก็รีบเสริมต่ออีกประโยคทันที “อะไรกัน คำพูดของหมออย่างฉัน นายก็ไม่เชื่อเหรอ”

 

 

           “เชื่ออยู่แล้วล่ะ”

 

 

           มั่วไป๋รู้สึกว่ามีสักจุดที่ไม่ค่อยปกติ แต่ก็หาไม่เจอว่าผิดปกติจุดไหนกันแน่

 

 

           ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้ารับไป แล้วเอ่ยว่า “ได้ ฉันทราบแล้ว”

 

 

           นัยน์ตาเหยียนอวี้ฉายสะท้อนแผนการบางอย่าง ตามไป๋จิ่งออกมาอีกคน

 

 

           เดิมทีไป๋จิ่งเห็นพวกเขาสองคนพูดพึมพำกันอยู่ข้างนอกตั้งนานสองนาน เขาก็ร้อนใจจนไม่ไหว ถ้าไม่ใช่ว่ามั่วไป๋กลับเข้ามาพอดี

 

 

           เขาคิดว่าตัวเองคงจะทนไม่ไหวต้องไปแอบฟังแล้ว

 

 

           เหยียนอวี้เห็นไป๋จิ่งอยู่ที่มุมพนังด้านหลัง ก็เอ่ยเรียกอีกฝ่ายมา “ไป๋จิ่ง คุณมานี่หน่อย”

 

 

           มั่วไป๋มองดูไป๋จิ่งที่อยู่ข้างหลังพลางถอนหายใจเงียบๆ

 

 

           ‘ดูปกติมาก จะทำยังไงได้สมองเสียไปแล้ว’

 

 

           ไป๋จิ่งถูกสายตาแบบนั้นมอง หัวใจก็สั่นสะท้านทันที สายตาเมื่อกี้นี้ของมั่วไป๋หมายความว่าอะไร หรือว่ามั่วไป๋อยากจะเปลี่ยนใจแล้วจริงๆ

 

 

           ไป๋จิ่งค่อนข้างตื่นตระหนก เห็นมั่วไป๋เดินผ่านตัวเองไป เขาอดจะเดินตามเข้าไปไม่ได้

 

 

           ยังดีที่เหยียนอวี้เห็นเขาจะทำแบบนั้น ก็รีบคว้าตัวเขาออกมาก่อน

 

 

           “คุณเรียกผมมามีเรื่องอะไรครับ” ไป๋จิ่งเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

           หัวใจทั้งดวงเขามีแต่มั่วไป๋ มีหรือจะมีอารมณ์อยากคุยกับเหยียนอวี้

 

 

           เหยียนอวี้ถอนหายใจ “เรื่องเกี่ยวกับมั่วไป๋ จะฟังไหมครับ”

 

 

           พอไป๋จิ่งได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับมั่วไป๋ เขาก็รีบพยักหน้าทันที “ฟังๆๆ ฟังอยู่แล้วครับ”