บทที่ 51 สามนัด โดย Ink Stone_Fantasy
รู้สึกเหมือนมีอะไรตบที่หน้าเขาเบาๆ วิคเตอร์จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ
สิ่งแรกที่เขาเห็นไม่ใช่เยฟิม แต่กลับเป็นลูกน้องของเยฟิมคนหนึ่ง วิคเตอร์รู้สึกคุ้นๆ หน้าลูกน้องของเยฟิมคนนี้มาก
พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันแต่อย่างใด
แต่เขายังไม่ทันได้ตกใจ ก็มีเรื่องน่าตกใจกว่ารออยู่ข้างหน้า
นั่นก็คือท่าทางของเยฟิมตอนนี้! เขาถูกมัดเอาไว้ ท่าทางของเขาดูโกรธแค้นมาก และไม่พอใจกับสถานการณ์แบบนี้อย่างเห็นได้ชัด
แต่เขาก็หมดหนทาง เพราะลูกน้องคนนี้ถือปืนพกกระบอกหนึ่งที่คร่าชีวิตเขาได้เลย
เห็นได้ชัดว่าระหว่างที่วิคเตอร์สลบไปชั่วขณะหนึ่งนั้นได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น วิคเตอร์ยังพบว่าตัวเขากับเยฟิมไม่ได้ใส่กุญแจมือไว้ด้วยกันแล้ว
เขาอดระแวดระวังไม่ได้ มองดูลูกน้องที่ถืออาวุธไว้ในมือคนนี้…ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายตัวเอง?
วิคเตอร์จึงอดสงสัยไม่ได้
แล้วตอนนี้เอง วิคเตอร์ก็ลุกขึ้นยืน ลูกน้องคนนี้ได้แต่มองดูเขา และยิ้มน้อยๆ
“คุณ…” วิคเตอร์ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
ตอนนี้ลูกน้องคนนี้ทำมือส่งสัญญาณ วิคเตอร์พยักหน้าเล็กน้อยอย่างลังเล แล้วสองคนก็เดินมาตรงมุมหนึ่ง หันมองเยฟิมที่ถูกมัดไว้อย่างตกใจไปพร้อมๆ กับพูดคุยกัน
ลูกน้องคนนี้เอ่ยปากพูดตรงๆ ก่อนว่า “ผมคิดว่ายังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งนาที เพื่อนร่วมงานของคุณก็จะขึ้นมาถึงที่นี่ เรื่องต่อไปก็มอบให้คุณจัดการแล้วกันครับ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น ลูกน้องคนนี้ก็เก็บปืนแล้วยื่นมือทั้งสองข้างไปทางวิคเตอร์
นี่เป็นท่าทางที่คิดจะยอมให้อีกฝ่ายใส่กุญแจมือ
วิคเตอร์ขมวดคิ้ว “ผมไม่เข้าใจความหมายของคุณ”
“ง่ายมากเลยครับ” ลูกน้องพูดอย่างรวดเร็ว “จ่าวิคเตอร์จับผมไปด้วย หลังจากนั้นผมจะยื่นเรื่องขอเป็นพยานบุคคล ยืนยันความผิดของเยฟิม และผมก็จะได้รับการลดหย่อนโทษครับ”
“คุณคือคนของตระกูลดีคาปี้?” วิคเตอร์อดถามอย่างตกใจไม่ได้ มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะคิดแบบนี้! ลองคิดดู เพราะเขาก็ถูกยูริข่มขู่ถึงจำเป็นต้องมาจัดการเยฟิม
ถ้าอย่างนั้น คำพูดของลูกน้องคนนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้ว!
“ผมกับตระกูลดีคาปี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันครับ”
คาดไม่ถึงว่าลูกน้องคนนี้กลับส่ายหน้า ให้คำตอบที่ชวนให้วิคเตอร์งงยิ่งกว่าเดิม “ส่วนที่ว่าเป็นใครนั้น…ผมคิดว่าอีกไม่นานคุณวิคเตอร์ก็จะรู้เองครับ”
ติ๊ง*!*
นั่นเป็นเสียงดังก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก
ลูกน้องคนนี้รีบพูดกระตุ้นว่า “เอาเลยครับ ใส่กุญแจมือผมด้วยเถอะ!”
“เดี๋ยวก่อน คุณพูดให้เคลียร์ก่อน” วิคเตอร์กลับขมวดคิ้ว
แต่เวลาไม่คอยท่า เขาเห็นแต่ลูกน้องคนนี้ส่ายหน้า แล้วพุ่งกระโจนเข้ามาล้วงเอากุญแจมือของวิคเตอร์มาล็อกมือตัวเอง แถมยังคุกเข่าลงบนพื้นช้าๆ
พอประตูลิฟต์เปิดออก นายตำรวจสามคนในชุดเครื่องแบบก็พุ่งเข้ามา เห็นท่าทีลูกน้องเยฟิมคนนี้คุกเข่าลงบนพื้นพอดี พวกเขาจึงเดินมาตรงหน้าวิคเตอร์ แล้วรีบสอบถามทันที
ลูกน้องคนนี้สบตากับวิคเตอร์ ก่อนพูดขึ้นทันทีว่า “จ่าครับ เยฟิมซ่อนหลักฐานความผิดไว้มากมาย ทั้งหมดอยู่ในห้องนิรภัยด้านหลังตู้หนังสือชั้นบนนั่นแหละครับ…ผม ผมยินดีเป็นพยานบุคคลชี้ความผิด จริงๆ นะครับ! ผมขอแค่ได้รับโทษสถานเบาก็พอ!”
“โอ้ พระเจ้า!จ่าวิคเตอร์ ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงดีครับ?” นายตำรวจคนหนึ่งได้ยินดังนั้นก็รีบหันมามองวิคเตอร์
ขี่หลังเสือยากที่จะลงได้
วิคเตอร์สูดลมหายใจไปเฮือกหนึ่ง แล้วค่อยๆ พูดขึ้นว่า “คุณลองขึ้นไปดูชั้นบนว่ามีห้องนิรภัยหรือเปล่า แล้วก็ให้คนที่อยู่ข้างล่างคอยดูทางเข้าออกของตึกนี้ไว้ อย่าเพิ่งให้ใครออกไปจากตึกนี้”
“รับทราบครับ!” นายตำรวจทำความเคารพ แล้วรีบไปจัดการ
…
ตึกสูงใหญ่นี้สะดุดตามากและมีชื่อเสียงมากพอในละแวกนี้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ถนนจะไร้ผู้คนจริงๆ ข้างล่างตึกกลับมีรถตำรวจหลายคันล้อมไว้
อีกทั้งคนที่มุงดูเห็นเหตุการณ์ก็เห็นตำรวจหลายนายจับกุมคุณเยฟิมผู้มีชื่อเสียงออกมาได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ไม่มีนักข่าวอยู่ในเหตุการณ์ แต่แสงแฟลชจากมือถือของคนที่มุงดูก็ไม่ได้ต่างจากนักข่าวในเหตุการณ์สักเท่าไร
วิคเตอร์เดินออกมา เขาจุดบุหรี่มวนหนึ่ง ค่อยๆ สูบอย่างช้าๆ มองดูภาพตรงหน้าที่เยฟิมถูกนำตัวขึ้นรถไป แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกสบายใจเลย
ตอนนี้จู่ๆ เขาก็มองเห็นรถตู้อาร์วีสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ข้างๆ ถนน วินาทีที่กระจกประตูหลังคนขับรถตู้อาร์วีลดลง วิคเตอร์ก็มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของคนคนหนึ่ง
นั่นคือโบโลดอฟ คนที่บอกเขาตอนแรกว่ามีการจัดประมูลภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ครั้งแรกที่โรงแรม
ความตกใจของวิคเตอร์ก็ไม่ได้คงอยู่นานนัก
เขาสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว แล้วเดินลงบันไดมาสั่งการนายตำรวจ ก่อนแหวกผ่านฝูงชน แล้วเดินไปอ้อมข้างๆ รถตู้อาร์วีคันนี้เงียบๆ ไปนั่งอีกฝั่งตรงที่นั่งด้านเบาะหลังในรถตู้อาร์วี
“ดีใจที่เห็นคุณปลอดภัยออกมา วิคเตอร์” โบโลดอฟยิ้ม “ผมคิดไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ คุณทำให้ผมตกใจมากจริงๆ”
“โบโลดอฟ คุณบอกผมมาตามตรง…คุณทำเรื่องอะไรเอาไว้?” วิคเตอร์ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
โบโลดอฟหลับตา พลางพูดขึ้นช้าๆ ว่า “วิคเตอร์ คุณยังจำตอนหนุ่มๆ ได้ไหม ว่าความฝันของผมคืออะไร?”
วิคเตอร์อึ้ง ไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงเรื่องนี้ทำไม แต่เขายังพยักหน้าเล็กน้อย “คุณเคยบอกว่า คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ คุณก็เลยต่อสู้เพื่อสิ่งนี้มาโดยตลอด ในที่สุดตอนนี้คุณก็ถือว่าเข้ามาถึงสังคมชั้นสูงได้แล้ว โบโลดอฟ ด้วยอำนาจของคุณในตอนนี้ คุณสามารถทำเรื่องบางอย่างเพื่อประเทศนี้ได้แล้ว”
“แต่มันยังไม่พอน่ะสิ” โบโลดอฟส่ายหน้า “ถึงแม้ผมจะเป็นนักธุรกิจมีเงินมากมายคนหนึ่ง ถึงแม้ผมจะรู้จักข้าราชการมากมาย แต่ยังไงผมก็เป็นได้แค่นักธุรกิจคนหนึ่ง ผมต้องการโอกาสมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้นกว่าเดิม”
พอนึกถึงตำแหน่งของเยฟิมในสภา วิคเตอร์ก็เข้าใจบางอย่างได้ทันที “คุณ…คุณคิดจะนั่งเก้าอี้ของเยฟิม?”
“ครั้งนี้เยฟิมหนีไม่รอดแล้ว” โบโลดอฟแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “พอเขาได้รับโทษก็จะมีคนเสนอชื่อผมมาอยู่นั่งเก้าอี้ของเขาในสภา”
วิคเตอร์กลับต้องเงียบลง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็จ้องมองเพื่อนสนิทหลายปีอย่างโบโลดอฟคนนี้ แล้วค่อยๆ พูดขึ้นว่า “คนสนิทของเยฟิมถูกซื้อตัวไปแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็ดึงเขาลงจากเวทีสภาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว…ทำไมต้องรอถึงวันนี้ที่ผมลงมือจับตัวเขาได้สำเร็จด้วยล่ะ?”
“วิคเตอร์ คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? หรือว่าคุณไม่เคยคิดว่าทำไมคุณถึงถูกคนตระกูลดีคาปี้จับตัวไว้ สิ่งที่ผมจะบอกคือ ตระกูลที่กำเริบเสิบสานนี้จับตัวคุณไว้แต่กลับไม่ฆ่าคุณ แถมยังให้คุณช่วยจัดการเยฟิมอีก?” โบโลดอฟพูดกระซิบว่า “วิคเตอร์ อาศัยอำนาจของผมคนเดียวคงไม่พอ ผมต้องการเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่แท้จริงคนหนึ่ง! ผมต้องการคุณ! ตอนนี้หัวหน้าตำรวจของพวกคุณไปไม่รอดแล้ว หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป วิคเตอร์ คุณเตรียมตัวให้ดีๆ งานราชการของคุณจะก้าวหน้าไปอีกขึ้น และเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ด้วย!”
“คุณ…คุณกับตระกูลดีคาปี้ เกี่ยวข้องกันยังไงกันแน่?” วิคเตอร์สูดลมเย็นๆ เข้าไปเฮือกหนึ่งทันที แล้วถามโดยไม่ทันคิด
โบโลดอฟมองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็ยิ้มน้อยๆ เท่านั้น “ตอนนี้จะบอกว่าตระกูลดีคาปี้เป็นเพื่อนร่วมทีมกับผมก็ได้”
…
“นึกไม่ถึงเลย…นึกไม่ถึงเลยว่าเบื้องหลังยังมีจระเข้ตัวใหญ่อีกตัวคิดจัดการเยฟิมอยู่”
แอนนาพูดพึมพำกับตนเองอยู่ที่ด้านหลังรถตู้อาร์วีสีดำคันนี้…เธอเงยหน้าขึ้นมองลั่วชิวในทันที “เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกันแน่ นึกไม่ถึงเลยว่ายูริจะสนิทสนมกับโบโลดอฟด้วย?”
“สนิทสนม?” ลั่วชิวส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกันหรอกครับ…ที่สนิทสนมกันจริงๆ ก็คือทายาทตระกูลดีคาปี้ตัวจริงต่างหาก คุณรู้ไหมว่าตระกูลดีคาปี้ทำธุรกิจอะไร? พวกเขาหวังว่าจะได้เส้นทางการขนส่งทางน้ำเพิ่มมากขึ้น พวกเขาก็เลยมาที่มอสโกเพื่อแสวงหาความร่วมมือเท่านั้นเอง แน่นอนว่าอย่างที่คุณแอนนาเห็นทั้งหมด คนที่ตระกูลดีคาปี้มาหาก็คือคุณโบโลดอฟคนนี้”
ลั่วชิวพูดอย่างเฉยเมยว่า “แล้วคุณยูริก็บังเอิญอยากแก้แค้นเหมือนกัน เขาอยากได้พลังอำนาจไปใช้แก้แค้น…ผมเลยคิดว่า คุณโบโลดอฟน่าจะเป็นขุมอำนาจไว้ใช้แก้แค้นได้ พวกเราจึงเสนอให้เขา”
“ตั้งแต่เมื่อไร…” แอนนาอดยิ้มเจื่อนไม่ได้
ลั่วชิวพูดเสียงเบา “ผมคิดว่า น่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่พวกคุณไปเอาภาพออกมาจากแกลเลอรี โบโลดอฟมีเจตนาจะให้วิคเตอร์มารับตำแหน่งหัวหน้าสถานีตำรวจคนใหม่ ถึงได้บอกสถานที่ประมูลครั้งแรกกับเขา เขาหวังจะได้รับประโยชน์มากพอให้ดึงวิคเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย…คุณยูริคิดจะแก้แค้นเยฟิม ยิ่งเยฟิมมีจุดจบน่าอนาถเท่าไร เขาก็จะยิ่งดีใจเท่านั้น โบโลดอฟซื้อตัวลูกน้องเยฟิม ซึ่งมีหลักฐานจำนวนมากที่แสดงว่าเยฟิมกระทำความผิดอยู่ในมือ ดังนั้นคุณยูริจึงออกหน้าแสดงน้ำใจกับโบโลดอฟ ให้วิคเตอร์เป็นคนจับกุมเยฟิมในตอนท้าย”
แอนนาขบกรามแน่น
เธอมองดูคนที่ทำให้เธอฟื้นจากความตายชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเลยสักนิด เธอแค่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า “โบโลดอฟจะจัดการเยฟิม!ที่จริงเยฟิมไม่มีทางรอดอยู่แล้ว…แต่เรื่องนี้พวกคุณรู้ทั้งรู้กลับยังแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างของยูริไป…พวกปีศาจ! พวกคุณนี่ชั่วร้ายยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก!”
ลั่วชิวกลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “พวกเราไม่ได้บังคับใครเลยนะครับ คุณยูริเลือกเส้นทางการแก้แค้นที่ไม่มีวันหันหลังกลับได้นี้ ไม่ใช่เพราะถูกคุณแอนนายิงใส่สามนัดที่ชานชาลาหรอกเหรอครับ?”
ริมฝีปากแอนนาสั่นระริก แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา เธอได้แต่เบือนสายตาตนเองมองดวงจันทร์หลังคืนพระจันทร์เต็มดวง
“ถึงแม้ว่าสามนัดนี้จะยิงใส่คุณยูริจริงๆ ทำให้เขาเสียเลือดไปมาก” ลั่วชิวพูดอย่างช้าๆ ว่า “แต่ผมคิดว่า ก็ไม่ได้มากพอให้คุณยูริเสียชีวิตไป คุณแอนนาคงคิดจุดที่จะยิงไว้ก่อนแล้วสินะครับ? เพราะยิงได้แม่นยำจริงๆ ผมก็เลยอดสงสัยไม่ได้ และแน่นอนว่า…”
เขาส่ายหน้า “ผมคิดว่าคุณยูริไม่ได้สงสัยเรื่องนี้เลย”
“หุบปาก!!!”