ตอนที่ 732 ช่วยชีวิต

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 732 ช่วยชีวิต

จนถึงตอนนี้มู่จวินฮานยังมิยอมพูดอันใดออกมาทั้งที่เจ็บปวดจนหน้าซีดเผือด ขณะเดียวกันก็มองไปที่ฟางหลิงซู่ด้วยความสงสัยว่าต้องการจะกล่าวสิ่งใดกันแน่

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าแท้จริงเรื่องบุตรของอันหลิงเกอเป็นเพราะข้าให้ทัวป๋าหลิวลี่ไปวางยานาง นางจึงรักษาเด็กคนนั้นไว้มิได้ แล้วเจ้าก็ทำร้ายนางซ้ำอีก ทำให้หัวใจของนางตายไปพร้อมกับเด็กคนนั้น ฮ่าฮ่าฮ่า ! ”

ฟางหลิงซู่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แม้คำพูดของเขามิได้สอดคล้องกัน แต่มู่จวินฮานเข้าใจทั้งหมดและก็ลอยเข้าสู่หูของอันหลิงเกอทุกคำเช่นกัน

ทว่าตอนนี้อันหลิงเกอยังมิเข้าสักเท่าใด ฟางหลิงซู่หลอกลวงอันใดมู่จวินฮาน แล้วเหตุใดมู่จวินฮานต้องทำร้ายบุตรของนาง…

เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับฟางหลิงซู่อย่างไร ?

นางเห็นเพียงสีหน้าอันย่ำแย่ของมู่จวินฮานแต่ยังมิรู้เรื่องราวแน่ชัด ส่วนมู่จวินฮานเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าแท้จริงก็เป็นฝีมือของฟางหลิงซู่ !

เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น มู่จวินฮานก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งกายและใจ เพราะเรื่องนี้เขาถึงได้ลงมือทำร้ายบุตรของตนและอันหลิงเกอโดยไร้ความปรานี

“แค่นี้เจ้าก็ทนมิไหวแล้วหรือ ? ตอนนั้นการที่เจ้าทำร้ายบุตรมิรู้สึกอันใดเลยหรือไร ? ”

ฟางหลิงซู่ใกล้เสียสติเต็มทน ขณะพูดเขาก็เขย่าตัวมู่จวินฮานอย่างต่อเนื่องแต่มู่จวินฮานเหมือนไม่เจ็บปวดทั้งสิ้น แค่มองฟางหลิงซู่อยู่เยี่ยงนั้น

“นางรักเจ้าตลอดและมิเคยมีข้าอยู่ในหัวใจเลย” เมื่อมาถึงประโยคนี้เสียงของฟางหลิงซู่ก็เบาลง เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างใจสลายและในเวลาต่อมาเขาก็ย่อตัวนั่งกับพื้น

มู่จวินฮานฟังจบแล้วก็รู้สึกมีเสียงดัง ‘ตูม’ ปรากฏขึ้นในสมอง แผลบนร่างกายมิรู้สึกอันใดอีกต่อไปเพราะความเจ็บปวดในหัวใจได้อยู่เหนือบาดแผลทั้งปวง

“ฟางหลิงซู่ ฟางหลิงซู่ ! ” ทันใดนั้นเสียงอันแสนเจ็บปวดของมู่จวินฮานก็ดังก้องไปทั่วห้องขังและต่อมาเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของฟางหลิงซู่ก็ดังตามมาติด ๆ

ตอนนี้บุรุษสองคนต้องมาเจ็บปวดเพราะตน ทว่าอันหลิงเกอได้แต่นั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่ในห้องขังเช่นนั้น ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าแท้จริงเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดเป็นฝีมือของฟางหลิงซู่

“ข้าสั่งให้ทหารถอยทัพแล้ว เจ้าก็ปล่อยนางไปก่อนเถิด” เสียงของมู่จวินฮานเหนื่อยล้าพอสมควร ในตอนนี้ขอแค่อันหลิงเกอปลอดภัยก็พอแล้ว

“ข้าหรือ ? ตอนนี้ ตอนนี้แม้แต่ข้าเองก็ยังมิรู้ว่านางอยู่ที่ใด”

เมื่อฟางหลิงซู่ได้ยินมู่จวินฮานเอ่ยเช่นนี้ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที หากรู้ว่าอันหลิงเกออยู่ที่ใดก็คงพานางหนีไปนานแล้ว จักมาอยู่ที่นี่อีกทำไม

ตอนนี้อันหลิงเกอก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าฟางหลิงซู่ใช้นางมาข่มขู่มู่จวินฮานให้ถอยทัพทหาร ถ้าเช่นนั้นต้าโจวก็…

อันหลิงเกอคิดมาถึงตรงนี้ก็หันไปมองร่างมู่จวินฮานที่เต็มไปด้วยโลหิตอีกครั้ง ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่หัวใจนางทันที เขาทำเพื่อนางมากเพียงนี้ ทว่านางกลับโกรธเกลียดเขา แต่คนที่สมควรโดนเกลียดที่สุดกลับแสร้งทำเป็นผู้มีพระคุณให้นางเห็นทุกวัน

ส่วนมู่จวินฮานกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ที่โดนนางเกลียดชัง เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้ นางก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบหายใจมิออก ที่แท้มู่จวินฮานก็ไม่เคยทำร้ายนางเลย

ส่วนผู้ที่ทำร้ายและทำให้นางต้องเจ็บปวดก็คือฟางหลิงซู่ ตอนนี้อันหลิงเกอรู้สึกว่าไม่มีน้ำตาให้ร้องไห้จึงได้แต่มองสิ่งที่เกิดขึ้นและจบลง

ตอนนี้ทหารของต้าโจวเหลืออยู่ไม่กี่นายแล้ว ซากศพนอนเกลื่อนเต็มทุกพื้นที่ ส่วนเผ่าปิงชวนก็มิได้ดีไปกว่ากันเท่าไร แต่ทหารของเผ่าปิงชวนกำลังรอการยอมจำนนของมู่จวินฮานและตราอาญาสิทธิ์อยู่

เมื่อพวกมันมีความหวังเช่นนี้แล้วจึงไม่มีผู้ใดคิดยอมแพ้ เพราะรู้ดีว่าประมุขเผ่าและฟางหลิงซู่ต้องนำตราอาญาสิทธิ์มาจากมือมู่จวินฮานได้อย่างแน่นอน

พอเห็นขวัญกำลังใจของทหารเพิ่มมากขึ้น แม้ประมุขเผ่าจะมิอยากยอมรับแต่ก็รู้ถึงประโยชน์จากฟางหลิงซู่ ส่วนทหารหลายหมื่นนายที่พยายามทำศึกติดต่อกันมาหลายวันของต้าโจวก็อ่อนล้าและไร้กำลังกันแล้ว

ตอนนี้บนพระวรกายของฮ่องเต้เต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ เพราะทรงมีพระชนมายุมากแล้วจึงทนมิค่อยไหว แต่มิว่าเหล่าขุนนางจะแนะนำเยี่ยงไรพระองค์ก็มิยอมเสด็จออกจากสนามรบ

เพราะพระองค์ได้ตรัสไว้แล้วว่าจะอยู่ร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมต้าโจว เมื่อยังมีทหารอีกหลายหมื่นนายเหลืออยู่ พระองค์จะไม่ละทิ้งพวกเขาและแผ่นดินต้าโจวเด็ดขาด

แม้ฮ่องเต้ทราบจุดจบของพระองค์และต้าโจวแล้ว ทว่าพระองค์จักยอมรับชะตากรรมโดยง่ายมิได้และยิ่งไม่มีทางยอมประนีประนอม เนื่องจากพระองค์รู้ดีว่าหากมอบหนังสือยอมจำนนในเวลานี้ แม้จะยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้แต่ในเวลาเดียวกันก็จะไร้ซึ่งต้าโจวอีก

แม้ต้าโจวถูกลิขิตให้ล่มสลายแต่พระองค์จะมิยอมให้มันเป็นเช่นนั้นโดยง่าย อีกทั้งพระองค์เชื่อในตัวมู่จวินฮานที่อยู่ในเมืองหลวงว่าจะต้องปกป้องเมืองหลวงเป็นอย่างดีและไม่ปล่อยให้ต้าโจวล่มสลายอย่างแน่นอน

ฮ่องเต้มิรู้ว่าตอนนี้มู่จวินฮานตกอยู่ในเงื้อมมือของเผ่าปิงชวนแล้ว หากรู้เช่นนี้พระองค์ก็คงไร้ความมั่นพระทัยและยืนหยัดต่อไปเช่นนี้

อันหลิงเกอกำลังมองบุรุษทั้งสองอยู่ ยามที่เห็นท่าทางเจ็บปวดของพวกเขา นางก็รู้สึกเจ็บปวดมิด้อยไปกว่ากันเลย เมื่อนางมองไปที่มู่จวินฮานตอนนี้ก็รู้สึกเป็นทุกข์และรู้สึกผิดมากเหลือเกิน

เดิมทีนางหลงเข้าใจผิดว่าตนได้รับความอยุติธรรมจากเขา แต่คาดมิถึงว่ามู่จวินฮานทำเพื่อนางมากมายเช่นกัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นหัวใจของอันหลิงเกอก็เจ็บปวดอีกครา

ขณะเดียวกันฟางหลิงซู่ก็กำลังพิงอยู่ที่ลูกกรงห้องขังของนาง อันหลิงเกอมิรู้ว่าควรเคลื่อนไหวดีหรือไม่ แต่นางรู้ว่าหากคราวนี้ยังลังเลอีกก็จะหมดโอกาสแล้ว

ดังนั้นมือของอันหลิงเกอจึงเอื้อมไปที่เอวของฟางหลิงซู่ นางคิดจะหยิบกุญแจจากเขาแต่ยังมิทันได้แตะพวงกุญแจ ฝ่ายฟางหลิงซู่ก็รู้ตัวเสียก่อน

ตอนนี้ฟางหลิงซู่ใกล้เสียสติไปทุกที เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นเขาจึงยื่นมือไปจับแขนของอันหลิงเกอแล้วออกแรงบดมันกับลูกกรงเหล็กอย่างแรง ทันใดนั้นเสียงดัง ‘กึก’ ก็ตามมา จากนั้นอันหลิงเกอก็รู้สึกว่าแขนของนางสูญเสียความรู้สึกไปทันที

“อย่า ! ” ทันใดนั้นเสียงร้องตะโกนของมู่จวินฮานก็ดังขึ้น ช่วงเวลาเมื่อครู่เขารู้สึกว่าดวงตาภายใต้หน้ากากดูคุ้นเคยเป็นพิเศษ หลังจากนั้นเขาก็รู้ว่าคืออันหลิงเกอ

“อย่าทำร้ายนาง นางคืออันหลิงเกอ” เสียงของมู่จวินฮานแหบพร่าแต่ฟางหลิงซู่มิสนใจ เขาคิดแค่ว่ามู่จวินฮานอยากเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น คาดมิถึงว่าคนที่เขาหักแขนเมื่อครู่ก็คืออันหลิงเกอจริง ๆ

ทำให้ฟางหลิงซู่มิได้ปล่อยมือ เขายื่นมืออีกข้างไปในห้องขังแล้วซัดฝ่ามือใส่อันหลิงเกอจนนางกระแทกเข้ากับกำแพงฝั่งตรงข้ามอย่างแรง

ตอนนี้อันหลิงเกอมิอยากเชื่อสายตา นางมิอยากเชื่อว่าฟางหลิงซู่จะทำร้ายกันเยี่ยงนี้

ตอนที่นางได้ยินเสียงตะโกนของมู่จวินฮานก็คาดมิถึงว่าเขาจะจำนางได้ แต่สิ่งที่ทำให้นางนึกมิถึงยิ่งกว่านั้นคือฟางหลิงซู่ไม่มีทีท่าจะหยุดมือและทำร้ายนางต่อไป

ทำให้ดวงตาของอันหลิงเกอฉายแววของความโศกเศร้าออกมาและทันใดนั้นเองฟางหลิงซู่ก็รู้สึกเหมือนเห็นอันหลิงเกอ แต่เขามิได้ตริตรองให้ละเอียดและทำเพียงเดินออกจากคุกใต้ดินไป

หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็นอนอยู่กับพื้น ความเจ็บที่แขนได้เปลี่ยนเป็นอาการชา แต่ฝ่ามือเมื่อครู่ของฟางหลิงซู่กลับใช้แรงทั้งหมดของเขาจึงทำให้อันหลิงเกอรู้สึกว่าอวัยวะภายในถูกทำร้ายจนหมดและเลือดในกายก็แตกซ่านไม่มีชิ้นดี