บทที่ 550 คารวะเจ้าหอ คารวะหัวหน้าเผ่า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 550 คารวะเจ้าหอ คารวะหัวหน้าเผ่า
มุมปากของเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันขยับแล้วขยับอีก อยากจะพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา เพียงแค่ถอนหายใจ ประคองน่าหลันหลิงลั่วจากไป รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าว “สีถันจู่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหอหนึ่งในหล้า ท่าน……”

สีชิ่นยืนขึ้น ลูบเส้นผมสลวยของตัวเองด้วยความสวยหยาดเยิ้ม เดินบิดเอวอย่างอรชรขึ้นไปข้างหน้า ปิดปากยิ้มแล้วกล่าว “รองหัวหน้าเผ่าซือคง เรื่องนี้แน่นอนว่า……มีความเกี่ยวข้องกับหอหนึ่งในหล้าของพวกเราเป็นธรรมดา”

“อ๋อ…….” รองหัวหน้าเผ่าซือคงลากหางเสียงยาว

ทุกคนล้วนพากันมองไปทางสีชิ่น

หรือว่าหอหนึ่งในหล้าจะเป็นปฏิปักษ์กับเผ่าเทียนเฟิ่นเพียงเพราะคนระดับสองผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ?

ไม่…….

แม้อำนาจของพวกเขาจะยิ่งใหญ่เพียงใด เผชิญหน้ากับเผ่าเทียนเฟิ่นก็ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้พวกเขาแม้แต่น้อย

แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึง

บนใบหน้าอันสวยหยาดเยิ้มของสีชิ่นจริงจังขึ้นอย่างฉับพลัน สะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทางผ่าเผย คุกเข่าข้างหนึ่งไปทางกู้ชูหน่วน ท่าทางเคารพนอบน้อม

“ข้าน้อยถันจู่หอหนึ่งในหล้าสีชิ่น คารวะเจ้าหอ ขอให้เจ้าหอมีความสุขสุขภาพแข็งแรง”

ตื้ด……

ทั้งหมดในเหตุการณ์สูดหายใจด้วยความตกตะลึง

ดวงตาของทุกคนมองไปทางสีชิ่นพร้อมกันอีกครั้ง แล้วก็มองไปทางกู้ชูหน่วน ตกอยู่ในภวังค์อยู่นาน

แม้แต่เย่จิ่งหานและจอมมารก็อึ้งไปแล้ว

เจ้าหอ?

สีชิ่นเรียกกู้ชูหน่วนว่าเจ้าหอ?

หรือว่ากู้ชูหน่วนเป็นนายหญิงของหอหนึ่งในหล้าเช่นนั้นหรือ?

จะเป็นไปได้อย่างไร……

กู้ชูหน่วนเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ จะมีอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร?

รองหัวหน้าเผ่าซือคงลุกขึ้นยืนทันที “เจ้าเรียกนางว่าอะไร? เจ้าหอ? นางคือเจ้าหอของหอหนึ่งในหล้ารึ?”

“นอกจากนาง ยังจะมีผู้ใดที่มีคุณสมบัติเป็นเจ้าหอหนึ่งในหล้าของพวกเราได้อีก”

สีหน้าของสีชิ่นทั้งผยองทั้งตื่นเต้น

แยกกับเจ้าหอมานานขนาดนั้น พวกเขาทั้งหมดล้วนปรารถนาให้เจ้าหอกลับมา

“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร……ท่านไม่ได้จำผิดใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสเฉินเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน

สีชิ่นมีท่าทางดูแคลน “ข้าจะไม่รู้จักว่าเจ้าหอของตัวเองเป็นผู้ใดเลยเชียวหรือ?”

เย่จิ่งหานและจอมมารมองไปที่กู้ชูหน่วนพร้อมกัน ใช้สายตาแสดงเจตนาถาม

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเขินอาย และผายมือออกอีกครั้ง

มองนางทำอะไร?

นางเป็นเพียงแค่คนที่ข้ามเวลามาเท่านั้น เรื่องราวก่อนหน้านี้ นางก็ไม่มีความทรงจำ แล้วนางจะรู้ได้ที่ไหนล่ะว่าตัวเองจะกลายเป็นเจ้าหอแห่งหอหนึ่งในหล้า?

ตัวนางเองก็ยังงงอยู่เลย

ทีแรกก็เป็นเพียงแค่คุณหนูสามตัวเล็กๆผู้หนึ่งที่ไม่ได้รับความรักความเอ็นดูของจวนเฉิงเซี่ยง กลับมีตัวตนหุ้มอยู่มากมายขนาดนี้อย่างกะทันหัน

เย่จิ่งหานกัดฟันกรอด “ตัวตนของเจ้า ช่างมีมากมายจริงๆ”

กู้ชูหน่วนไม่มั่นใจ “ที่ไหนล่ะ ก็แค่ตัวตนเหล่านี้ละมั้ง”

“ก็แค่…..หรือว่าเจ้ายังมีตัวตนอื่นอีกเช่นนั้นหรือ?”

“นี่……”

นอกจากเจ้าสำนักอสุรา หัวหน้าเผ่าหยก…….

ก็เหมือนว่าจะไม่มีแล้วล่ะมั้ง……

จอมมารหัวเราะฮาๆยกใหญ่ “สมกับที่เป็นพี่สาวของข้าจริงๆ หอหนึ่งในหล้า น่าเกรงขาม”

กู้ชูหน่วนกระแอมเบาๆสองสามที “อะไรใครผู้นั้น เจ้าลุกขึ้นมาก่อนเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

สีชิ่นลุกขึ้น ทำความเคารพแล้วไปรออีกด้านหนึ่ง ใบหน้าเต็มใบด้วยความปีติยินดีและความตื่นเต้น ราวกับว่ามีคำพูดนับหมื่นพันอยากจะพูดกับกู้ชูหน่วน

กลับไปมองดูคนของเผ่าเทียนเฟิ่นแต่ละคนใบหน้ากลับเขียวแล้ว

หอหนึ่งในหล้าที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แท้จริงแล้วคือกองอำนาจของกู้ชูหน่วน……

วันนี้หากไม่บีบคอให้นางตายไปที่นี่ ความยุ่งยากหลังจากยังจะน้อยอีกหรือ?

รองหัวหน้าเผ่ามองไปทางไป๋จิ่น กล่าวว่า “ทูตไป๋จิ่น เรื่องนี้ เผ่าน้ำแข็งของพวกท่านคงจะไม่เข้าร่วมสินะ?”

ไป๋จิ่นยืนขึ้นมาด้วยความสง่างาม เรียนแบบการลูบเส้นผมที่ขมับของสีชิ่น เสียงหวานชัดเจน

“รองหัวหน้าเผ่าซือคง ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว เรื่องนี้ เผ่าน้ำแข็งของพวกเราต้องยุ่งด้วยอย่างแน่นอนอยู่แล้ว”

“อ๋อ……ไม่รู้ว่าทูตไป๋จิ่นจะยืนอยู่ทางไหน?” คำพูดของเขามีความหมายในการข่มขู่

แต่ราวกับว่าไป๋จิ่นจะฟังความหมายในคำพูดของเขาไม่ออก

เพียงแค่ยกแขนเสื้อขึ้น คุกเข่าต่อหน้ากู้ชูหน่วนด้วยความเคารพ “ข้าน้อยไป๋จิ่นหนึ่งในสี่ทูตผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าน้ำแข็ง คารวะหัวหน้าเผ่า”