ในตอนนี้เอง หยวนฉิงเทียนก็ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น และถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะนิ่งสงบ แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

เฉินเฉินลุกขึ้นจากเตียงแล้วเอาหินแปลกๆก้อนหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของของเขาแล้ววางมันเอาไว้บนเตียงโดยไม่พูดอะไร

 

ไม่นานนัก ก็มีเฉินเฉินที่นอนหลับสนิทปรากฎตัวขึ้นบนเตียงและดูเหมือนกำลังหลับอย่างสงบ

 

ตราบใดที่ผู้สืบทอดสำนักชิงหลิงไม่บุกขึ้นมาบนเตียงของเขาในช่วงกลางดึก เธอก็จะไม่มีวันรู้ และเขาก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้

 

หินที่สร้างภากแปลกๆขึ้นมานี้มีชื่อเรียกว่าหินภาพลวง มันคืออุปกรณ์พิเศษของสาขาลวงตาสาขาที่สามของสำนักอสูร ซึ่งสามารถใช้สร้างภาพลวงตาได้ในพื้นที่ที่ระบุ

 

เนื่องจากเขาตั้งใจจะมาบุกสำนักอู๋ซิน เฉินเฉินจึงเตรียมพร้อมมาดี

 

เมื่อคืนก่อน เขาได้ไปเยี่ยมบุคคลที่แข็งแกร่งและมีอำนาจหลายคนของสำนักอสูร

 

ในตอนที่หยวนฉิงเทียนลอบสังหารฉงเย่ เขาได้พกอุปกรณ์ที่มีพิษอันน่ากลัวมามากมายอย่างเช่น ‘ความพิโรธของมนุษย์’ และเฉินเฉินก็คิดว่าในเมื่อเขาอยู่ในสำนักอู๋ซิน เขาก็ต้องพกอุปกรณ์มาบ้าง

 

“ศิษย์พี่ พวกเราจะทำยังไงกับยอดฝีมือแก่นทองคำที่อยู่ตรงลานกว้างครับ?” หยวนฉิงเทียนถามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร แม้ว่าเขาที่ตัวคนเดียวจะไม่สามารถฆ่าผู้อาวุโสแก่นทองคำได้ แต่เขาก็ยังสามารถร่วมมือกับเฉินเฉินได้

 

“ไม่ต้องไปสนใจหรอก” เฉินเฉินพูดในขณะที่เอาห่อของอีกชิ้นหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของของเขา

 

จากนั้นเขาก็กระจายมันให้ฟุ้งในอากาศ ซึ่งมันก็หายไปอย่างสมบูรณ์หลังจากที่มันผสานเข้ากับอากาศ หัวใจของหยวนฉิงเทียนเต้นรัวเพราะเขารู้สึกกลัว

 

“นี่คือผงล่อลวงจากสาขาที่หก มันไม่มีสี ไร้รสและมองไม่เห็น ดังนั้นผลกระทบจึงจำกัดอยู่ที่การทำให้คนถูกล่อลวงโดยไม่รู้ตัว”

 

เฉินเฉินกลั้นหายใจและอธิบายเบาๆ

 

หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด หยวนฉิงเทียนก็เริ่มกลั้นหายใจเหมือนกัน

 

หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที เฉินเฉินก็พาหยวนฉิงเทียนไปที่ลานกว้างอย่างระมัดระวัง เขาเอาเจ้าถั่วเขียวออกมาและทำลายการยับยั้งที่ลานกว้าง

 

พวกเขาทั้งสองคนออกไปจากตัวอาคารอย่างเงียบๆ

 

อาคารส่วนใหญ่ในสำนักอู๋ซินนั้นสว่างในตอนกลางคืน พร้อมกับมีศิษย์คอยเดินลาดตระเวนเป็นพักๆ ในขณะที่มองวังต่างๆ หยวนฉิงเทียนก็ตกตะลึง

 

‘ข้าควรจะเริ่มยังไงดี?’

 

“ศิษย์พี่ พวกเราชิงตัวศิษย์มาซักคนแล้วถามหาที่อยู่ห้องสมบัติดีไหมครับ?”

 

“เจ้าคิดว่าพวกศิษย์จะรู้รึไง?” เฉินเฉินถามอย่างถากถาง พร้อมกับกลอกตา

 

“ถ้างั้นพวกเราจับตัวผู้อาวุโสดีไหมครับ?”

 

“เงียบไปซะ!”

 

หยวนฉิงเทียนปิดปากเงียบในทันที วันนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้มากขึ้นแล้วพูดให้น้อยลง

 

“ระบบ สถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นกว่านี้อยู่ตรงไหน?”

 

เฉินเฉินถามระบบ

 

“สามสิบเมตรทางขวาไกลๆค่ะ” ระบบตอบอย่างเย็นชา

 

พูดตามตรง ความหนาแน่นของพลังวิญญาณในรัศมีสามสิบเมตรรอบตัวเขานั้นแทบจะเหมือนกัน เซียนจะสามารถตรวจจับความแตกต่างเพียงเล็กน้อยได้หลังจากที่ไปถึงขั้นแก่นทองคำ

 

“ตามข้ามา!”

 

เฉินเฉินเดินนำหยวนฉิงเทียนไปทางขวาอย่างระมัดระวัง และมันก็ใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะมาถึงลานกว้างอีกแห่งหนึ่ง

 

ไม่มีการยับยั้งอยู่ในลานกว้างนี้และมันก็ดูเหมือนกับที่พักอาศัยของศิษย์

 

ในขณะที่เฉินเฉินแอบเข้ามาอย่างเงียบๆ เขาก็ได้ยินเสียงเบาๆดังมาจากข้างใน

 

“ฉงเย่ตายแล้ว! วิเศษจริงๆ! เพียงเท่านี้ข้าก็จะมีโอกาสได้กลายเป็นผู้สืบทอดคนใหม่ของสำนักอู๋ซิน! และเมื่อเวลามาถึง ศิษย์พี่หญิงเฉียนก็มีแต่จะต้องยอมจำนนต่อข้า!”

 

ผ่านแสงสลัว เฉินเฉินเห็นศิษย์ผู้ชายหน้าตาดีคนนึงอยู่ข้างในกำลังช่วยตัวเองด้วยมือขวาในขณะที่ส่งเสียงครางด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว

 

“ธาตุแท้ของมนุษย์จะแสดงให้เห็นแค่ช่วงกลางดึกสินะ…” เฉินเฉินพูดไม่ออกและจากนั้นก็มองไปทางหยวนฉิงเทียนด้วยสายตาคุกคาม

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ หยวนฉิงเทียนก็แอบเข้าไปในห้องของเขาและฆ่าศิษย์สำนักอู๋ซินด้วยการโจมตีเดียว

 

เมื่อรู้สึกว่ากลิ่นเลือดเริ่มฟุ้งกระจาย เฉินเฉินก็เดินเข้ามาพร้อมกับหยิบขวบใบหนึ่งออกมาและเทสารที่อยู่ข้างในลงบนตัวศพ

 

ในตอนนี้เอง ศพก็หายไปและกลิ่นเลือดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย แถมมันยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วยซ้ำ

 

เมื่อเห็นฉากนี้ หยวนฉิงเทียนก็ตกตะลึง

 

“มัวมองอะไรอยู่!? นี่คือผงละลายศพมืออาชีพของสาขาปรับแต่งศพ มันเป็นเครื่องมือที่จำเป็น!” เฉินเฉินพูดอย่างใจเย็นในขณะที่เขาเก็บขวดที่ว่านี้

 

“ไม่ครับ…ไม่มีอะไร ข้าก็แค่คิดว่าท่านเชี่ยวชาญมากจนทำให้ข้ารู้สึกกลัวนิดหน่อย” หยวนฉิงเทียนส่ายหัว ดวงตาของเขามีความหวาดกลัวเล็กน้อย

 

เฉินเฉินจ้องเขาแล้วเก็บเบาะนั่งสมาธิที่ศิษย์สำนักอู๋ซินนั่งอยู่ แล้วเขาก็ถามขึ้น “เจ้าเป็นนักฆ่า เจ้าจะกลัวอะไร? เมื่อเทียบกันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าทำแบบนี้เพื่อสำนักอสูรและตอนนี้มโนธรรมของข้าก็กำลังเจ็บปวดอยู่ เจ้าเข้าใจบ้างไหม?”

 

ในทันทีที่เฉินเฉินพูดแบบนั้น เขาก็เอาหุ่นเชิดขนาดเท่ามนุษย์ออกมาจากแหวนเก็บของ มันมีร่างกายแข็งแรงและตัวใหญ่พอๆกับคนสองคน

 

“นี่มัน…นี่คืออะไรเหรอครับ?” หยวนฉิงเทียนถามถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากพูดก่อนเพราะเขาไม่สามารถเก็บความสงสัยเอาไว้ได้

 

“เครื่องขุดของสาขาหุ่นเชิด ข้างหน้าของสว่านเป็นวัตถุวิญญาณที่สามารถดูดซับดินได้อย่างเงียบๆ รีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า!”

 

ในตอนที่เฉินเฉินพูด เครื่องจักรก็ได้ขุดหลุมแล้วและหยวนฉิงเทียนก็กำลังตกตะลึงอยู่

 

ภายใต้แรงจูงใจของพลังวิญญาณ เครื่องขุดก็รีบเจาะผิวดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว และในตอนที่มันจมเข้าไปในพื้น เฉินเฉินก็เดินออกมาจากเครื่องขุดและใช้หมอนปิดรูเอาไว้ จากนั้นก็กลับไปหาเครื่องจักร

 

“ระบบ ในรัศมี 30 เมตรพื้นที่ตรงไหนมีพลังวิญญาณหนาแน่นที่สุด?”

 

“ดินตรงสามสิบเมตรทางใต้ค่ะ!”

 

เฉินเฉินทำตามคำแนะนำของระบบและทำการขุดไปตามนั้น เขาต้องยอมรับเลยว่ามันมีประโยชน์มาก

 

วัตถุวิญญาณที่กลืนกินดินอย่างต่อเนื่องและปล่อยออกมาที่ด้านหลัง ทั้งกระบวนการนี้เงียบเชียบและมีประโยชน์กว่าเครื่องขุดดินที่เสียงดังน่ารำคาญหลายเท่า!

 

“ศิษย์พี่ พวกเรากำลังจะไปที่ไหนครับ?”

 

“จุดพลังวิญญาณสูงสุดของสำนักอู๋ซิน” เฉินเฉินตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

 

ณ ขณะนี้ เขาไม่มีโอกาสตรวจจับพื้นที่ขนาดใหญ่เลย ดังนั้นเขาจึงพึ่งพาได้แค่การตรวจจับขนาดเล็กด้วยการเดินทางไปยังสถานที่ที่ที่มีพลังวิญญาณใต้ดินหนาแน่นที่สุดของสำนักอู๋ซินด้วยความหวังที่ว่าเขาจะไปถึงสถานที่ที่มีจุดพลังวิญญาณสูงสุดของสำนักอู๋ซินตั้งอยู่ในที่สุด

 

“เอ๊ะ! จุดพลังวิญญาณสูงสุด! ถ้าเกิด…”

 

ดวงตาของหยวนฉิงเทียนเต็มไปด้วยความตกใจและเขาก็ไม่กล้าคิดต่อเลย ถ้ามีอะไรผิดพลาด สภาพแวดล้อมทั้งหมดของสำนักอู๋ซินจะเปลี่ยนไปและนั่นก็จะทำลายรากฐานของสำนักอู๋ซิน!

 

เขาจินตนาการถึงภาพที่ถูกสำนักอู๋ซินไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งด้วยซ้ำ

 

ถึงยังไง ผู้สืบทอดและเจ้าสำนักก็ยังสามารถชุบเลี้ยงใหม่ได้แต่เมื่อรากฐานถูกทำลาย มันก็จะเลวร้ายมาก

 

ในขณะที่เขาจินตนาการถึงมันอย่างต่อเนื่อง เครื่องขุดก็หยุดเหมือนกันและเฉินเฉินก็หยุดเหมือนกันแล้วเขาก็เดินออกจากมันเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่

 

มีกำแพงหินอยู่ตรงหน้าพวกเขา

 

พูดให้ถูกก็คือมันเป็นกำแพงหินวิญญาณขนาดยักษ์!

 

“พวกเราเจอโชคเข้าแล้วสิ…. เจ้านี่จะต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 หินวิญญาณแน่ ๆ!” หยวนฉิงเทียนอุทานด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่เขาก็แทบจะเสียศูนย์

 

เฉินเฉินจ้องเขาอย่างดูถูกและจากนั้นก็เอาดาบยาวออกมาสองเล่มจากแหวนเก็บของ ซึ่งเขาได้โยนเล่มนึงไปทางหยวนฉิงเทียน

 

“เริ่มขุดได้แล้ว นี่คือดาบทำลายวิญญาณที่ใช้ในการขุดหินวิญญาณ”

 

หลังจากที่พูดเช่นนั้น เฉินเฉินก็ไม่รอช้าเหมือนกันแล้วเขาก็ใช้ดาบฟันกำแพง

 

ดาบทำลายวิญญาณนั้นทรงพลงมากและมันก็สามารถฟันหินวิญญาณได้ง่ายเหมือนกับหั่นเต้าหู้ ไม่นานนัก เฉินเฉินก็ฟันจนเกิดเป็นทางเดินขึ้นมา

 

เมื่อเห็นว่าหยวนฉิงเทียนยังคงขุดตรงอื่นอยู่ เฉินเฉินก็ตำหนิ ด้วยความหวังที่ว่าเขาจะดีขึ้นกว่านี้ “เจ้าช่วยทำตัวไร้ประโยชน์ให้น้อยลงอีกหน่อยได้ไหม? จะมาขุดหินวิญญาณระดับต่ำอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร? ตามข้าเข้าไปส่วนลึกสุดได้แล้ว!”

 

“ได้ครับ…ได้เลยครับ!” หยวนฉิงเทียนตอบอย่างลนลาน ณ ตอนนี้ เขาถูกเฉินเฉินโน้มน้าวแล้วและวิธีเดียวที่เขาจะแสดงความเคารพได้ก็คือการทำตามคำสั่ง

 

 

ชายสองคนได้ขุดหินวิญญาณไปเป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงและขุดเป็นทางเดินไปได้ลึกประมาณ 50 เมตร ตอนนี้รอบตัวพวกเขาประกอบไปด้วยหินวิญญาณ

 

ตอนนี้หยวนฉิงเทียนมือชาแล้ว

 

เหมืองใต้ดินของสำนักอู๋ซินมีหินวิญญาณซ่อนอยู่ข้างในนับไม่ถ้วน เท่าที่เขาเห็นมาตลอดการเดินทางนั้นมันน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านแล้ว

 

ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าไหร่ คุณภาพของหินวิญญาณก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้นและตอนนี้ พวกเขาก็ถูกห้อมล้อมด้วยหินวิญญาณระดับกลางที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม!

 

“มีจุดขุดหินวิญญาณระดับกลางอยู่แค่แห่งเดียวในรัฐจิน… ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงและถูกควบคุมโดยสำนักอู๋ซิน ข้าไม่นึกเลยว่าสำนักอู๋ซินจะมีแหล่งที่ดีกว่านั้นอีก!”

 

เฉินเฉินอุทานในขณะที่ขุด

 

 

ในตอนที่เขาค้นหาภูเขาเทียนหยุน เขาก็ได้เจอกับจุดพลังวิญญาณสูงสุดซึ่งเป็นเหมืองหินวิญญาณระดับต่ำ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับจุดพลังวิญญาณสูงสุดของสำนักอู๋ซินนี้ มันก็ดูด้อยไปเลย ไม่แปลกใจเลยที่สำนักอู๋ซินสามารถคงสภาพการทำงานของค่ายกลได้ตลอดทั้งปี

 

หลังจากที่ถอนหายใจ เฉินเฉินก็ขุดเข้าไปเจอพื้นที่ว่าง ในตอนนี้เองเขาก็ได้พบพื้นที่แก่นกลางขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา

 

“พลังวิญญาณที่นี่หนาแน่นมาก!” หยวนฉิงเทียนอดอุทานออกมาไม่ได้หลังจากที่เข้ามาในพื้นที่นี้

 

อันที่จริง พลังวิญญาณในพื้นที่แห่งนี้ไม่สามารถใช้คำว่าหนาแน่นได้ เพราะมันเปลี่ยนสภาพเป็นหมอก และทั้งพื้นที่ก็เต็มไปด้วยหมอกพลังวิญญาณที่ทำให้การมองเห็นของพวกเขาพร่ามัว

 

เฉินเฉินเองก็ก้าวเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้เหมือนกันและภายใต้การชี้นำของระบบ เขาก็มาถึงศูนย์กลางของพื้นที่นี้อย่างรวดเร็ว

 

เบื้องหน้าเขา มีคริสตัลโปร่งแสงที่มีขนาดใหญ่เท่าบ้านอยู่ ที่ใจกลางของคริสตัล มีแสงหลากสีส่องประกายระยิบระยับซึ่งดูเหมือนจะบดบังของที่มีค่ามากๆเอาไว้อยู่

 

เฉินเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วถามในใจ “ระบบ ของที่มีค่าที่สุดในละแวกนี้อยู่ที่ไหน?”

 

“มีคริสตัลปฐพีอยู่ในแก่นกลางของจุดพลังวิญญาณสูงสุดที่ระยะสามเมตรตรงหน้าท่านเจ้าของค่ะ”