เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 567
ตอนนี้ดูเหมือนว่า

นี่คือจิ้งจอกเฒ่าที่เจ้าเล่ห์ซะกว่าเย่เทียนและหลันเจิ้น!

“อย่ามองข้าแบบนั้น!”

เย่หลงหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา พร้อมกับพูดด้วยสีหน้านิ่ง: “สถานะราชาตงไห่ของเจ้า เพียงแค่ตรวจสอบสักหน่อยก็รู้แล้ว มันไม่ใช่ความลับที่ยิ่งใหญ่อะไร”

ซึ่งก็จริง

ตัวตนของหยางเฟิงในฐานะราชาตงไห่ ไม่ใช่ความลับที่ยิ่งใหญ่อะไร

เพียงแค่มีคนสนใจอยากที่จะรู้ ตรวจสอบดูสักหน่อยก็รู้แล้ว

เพราะจริงๆ แล้ว

เรื่องที่หยางเฟิงล้างบางตระกูลหลันที่ตงไห่ ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถปิดบังทุกคนได้!

เมื่อคิดได้เช่นั้น

หยางเฟิงก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านผู้เฒ่า ดูเหมือนว่าข้าจะปิดบังอะไรท่านไม่ได้เลย!”

เขายังไม่ทันได้พูดเสร็จ

เย่เทียนก็ส่ายหัวและพูดขึ้นมา “ไม่! แม้ข้าจะรู้ว่าเจ้าเป็นราชาตงไห่ แต่ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องมีอีกตัวตนหนึ่งที่ลึกลับยิ่งกว่านั้น!”

ทันทีที่ได้ยิน

หยางเฟิงก็รู้สึกตกใจมาก!

หรือว่า…

เย่หลงรู้ ตัวตนของเขาในฐานะเทพสงครามอันดับหนึ่งของต้าเซี่ย?

ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง

ไอ้แก่คนนี้มันก็ไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว!

ต้องรู้ก่อนไว้

ในต้าเซี่ย คนที่รู้ว่าหยางเฟิงคือเทพสงคราม

มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

“ท่านผู้เฒ่า ท่านยังรู้จักตัวตนอื่นของข้าอีกหรือ?” หยางเฟิงถามด้วยใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ทำทีเหมือนว่าคุยถามปกติ

เขาได้วางแผนไว้ในใจแล้ว

ถ้าเย่หลงเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่เจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างที่เขาคิดจริง และมีแผนชั่วร้ายอยู่ละก็

แม้ว่าจะเป็นคนแก่อายุร้อยปีก็ตาม

หยางเฟิงก็จะกำจัดเขาโดยไม่ลังเล!

หยางเฟิงจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยของต้าเซี่ย!

ดูเหมือนว่าเย่หลงจะไม่รู้สึกได้ถึง เจตนาฆ่าลึกๆ ในแววตาของหยางเฟิง

เขาถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับส่ายหัวและพูดว่า “มองไม่ออก! มองไม่ออกจริงๆ! แม้ว่ามีชีวิตอยู่มาเป็นร้อยปี พบเจอสงครามและความเปลี่ยนแปลงอะไรมามากมาย ”

“แต่ข้าก็ยังมองเจ้าเด็กนี่ไม่ออก! เจ้าทำให้ข้ารู้สึกราวกับว่า ทั้งตัวนั้นเจ้านั้นกำลังหลบซ่อนอยู่ในชั้นหมอกที่หนามาก ตัวตนฉากหน้าของเจ้าคือลูกเขยแต่งเข้าของตระกูลเย่ แต่ตัวตนที่แท้จริงของเจ้า เกรงว่าแม้แต่เมียเจ้าก็ยังไม่รู้”

“ข้ามองหน้าเจ้าแล้วมีเค้ารางคล้ายองค์จักรพรรดิอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ตำแหน่งเจ้ามังกรมีคนอื่นเป็นอยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้โลกสงบสุขร่มเย็น ประเทศสงบสันติ ประชาอยู่เย็นเป็นสุข จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่เจ้าจะคิดกบฏ ข้าเลยมองไม่ออกจริงๆ

ฟังคำพูดของเย่หลงแล้ว

หยางเฟิงภายนอกดูสงบ

แต่ลึกลงไปข้างในใจ คลื่นพายุได้เริ่มก่อตัวขึ้น

เย่หลงคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ!

แม้เขาจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหยางเฟิง

แต่ก็พูดคาดเดาได้ใกล้เคียงมาก

หยางเฟิงแม้จะไม่ใช่องค์จักรพรรดิ

แต่

เขาเป็นน้องชายร่วมสาบานของเจ้ามังกรคนปัจจุบัน!

เรียกได้จริงๆ ว่า ใต้คนคนเดียว เหนือคนนับหมื่น!

ฮ่าๆ!

หยางเฟิงหัวเราะแห้งๆ ขึ้นมาทันที และพูดปกปิดว่า: “ท่านผู้เฒ่า ท่านพูดเล่นเก่งจริงๆ! หากข้าเป็นองค์จักรพรรดิ

ข้าคงจะไม่อยู่ที่เล็กๆ อย่างตงไห่และไปเป็นเขยแต่งเข้าอะไรนั่นหรอก ข้าควรจะไปอยู่ที่เมืองหลวงจงโจวโน่น จะมีเวลาว่างมาคุยเล่นกับท่านแบบนี้ได้ที่ไหน”

เมื่อเห็นว่าหยางเฟิงปฏิเสธที่จะบอกความจริง

เย่หลงโบกมือของเขา: “เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนั้นละ พวกเรามาพูดเรื่องชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรกันเถอะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น

สีหน้าของหยางเฟิงก็เริ่มจริงจังขึ้นมา

พูดเพ้อเจ้อมาตั้งนาน

ไอ้แก่นี่ในที่สุดก็เข้าประเด็นสักที!

พูดตามตรงแล้ว

หยางเฟิงรำคาญที่สุดคือการพูดคุยกับจิ้งจอกเฒ่าประเภทนี้

พูดอะไรก็วนเวียนครุมเครือ

และมีความหมายแอบแฝงไปหมด

แต่ก็ไม่เข้าประเด็นสักที

บางครั้ง ก็ทำให้คนร้อนใจจนน่าหงุดหงิด!

หยางเฟิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ท่านผู้เฒ่า ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรนี่มันยังไงกันแน่?”

เขางงงวยไปหมด

หมู่บ้านเล็กๆ อย่างหมู่บ้านตระกูลเย่ ทำไมถึงได้มีของล้ำค่าอย่าง ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร ซ่อนอยู่ได้?

สมัยก่อน

เพื่อที่จะแย่งชิงชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร ไม่รู้มีคนตายไปกี่คน

ส่วนหยางเฟิงก็ได้ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาโดยบังเอิญ!

ถึงทำให้เขาเป็นเทพสงครามอันดับหนึ่งของต้าเซี่ยได้!

พริบตาเดียว

สีหน้าของเย่หลงก็เปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างมาก