บทที่ 4 บทที่ 52 ผู้แก้แค้นที่แท้จริง

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 52 ผู้แก้แค้นที่แท้จริง โดย Ink Stone_Fantasy

“ฉัน…ไม่เคยคิดจะฆ่าเขาเลย…”

แอนนาใช้สองมือปิดหน้าของตัวเองไว้ เสียงที่ดังลอดมาจากระหว่างนิ้วของเธอจึงไม่ค่อยชัดเท่าไร “แต่ฉัน แต่ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้…เขาไม่ควรขู่เยฟิม…ในเมื่อเขาหนีลอดออกมาแล้ว ทำไมยังจะกลับมาอีก”

เธอต้องพูดเรื่องพวกนี้ออกมา

เธอเก็บซ่อนมันเอาไว้จนอึดอัดทนไม่ไหวอีกแล้ว

“โชคดีที่เขาบอกว่าอยากเจอฉัน…” แอนนาปล่อยมือ สูดลมหายใจลึกๆ ครั้งหนึ่ง แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ใช่ ถูกต้อง ฉันยิงปืนใส่เขาจริงๆ แต่ฉันไม่เคยคิดจะฆ่าเขาเลย บางทีเขาอาจจะบาดเจ็บสาหัส แต่อย่างน้อยเขาก็ได้นอนอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย…เยฟิมไม่ปล่อยคนที่ขู่เขารอดไปโดยเด็ดขาด ยูริไม่น่ากลับมาเลยจริงๆ”

ลั่วชิวกำลังมองแอนนา แล้วพูดอย่างไร้ความรู้สึกว่า “แต่คุณแอนนายิงปืนใส่เขาไปจริงๆ ไม่ใช่หรือครับ? ไม่ว่าจะเอาเหตุผลแบบไหนมาอ้าง วินาทีที่คุณยิงปืนนั้น ก็ได้ทำให้คุณยูริเจ็บปวดมากที่สุดแล้ว…หรือจะบอกว่า หลังจากนี้คุณคิดจะสารภาพกับเขา เพื่อให้เขายอมยกโทษให้คุณ?”

แอนนากลับส่ายหน้าเล็กน้อย

เธอสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้ง “ฉันจะไม่ทำแบบนั้น เขาแค่ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลสักพักก็พอแล้ว ฉันไม่คิดจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก ถึงแม้ชีวิตนี้เขาจะไม่อภัยให้ฉัน ฉันก็ไม่ว่าอะไร แม้ว่าสุดท้ายเขาจะหลอกฉันให้กลับมาหาเยฟิมโดยไม่บอกว่าขายภาพให้เยฟิมไปแล้วเพื่อให้ฉันตาย ฉันก็ไม่โทษเขา”

เธอหัวเราะคล้ายเยาะเย้ยตัวเอง “แต่ฉันคิดไม่ถึง เกรงว่าเขาก็คงคิดไม่ถึง…ว่าพวกเราจะได้เจอพวกคุณ”

ลั่วชิวพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่ไม่ว่าจะเป็นคุณแอนนา หรือคุณยูริ พวกคุณต่างก็มีความปรารถนารุนแรงมาก”

ในฐานะที่เป็นเจ้าของสมาคม ลั่วชิวไม่คิดอธิบายกับลูกค้า…เพราะความปรารถนาของพวกเขารุนแรงพอจะล่อหมาป่าที่หิวโหยตัวหนึ่งมาได้

ตอนที่การแลกเปลี่ยนเริ่มขึ้น เจ้าของสมาคมที่มีอำนาจไร้ขีดจำกัดก็ต้องแบกรับภารกิจของลูกค้าที่มาอยู่ตรงหน้านี้

“จริงเหรอ” แอนนาหัวเราะฝืนๆ

ตอนที่เยฟิมบีบคอเธอ เธอรู้ดีว่าความแค้นและความโกรธในใจเธอรวมถึงความไม่พอใจนั้นเป็นอย่างไร

“ฉันใช้เวลาสามปีเต็มๆ ใช้ทุกวิถีทาง สุดท้ายก็ได้เข้าใกล้ข้างกายเยฟิม และเริ่มได้รับความไว้วางใจจากเขา!” แอนนาพูดเสียงทุ้มต่ำ “ฉันยังไม่ได้เอาไอ้มารชั่วนี่ลงนรกด้วยมือตัวเองเลย ก่อนให้เขาได้รับกรรมชั่วทั้งหมด ฉันจะตายไปได้ยังไงล่ะ! ฉันจะยอมให้ตัวเองตายไม่ได้ ถึงแม้ต้องตาย ฉันก็จะลากเขาไปลงนรกด้วยกัน!”

“ฉันต้องให้ตัวเองมีชีวิตอยู่…มีชีวิตอยู่จนกว่าจะได้เห็นเขาทุกข์ทรมานเจ็บปวด หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง และตายทั้งเป็น!”แอนนากัดฟัน ดวงตาของเธอมีความอาฆาตที่ไม่จางหายไป “ไม่ว่าจะใช้วิธีแบบไหนก็ตาม”

“ดังนั้นตอนที่คุณเจอคุณยูริ ก็เลยคิดจะใช้ประโยชน์จากเขาใช่ไหมครับ” ลั่วชิวพูดอย่างแปลกใจ

แอนนาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เธอฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันทำได้แค่ฝืนยิ้มอยู่ข้างกาย เยฟิมทุกวันๆ เขาไม่เคยเชื่อใจฉันจริงๆ หรอก ฉันจึงจำเป็นต้องทำอะไรสักหน่อย…ฉันต้องล่อให้เขาทำผิดพลาด ตอนที่ฉันเจอยูริที่แกลเลอรีนั้น ฉันก็รู้ว่าโอกาสของฉันมาถึงแล้ว”

“ฉันรู้ว่าเยฟิมเป็นคนไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ฉันเลยบอกแผนของฉันกับเขา แล้วเขาก็เห็นด้วยทันที” แอนนาก้มหน้าพูดเสียงเบาๆ ว่า “ฉันเริ่มรู้จักกับเขาตั้งแต่วันนั้นแล้ว สวรรค์มอบพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้กับเขา แต่เขากลับไม่ได้รับโอกาสใช้พรสวรรค์นี้เลย…เขามีความฝันของตัวเอง เขาฝันว่าอยากเป็นนักวาดรูปมืออาชีพให้ได้ เขาหวังว่าผลงานของเขาจะได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และหวังว่าจะสร้างโลกที่เป็นของตัวเองได้”

“แต่สุดท้ายฉันก็ยังใช้ประโยชน์จากความฝันของเขา” แอนนาพูดเบาๆ “ฉันบอกเขาว่ามีโอกาสให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริง ตอนแรกเขาไม่รู้เรื่องพวกนี้ เลยลอกเลียนภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ อย่างตั้งใจเต็มที่ เพียงเพราะฉันบอกเขาว่าทำแบบนี้แล้วถึงจะแสดงความสามารถของเขาให้ลูกค้าคนหนึ่งดูได้…แต่สุดท้ายเขาก็ยังจับสังเกตได้”

แอนนาส่ายหน้า “นี่ไม่ใช่โอกาสสร้างชื่ออะไรเลยสักนิด เขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่เยฟิมใช้มาหาเงินเท่านั้น…เขาไม่สามารถทำให้ภาพของตัวเองเป็นที่รู้จักในโลกได้โดยแท้จริง ไม่มีแม้แต่โอกาสวาดสิ่งที่ตัวเองอยากวาดจริงๆ ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงแค่ภาพวาดของคนอื่น แต่สุดท้ายเขาก็ยังวาดภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ภาพแรกได้สำเร็จ“

“ผมคิดว่าสาเหตุน่าจะเป็นเพราะคุณแอนนา”

แอนนายักไหล่เล็กน้อย แล้วพูดเสียงเศร้าว่า “ฉันรู้…ฉันรู้หมดนั่นแหละ ฉันเข้าใจความรู้สึกที่เขามีให้ฉันดี…แต่ฉันไม่รับรัก และก็ไม่สามารถรับรักเขาได้ เพราะฉันเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าอย่าลืมเป้าหมายสำคัญ! ฉันจะต้องให้เยฟิมรับโทษที่เขาสมควรได้รับ เพียงเพราะแบบนี้ เพียงเพราะแบบนี้…เพียงเพราะแบบนี้…มีแค่แบบนี้เท่านั้นถึงทำให้ผู้คนที่ประสบเคราะห์ร้ายเพราะปีศาจเยฟิมตัวนี้ตายตาหลับเสียที”

“เหมืองถ่านหินรัสปาสกาย่าเหรอ?” ลั่วชิวพูดขึ้นทันที

“คุณรู้เรื่องนี้?” แอนนาเงยหน้าขึ้นมาทันที

เจ้าของร้านลั่วพูดอย่างเฉยเมยว่า “เปล่า แต่ก่อนหน้านี้เจอผู้ชายคนหนึ่ง เขาก็เป็นคนที่ออกมาจากเหมืองแห่งนี้เหมือนกัน”

“จริงเหรอ”

แอนนาไม่ได้ซักถามว่าคนคนนี้คือใครกันแน่ เธอแค่ถอนหายใจอย่างแรง “เหมืองรัสปาสกาย่า…นั่นเป็นที่ที่ฉันโตมา แต่มันถูกคนควบคุมอยู่ตลอด นายทุนขูดรีดพวกเราไม่หยุด พอมาถึงมือของเยฟิม ยิ่งหนักกว่าเดิม ตอนที่ฉันเป็นเด็ก เคยมีฮีโร่คนหนึ่งปรากฏตัวที่เหมืองของพวกเรา ตอนนั้นฉันคิดว่าชีวิตของพวกเราจะต้องดีกว่าเดิม แต่เสียดายที่ต่อมา…”

แอนนาพูดอย่างเจ็บปวด “ไม่มีฮีโร่อีกแล้ว บ้านของฉัน ครอบครัวของฉันก็ไม่มีแล้ว”

เธอพูดอย่างโกรธแค้น “ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้ปีศาจเยฟิมปกครองเหมืองต่อไปแบบนี้เด็ดขาด!! ฉันจะต้องจบทุกอย่างนี้ด้วยมือตัวเอง!”

เธอพูดด้วยท่าทางเศร้าๆ ว่า “ไม่ว่าจะต้องเสียสละอะไร ไม่ว่ายูริจะเกลียดฉันมากขนาดไหน…ไม่ว่าเขาจะเกลียด…เกลียด…ฉันมากขนาดไหน”

ดวงตาทั้งสองมีน้ำตาคลอเบ้า

เมื่อเห็นเช่นนี้ ลั่วชิวเลยหันหลังให้แอนนาช้าๆ พร้อมค่อยๆ พูดว่า “คุณแอนนาสำนึกได้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ดีจริงๆ ครับ แต่ถ้ายอมพูดออกมาตั้งแต่แรกจะไม่ดีกว่าเหรอครับ”

เธอซ่อนความแค้นสิบกว่าปีไว้ในใจคนเดียว ไม่ยอมบอกใคร และก็ยากที่จะพูดออกไป

มันหนักหนาเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ

แอนนาร้องไห้เสียงหลงราวกับใจแตกสลาย

ไม่มีใครได้เห็นหน้าเปื้อนน้ำตาของเธอ…แต่กลับได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกอย่างชัดเจน แล้วก็ค่อยๆ เบาลง

จนกระทั่งน้ำตานั้นเหือดหายไป อารมณ์ก็กลับคืนสู่สภาวะสงบ ลั่วชิวถึงได้หันตัวกลับมา

เขายื่นมือมารอผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งจากคุณสาวใช้ที่ส่งมาให้เขาเงียบๆ แล้วเดินไปตรงหน้า แอนนา ก่อนส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอ พร้อมพูดเสียงเบาๆ ว่า “รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมครับ”

แอนนาชะงักไป

เธอมองผ้าเช็ดหน้าที่ยื่นมาให้โดยอัตโนมัติ ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังอยากร้องไห้อีกครั้ง…แต่เธอกลับโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เธอสูดลมหายใจ มองดูรถตำรวจคันนั้นที่กำลังแล่นเข้ามา…ในเมื่อเรื่องนี้ยังมีโบโลดอฟอยู่เบื้องหลังด้วย อย่างนั้นเยฟิมคงได้แต่รับกรรมเท่านั้น

“ตอนนี้…ตอนนี้ฉันยังแลกเปลี่ยนได้อีกไหมคะ?”

“แน่นอน ยินดีเสมอครับ” ลั่วชิวยิ้มพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย

“ฉันว่า…”

ปัง!!

ทันใดนั้นเอง เสียงกึกก้องสั่นสะเทือนก็ดังส่งมา!

ตอนที่หันกลับมาก็เห็นรถ SUV คันหนึ่งชนเข้ากับรถตำรวจที่คุมตัวเยฟิมไว้! จากนั้นผู้ชายใส่ผ้าคลุมหัวสีดำคนหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาจากรถ SUV

เขาถือปืนไรเฟิลออโตเมติกกระบอกหนึ่ง แล้วก็เริ่มยิงกราด

นี่ทำให้ตำรวจส่วนหนึ่งกลัวจนพากันหนีกระเจิงไปหลบหลังรถตำรวจ! ตอนนี้เองเยฟิมก็ปีนออกมาจากรถตำรวจที่ถูกชนอย่างตื่นตระหนก! เขาซึ่งถูกล็อกกุญแจมือเอาไว้กำลังร้องด่าเสียงแทบแตก

ชายคนนั้นใช้ปืนไรเฟิลออโตเมติกในมือยิงไปบริเวณเท้าของเยฟิมเช่นกัน จากนั้นจึงชี้นิ้วไปที่ SUV คันนั้น

เยฟิมหน้าถอดสีทันที ไม่กล้าพูดอะไรอีก แล้วก็รีบวิ่งขึ้นรถ SUV ไป ชายที่ใส่ผ้าคลุมสีดำยิงปืนไปพร้อมๆ กับก้าวถอยหลัง สุดท้ายก็กลับไปขึ้นรถ…และจากไปอย่างไม่สะทกสะท้าน