หางของงูขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
หางนั้นพุ่งตรงมาที่ตู๋กูซิงหลัน ตู๋กูซิงหลันคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว นางถอยไปด้านข้างก้าวหนึ่ง หางเส้นนั้นพอพุ่งเลยไปก็ตวัดกลับมา ม้วนเข้าใส่เจ้าไก่ขนดำฟู ลากเอาตัวมันลงไปในน้ำทันที
” กุ๊ก กุ๊ก กรู้ ” เจ้าไก่ขนดำฟูพองขนขึ้นมา มันพยายามกระพือปีก สองขาตะกุยจิกลงไปบนกลางหางของงู กรีดลงไปอย่างแรง ถึงกับกรีดทะลุเกล็ดที่หนาดุจเกราะ
ต่างก็ได้ยินแต่เสียงกรีดร้องอย่างวุ่นวายของมัน มันตะกุยอุ้งเท้าลงไปอย่างแรง จนทำให้เกล็ดงูชิ้นหนึ่งหลุดออกมา
เลือดงูสีดำรินไหลทะลักออกมา กระเด็นเปรอะเปื้อนหัวเจ้าไก่ไปหมด
เจ้างูตัวนั้นโผล่มาแต่เพียงแค่หาง เมื่อหางได้รับบาดเจ็บมันก็พยายามจะพลิกตัว คิดจะลากเจ้าตัวประหลาดนี้ลงไปในน้ำ
ไหนเลยจะรู้ว่าเจ้าไก่ขนดำฟูนั้นไม่ได้มีเมตตามาแต่ไหนแต่ไร พอถูกเลือดงูสาดเข้าท่วมหัว มันก็คล้ายกับถูกปลุกเลือดไก่ในกายขึ้นมา จนสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง
ยกหางขึ้นสะบัดปีกกระพือขึ้นลง จนเกิดประกายระยิบระยับไปทั่วทั้งร่าง สะบัดปีกกระพือออกไป
กระพือขึ้นลง กระพือขึ้นลงจนบินขึ้นไป
บินขึ้นไปแล้ว
” เฮ้ย อะไรวะนั่น ที่แท้มันเป็นนกกระจอกเทศตัวหนึ่งหรืออย่างไร ” วิญญาณทมิฬหมอบอยู่บนบ่าของตู๋กูซิงหลัน โดยไม่มีทีท่าว่าจะช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย
เดิมทีมันคิดเอาไว้ว่า พอเจ้าไก่ขนดำฟูถูกกินลงไปแล้ว มันก็จะออกแรงในยามยากช่วยเจ้าไก่แก้แค้น กัดกลืนเจ้าตัวประหลาดในแม่น้ำลงไปสักหลายคำ ถือซะว่าได้กินเจ้าไก่ขนดำฟูนั้นลงไปเหมือนกัน ไก่อ้วนของเราไม่ควรจะเอาไปเลี้ยงดูผู้อื่น
ไหนเลยจะรู้ว่าเจ้าไก่ขนดำฟูนั้นมิใช่ไก่ธรรมดา มันถึงกับบินได้
ไม่เพียงแค่นั้น กรงเล็บของมันถึงกับแหลมคมอย่างที่สุด เจ้างูที่อยู่ในแม่น้ำลี่เหอถึงแม้จะมิได้ปรากฏตัวออกมา แต่แค่เพียงเห็นเกร็ดส่วนหนึ่งของมัน ก็รู้ว่าแล้วว่าแข็งแกร่งอย่างร้ายกาจ เจ้าไก่ขนดำฟูถึงขนาดขอดเกล็ดของมันออกมาได้อย่างง่ายดาย ตะกุยเสียจนเลือดสดไหลนอง
ทำเอาแม้แต่ตู๋กูซิงหลันเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
ในมือของนางยังมียันต์อยู่ใบหนึ่ง ยามนี้เห็นเจ้าติ๊งต๊องสามารถได้เปรียบเหนือหางของเจ้างูยักษ์นั้นได้ ยันต์ในมือจึงยังมิได้ถูกส่งออกไป
” กุ๊ก กุ๊ก กรู้ ” อีกด้านหนึ่ง เจ้าไก่ขนดำฟูยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งห้าวหาญ ปีกของมันเริงระบำยิ่งทียิ่งรวดเร็ว ตัวมันบินโฉบวนอยู่รอบหางของงูยักษ์ ทั้งอุ้งเท้าและจงอยปากโจมตีลงไปพร้อมๆ กัน เพียงพริบตาเดียว ก็ถอดเกล็ดงูออกมาได้อีกหลายแผ่น
ครั้งนี้มันยังถึงกับกลืนกินเนื้องูลงไปอีกหลายคำ พอกลืนลงไปได้คำหนึ่งก็รู้สึกเลยว่ารสชาติยอดเยี่ยมเกินหาใดเทียบ
ถึงกับหยุดไม่ได้อีกต่อไป จิกกินติดต่อกันหลายคำเป็นการใหญ่
นี่มันอร่อยเลิศกว่างูเล็กตะขาบน้อยที่มันจับกินได้ได้ยามปกติมากมายนัก ช่างอร่อยเลอเลิศ
พอจิกกินติดต่อกันไปหลายคำ ร่างกายของมันก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา เลือดไก่พุ่งพล่านไปทั่วทั้งกาย แม้แต่ขนบนตัวของมันก็เปลี่ยนเป็นมีประกายแสงทองส่องออกมา
” กี๊ กี๊ กี๊ ” งูยักษ์ตัวนั้นถูกจิกจนโกรธเกรี้ยว ในที่สุดก็กรีดร้องจนต้องโผล่หัวออกมาครึ่งหนึ่ง
พอหัวของมันเคลื่อนไหว น้ำในแม่น้ำลี่เหอก็เกิดคลื่นหลากล้นออกมา
ดวงตาสีเขียวของมันใหญ่โตราวกับกำปั้นของมนุษย์ หัวของมันใหญ่พอๆ กับหัวกระทิง สายตาของมันจดจ้องไปยังเจ้าไก่ขนดำฟูอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นมันก็อ้าปากสีแดงราวกับเลือดออกมา เผยให้เห็นคมเขี้ยวงูที่แหลมคมอย่างที่สุด ไล่ฉกใส่เจ้าไก่ขนดำฟู
ความรวดเร็วระดับนั้น เกินกว่าที่เจ้าไก่ขนดำฟูจะหลบหลีกได้พ้น เพียงคำเดียวก็กลืนกินมันลงไปทั้งตัว
บนฝั่ง ดวงตาของตู๋กูซิงหลันสาดประกายออกมา ยันต์ในมือเพิ่มขึ้นอีกหลายใบ ติ๊งต๊องเป็นไก่ของนาง ไม่มีทางที่จะปล่อยให้มันไปตายง่ายๆ
วิญญาณทมิฬกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า ” เจ้าอย่าพึ่งใจร้อนสิ เจ้าติ๊งต๊องนั้นย่อยยากอยู่พอสมควร รอให้เจ้างูนั้นย่อยมันสักหน่อย คายขนออกมาสักหลายๆ เส้น พวกเราค่อยตั้งป้ายวิญญาณให้มัน “
ตู๋กูซิงหลัน “………”
” กรงเล็บของมันแหลมคมขนาดนั้น ตอนที่เอามันออกมา เจ้าก็เอาไปทำกริชด้ามใหม่ รับประกันเลยว่าจะต้องใช้ได้ดีกว่าด้ามที่เจ้าถืออยู่อย่างแน่นอน “
ตู๋กูซิงหลันครุ่นคิดอย่างละเอียดละอออยู่ครู่หนึ่ง กรงเล็บของเจ้าติ๊งต๊องนับว่าคมกริบดีจริงๆ หากว่าเอามันทำเป็นกริชจะต้องดีมากๆ แน่
นางกับวิญญาณทมิฬหันไปสบตากัน
ยังไม่ทันจะได้มองตากัน ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังกังวานมาจากภายในหัวของงูยักษ์ ” กะ กะ กะต๊าก “
จากนั้นก็มีแสงเพลิงสาดส่องออกมา ปากขนาดใหญ่ที่มีแต่เลือดของงูระเบิดออกมาจากภายใน แสงเพลิงสีทองขุมหนึ่งพุ่งออกมาจากในปากของมัน สาดส่องจนแม่น้ำลี่เหอสว่างวาบ
” ซัววาลาลา ” เพลิงนั้นเผาไหม้อยู่เหนือแม่น้ำลี่เหอ เกิดเป็นเสียงประหลาดแหวกอากาศออกมา
” วะเฮ้ย โว้ โว้ว เชี่ยแล้ว ” วิญญาณทมิฬด่ากราดออกมา ” เคยได้ยินแต่ว่าอสรพิษจำแลงสามารถเรียกน้ำหลากได้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามันพ่นไฟได้ ทั้งยังเป็นเปลวเพลิงสีทอง “
แม้มันจะตื่นตระหนกตกใจ แต่ความสงสัยกลับมีมากกว่าถึงกับกระโดดโลดเต้นขึ้นมา
แสงเพลิงสีทอง เป็นเพลิงธาตุหยางที่บริสุทธิ์ที่สุด สามารถปราบปรามภูติผีปีศาจอย่างได้ผล
ว่าอย่างนี้ก็แล้วกัน หากว่าตอนนี้ยังมีเหล่าผีร้ายวิญญาณตายโหงอยู่ละก็ มีหวังได้ถูกแผดเผาจนมอดไหม้ วิญญาณสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่อาจเกิดใหม่ได้อีกตลอดกาลเลยทีเดียว
หรือว่านี่จะไม่ใช่อสรพิษจำแลง แต่ว่าเป็นตัวประหลาดชนิดอื่นที่แปลกออกไป
มันลืมตากลมโต มองดูอย่างต้องการจะศึกษาให้ละเอียด
พูดกันตามจริงแล้ว ตอนนี้ตัวมันเองก็เป็นแค่เพียงดวงจิตเท่านั้น หากว่าเข้าไปใกล้เกินไปละก็ อาจจะถูกไฟนี้แผดเผาร่างได้โดยง่าย
ดะ เดี๋ยวก่อน ไอ้ก้อนที่อยู่ในปากงูนั้นมันคือของเล่นอะไรกัน
ทำไมถึงได้ดูแล้วคุ้นตาขนาดนั้น
ทันใดนั้น ตู๋กูซิงหลันเองก็หรี่ตามองไปเช่นกัน ก็เห็นว่าในปากของงู มีเงาของไก่ตัวหนึ่ง มีแสงเพลิงลุกท่วมร่าง สองปีกกระพือขึ้นมา ตอกตรึงหัวงูนั้นเอาไว้
ตู๋กูซิงหลันอยู่ห่างจากมันไม่นับว่าไกลเท่าไร ผ่านไปครู่เดียวก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าสิ่งนั้นถึงกับเป็นติ๊งต๊องจริงๆ
ดวงตาไก่กุ๊กของติ๊งต๊อง ถึงกับมีแสงเพลิงสีทองลุกโชนอยู่
ยามที่ตู๋กูซิงหลันมองไปนั้น มันยังไม่ลืมที่จะโบกปีกข้างหนึ่งขึ้นมาทักทายนาง ส่งเสียงกลับมาหานางว่า ” กุ๊ก กุ๊ก กรู้ “
พี่สาวตัวน้อยโปรดวางใจได้เลย เฮียยังอยู่ดี
ไม่เพียงแค่นั้น เฮียยังได้รับความสามารถใหม่จากเลือดงูด้วย
แสงเพลิงสีทองที่สาดส่องออกมาแต่ละครั้งล้วนออกมาจากร่างของมัน แผดเผาเสียจนงูตัวนั้นกรีดร้องอย่างโหยหวน มันรีดพลังส่งเสียงสำรอกออกมา ก็คายเจ้าติ๊งต๊องกลับไปบนฝั่ง
จากนั้นก็หลบลี้หนีหายลงไปในแม่น้ำลี่เหออย่างรวดเร็ว
” กุ๊ก กุ๊ก กรู้ ” ถูกถุยลงมาบนพื้นเช่นนี้ ติ๊งต๊องก็แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งออกมา
มันใช้ปีกข้างหนึ่งป่ายปัดเศษฝุ่นบนตัวที่ไม่ได้มีอยู่เลยด้วยซ้ำ จากนั้นก็ใช่ดวงตาที่มีประกายทองของมันมองไปยังตู๋กูซิงหลันส่งเสียงกุ๊กกุ๊กกรู้ให้นางอย่างอบอุ่นอ่อนโยนที่สุด
พี่สาวตัวน้อยชมข้าสิ เฮียเก่งมากเลยใช่ไหม
ตู๋กูซิงหลันมองดูติ๊งต๊องที่อยู่ตรงหน้า เห็นแสงทองบนร่างของมันค่อยๆ ลดลงจนเลือนหายไป ร่างกายของมันเติบใหญ่ขึ้นมากว่าช่วงก่อนอยู่มาก เดิมทีก็สูงเกือบครึ่งตัวคนอยู่แล้ว ตอนนี้ถึงกับมีขนาดตัวใหญ่พอๆ กับนกกระจอกเทศที่โตเต็มวัยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอุ้งเท้าคู่นั้น ก็ยิ่งคมกริบขึ้นไปอีก ราบกับว่าถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากเตาไฟ เกิดเป็นประกายแสงเย็นวาบแม้อยู่ในความมืด
สีเทาบนขนปีกคู่นั้นก็จางลงไปไม่น้อย
ตู๋กูซิงหลันราวกับได้ของประหลาดมา สุดท้ายแล้วจะดูอย่างไรก็ยังดูไม่ออกว่าเจ้าติ๊งต๊องนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่
พอถูกแสงทองจากร่างของติ๊งต๊องแผดเผาไปรอบหนึ่ง ไอหยินที่หมุนวนอยู่รอบๆ ก็ถูกแผดเผาจนหายไปหมด แม้แต่ไอวิญญาณแค้นที่รวมตัวอยู่ในอากาศเหนือเมืองลี่โจวเองก็จางหายไปโดยรอบ
ทันใดนั้นเอง เจ้าไก่ขนดำฟูก็ขยับปีกไปมาอีกครั้ง มันส่งเสียง “กุ๊ก กุ๊ก กรู้ไปทางด้านหลังของนาง
ตู๋กูซิงหลันหันหน้ากลับไป ก็เห็นว่าท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด มีไอหยินที่มีความเคียดแค้นอย่างรุนแรงกำลังพุ่งเข้ามาใกล้
หลังจากนั้น ก็เห็นเงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความมืด
พอนางมองดูอย่างละเอียดละออ ก็พบว่านั่นเป็นสตรีผู้หนึ่ง