เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 566
“เจ้าพันธมิตรหยาง วันครั้งหน้าไม่ว่าจะเรื่องอะไร พวกข้าก็ยินดีที่จะพลีชีพเพื่อท่านครับ!”

ตึง!

ตึง!

พอเสียงคำพูดหายไป

ทั้งสองก้มหัวลงกับพื้นเพื่อคำนับหยางเฟิงโดยไม่ลังเล

เมื่อเห็นเช่นนี้

รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยางเฟิง

เขารู้ว่า

จางเทียนซานและไป๋หลิงหลงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว!

ที่หยางเฟิงยอมรับจางเทียนซานและไป๋หลิงหลงไว้

เพราะมีจุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง

ก็คือต้องการให้จางเทียนซานและไป๋หลิงหลงเป็นตัวแทนของเขาในบู๊ใต้!

เนื่องจากว่า

ไม่ช้าก็เร็ว หยางเฟิงต้องมุ่งหน้าไปทางเหนือต่อ!

เมื่อถึงตอนนั้น

ทั่วทั้งบู๊ใต้ในต้าเซี่ยจะเข้าสู่สภาวะสูญญากาศทางการเมือง

เพื่อป้องกันการความโกลาหลในภาคใต้ ไม่ให้เกิดเรื่องเหมือนคราวเฉินป้าเซียนอีก

เขาต้องสนับสนุนให้มีตัวแทน!

“พวกเจ้า ลุกขึ้นเถอะ!” หยางเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณ เจ้าพันธมิตรหยาง!”

ณ ตอนนี้

สายตาที่ทั้งสองมองไปยังหยางเฟิง เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ

หยางเฟิงกล่าวเบาๆ : “พวกเจ้าสองคนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ข้าจะเข้าไปคนเดียว!”

พูดจบ

หยางเฟิงก็ก้าวขาเข้าไปในหอบรรพบุรุษ

ภายในหอบรรพบุรุษที่ใหญ่โต มีเย่หลงอยู่แค่คนเดียว

ณ ขณะนี้

เย่หลงกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ หลับตาทั้งสอบข้าง เหมือนกับว่ากำลังพักผ่อนสายตาอยู่

หยางเฟิงไม่ได้รบกวน

และเดินตรงไปนั่งที่ข้างหน้าเขา

รินชาให้ตัวเองแก้วหนึ่ง และค่อยๆ จิบเพียงไม่กี่คำ หลังจากนั้นจึงพูดออกมาช้าๆ ว่า: “ชาภูเขาป่านี่ดีจริงๆ มีกลิ่นเฉพาะตัว!”

ตอนนี้

เย่หลงก็ลืมตาขึ้น

เขาจ้องเขม็งไปที่หยางเฟิงและพูดด้วยความอารมณ์เสีย: “ไอ้เด็กน้อย ดื่มช้าๆ หน่อย! ชาภูเขาป่านี้ ข้าเก็บมาจากป่าเก่าแก่ในหุบเขาลึก! อย่าดื่มหมดนะ ไม่งั้นข้าจะไม่มีดื่ม!”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่หลงพูด

หยางเฟิงไม่ได้สนใจมากนัก

เขาหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านมีชาดีขนาดนี้ ทำไมครั้งที่แล้วไม่แบ่งให้ข้าสักกิโลล่ะ?”

ได้ยินเช่นนั้น

มุมปากของเย่หลงก็กระตุกขึ้นมาเอง

ต้องรู้ก่อนว่า ชาภูเขาป่าเหล่านี้มาจากเป็นต้นชาอายุหลายศตวรรษในภูเขาลึกของหมู่บ้านตระกูลเย่ ปีหนึ่งเก็บได้แค่ไม่กี่กรัม

จะให้แบ่งให้หยางเฟิงสักกิโล?

กล้ามาก?

เย่หลงขี้เกียจจะสนใจหยางเฟิงคนหน้าหนา เลยถามเบาๆ ว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่? มีเวลามาดูโครงกระดูกแก่ๆ อย่างข้าด้วย?”

หยางเฟิงอดไม่ได้ที่จะทำหน้าเซ็งแบบหมดคำพูด

จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้…

เขาพูดอย่างจนใจ: “ไม่ใช่ว่าปู่น้อยเขียนจดหมายเรียกข้ามาเหรอ? ทำไมถึงมาถามข้าตอนนี้ละ? ท่านล้อข้าเล่นสินะ?”

ฮ่าๆ!

เย่หลงหัวเราะเบาๆ และไม่ตอบคำถามของหยางเฟิง แต่ถามกลับว่า “พวกขยะข้างนอกนั่น เจ้าเก็บกวาดหมดแล้วเหรอ?”

เอ๋?

หยางเฟิงมองตาโต และถามด้วยความประหลาดใจเป็นครั้งแรก “ท่านผู้เฒ่า ท่านรู้ได้ยังไง?”

ตัวหยางเฟิงเองเพิ่งมาถึงที่นี่

และเย่หลงก็อยู่ในหอบรรพบุรุษตลอด

ตามเหตุผลแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก

หรือว่าจะมีติดตั้งอินทราเน็ต?

หยางเฟิงมองไปรอบๆ

แต่เขาไม่เห็นกล้องวงจรปิดเลย!

“ไม่ต้องมองหาแล้ว!”

เมื่อเห็นว่าหยางเฟิงกำลังมองไปรอบทิศ เย่หลงก็พูดอย่างอารมณ์เสีย “ที่นี่ ไม่มีของเล่นหรูหราแบบในเมืองของเจ้าหรอกนะ”

หยางเฟิงอดยิ้มเยาะไม่ได้ พร้อมกับถามด้วยความสงสัย “ท่านผู้เฒ่า งั้นท่านรู้ได้ยังไง?”

ไม่มีอินทราเน็ต?

และเย่หลงก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก?

หรือว่าเขามีตาที่มองทะลุสิ่งของได้?

เย่หลงพูดอย่างเฉยเมย: “อาศัยความแข็งแกร่งของราชาตงไห่ต่อกรกับพวกลูกกระจ๊อก มีเหรอที่จะจัดการไม่ได้?”

ในชั่วพริบตา

ดวงตาของหยางเฟิงก็เปล่งประกายขึ้นมา

เขามองไปที่เย่หลงอย่างอึ้งๆ!

สถานะราชาตงไห่ของเขา

แม้แต่ในตงไห่ ก็น้อยคนนักที่จะรู้

แต่เย่หลง

เป็นเพียงชายชราที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านตระกูลเย่มาลอดและไม่ค่อยสนใจฟังเรื่องข้างนอก แล้วเขารู้ได้อย่างไร?

ทันใดนั้น

สายตาของหยางเฟิงที่มองเย่หลงก็เปลี่ยนไป

เขารู้สึกรางๆ มานานแล้วว่า ไอ้แก่คนนี้ไม่ธรรมดา