ตอนที่ 613 เดินเล่น / ตอนที่ 614 เอกสารลับ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 613 เดินเล่น

 

 

“พอตกกลางคืนมันก็คลุ้มคลั่ง” ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยอย่างระมัดระวัง

 

 

พอได้ยินเสียงของหล่อนเอ่ยพูดเหยียนเค่อก็รู้สึกได้ว่าหล่อนกำลังกลัวเขา นั่นทำให้เหยียนเค่อรู้สึกเสียใจมาก แต่ตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้

 

 

“บอกอาการมาซิ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วค่อยๆนึก พอเล่าถึงปฏิกิริยาของมันวันแรกจบเหยียนเค่อก็พอจะเดาได้แล้ว

 

 

“เธอไม่ได้พามันออกเป็นเดินเล่นใช่ไหม”

 

 

“เดินเล่น” น้ำสียงของซย่าเสี่ยวมั่วแปลกใจมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับคำสองคำนี้เป็นอย่างมาก…

 

 

เหยียนเค่อขมวดคิ้ว เขารู้ว่าหล่อนไม่ชินที่จะทำอะไรแบบนี้ แต่ตอนนั้นเขาว่างมาก หลังเลิกงานก็จะพาเจ้าโกลเด้นไปหาอะไรกินแถวที่พักของซย่าเสี่ยวมั่ว พอกินเสร็จก็พามันไปเดินเล่นรอบๆ เดินประมาณสองชั่วโมงจึงถือเป็นเรื่องปกติ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยอมที่จะเป็นลมอยู่ที่พื้นยังดีเสียกว่า ทำไมเหยียนเค่อถึงว่างมากขนาดนี้นะ เวลาแค่หนึ่งอาทิตย์ทำเอาเจ้าโกลเด้นที่ปกติไม่ชอบออกไปไหนกลายเป็นหมาปกติไปได้

 

 

“นาย” ซย่าเสี่ยวมั่วแทบอยากจะร้องไห้ออกมา “ฉันเกลียดนาย”

 

 

เป็นความจริงที่ว่า เรื่องบางเรื่องไม่ควรจะเอามาล้อเล่นกับคนมี่ไม่ควรล้อ เพราะผลลัพธ์มันร้ายแรง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองหน้าจอที่กลายเป็นสีดำไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายจึงตัดสายไป

 

 

เนื่องจากว่าแคร์มาก ดังนั้นจึงไม่อาจได้ยินคำพูดต่อว่าที่ไม่ดีจากคนที่เราชอบ พอซย่าเสี่ยวมั่วพูดสามคำนั้นออกมาเหยียนเค่อก็รู้แล้วว่าตนทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วเกลียดอีกแล้ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเพียงแค่อยากระบายความรู้สึกโมโหของตัวเองตอนนั้นออกมาเท่านั้นไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นเลย แต่คนที่ไม่รู้จักอารมณ์ล้อเล่นอย่างเหยียนเค่อกลับคิดเป็นจริงไปเสียนี่

 

 

น่าจะเป็นเพราะว่าปกติไม่ค่อยมีคนกล้าพูดล้อเล่นกับเหยียนเค่อดังนั้นเรื่องเลยกลายเป็นแบบนี้ ซย่าเสี่ยวมั่วยังรู้สึกไม่ดีอยู่ มองการเคลื่อนย้ายสิ่งของของเจ้าโกลเด้นอย่างปวดหัวอยู่บนเตียง

 

 

“เฮ้อ พระเจ้าลงโทษฉันใช่ไหม”

 

 

แต่ว่าถ้าเทียบกับการที่จะต้องมานั่งเก็บของที่มันทำเลอะทุกวันเธอยอมออกไปเดินเล่นกับมันสักสองชั่วโมงดีกว่า

 

 

“ไปกัน” ซย่าเสี่ยวมั่วใส่เสื้อคลุมตัวหนา มีผ้าพันคอผ้าปิดปากและถุงมือพร้อมสรรพ เจ้าโกลเด้นถูกจูงออกไปด้านนอกก็ดีใจอยู่ไม่น้อย

 

 

พอเดินออกมาจากห้องแล้วซย่าเสี่ยวมั่วก็เริ่มสั่น เธอคิดไม่ออกจริงๆว่าอากาศหนาวแบบนี้เหยียนเค่อพาเจ้าโกลเด้นออกมาเดินเล่นจะมีสภาพเป็นอย่างไร

 

 

บนถนนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแทบนับคนได้ เพราะว่าเพิ่งผ่านวันปีใหม่ไปทุกคนก็คงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ขนาดเมื่อก่อนช่วงเวลาเลิกงานที่การจราจรต้องติดขัดวันนี้ยังไม่มีให้เห็นเลย

 

 

เจ้าโกลเด้นเดินผาดเผยอยู่บนถนน ขนสีขาวของมันถูกลมหนาวพัดจนขนลู่ไปตามลม

 

 

“แกอารมณ์ดีแล้วใช่ไหม เจ้าปีศาจน้อยจอมทรมานคน” เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากผ้าปิดปากไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไหร่ แต่สิ่งมีชีวิตที่เธอพูดด้วยมันไม่ใช่คน ดึงนั้นเสียงพึมพำของเธอก็ยิ่งฟังไม่ชัดเข้าไปใหญ่ แม้จะตั้งใจฟังก็คงฟังไม่รู้เรื่องว่าเธอพูดอะไรอยู่

 

 

เหยียนเค่อขลุกอยู่แต่ในห้องจะมีเปิดประตูก็เฉพาะตอนที่คนรับใช้นำอาหารเข้ามาให้ นอกนั้นก็เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้อง

 

 

ลูงฝูไม่อาจทนเห็นนายน้อยทรมานได้ ดังนั้นตอนเอาอาหารมาเสิร์ฟก็แอบส่งข่าวให้ด้วย

 

 

เหยียนเค่อเห็นหน้าลุงฝูก็รู้แล้วว่าปู่ของตนคงกลับมาแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่ดีใจนัก ยิ่งตอนนี้สวีอิ๋งอิ๋งกำลังกินข้าวอยู่กับพ่อแม่ของเขาด้วย หากปู่เขาโดนหล่อนหว่านเสน่ห์ไปอีกคนล่ะจะทำอย่างไร

 

 

ลุงฝูมาก็เพื่ออยากทำให้เหยียนเค่อวางใจ “คุณปู่ของคุณกลับมาก็เพราะเรื่องที่คุณทะเลาะกับคุณชายใหญ่ ท่าบอกว่า เรื่องความรู้สึกให้คุณตัดสินใจเอาเอง ถ้าท่านเห็นว่าเหมาะสม เมื่อคุณจัดการไม่ได้ท่านจะยื่นมือเข้ามาช่วย”

 

 

“อือ” เหยียนเค่อไม่ได้หวังให้ปู่ของตนยื่นมือเข้ามาช่วย การที่ปู่ไม่ได้ขัดขวางเขาก็ถือเป็นการสนับสนุนที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว

 

 

เหยียนเค่อเอ่ยถามสถานการณ์ด้านนอกต่อจากนั้นจึงปล่อยลุงฝูออกไป พอรู้สถานการณ์ที่แน่ชัดแล้วเขาจึงเริ่มกินข้าวอย่างมีความสุข

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 614 เอกสารลับ

 

 

โต๊ะอาหารด้านนอกใหญ่โต แต่กลับมีเพียงแม่เหยียนนั่งทานข้าวเป็นเพื่อนสวีอิ๋งอิ๋ง ผู้เฒ่าเหยียนพอกลับมาก็เรียกเหยียนเค่อไปหาที่ห้องหนังสือ พอเหยียนเฟิงที่เพิ่งกลับมายังไม่ทันแม้แต่จะดื่มน้ำก็ถูกลุงฝูเชิญไปชั้นบนเช่นกัน

 

 

“เฮ้อ นี่มันอะไรกันนักนะ” แม่เหยียนรู้สึกว่าเธอเลือกเวลาได้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้เป็นช่วงท้ายปีเก่าต้นปีใหม่ มีเรื่องมากมายก็ปกติอยู่แล้วค่ะ”

 

 

“หนูช่างรู้ความจริง เจ้าลูกชายงี่เง่าของฉันไม่รู้จักทะนุถนอมเอาไว้ดีๆ” แม่เหยียนยอมลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปซะ นี่ถ้าสวีอิ๋งอิ๋งไม่มาอาหารมือนี้เธอคงต้องนั่งกินอยู่คนเดียวเป็นแน่ บรรยากาศเงียบเหงาบนโต๊ะอาหารอันหนาวเย็น ไม่มีแม้แต่คนรับประทาน

 

 

ไม่ทะนุถนอมแหล่ะดีแล้ว เธอก็ไม่ได้หวังให้เขาทำหรอก สวีอิ๋งอิ๋งคิดอยู่ในใจ แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มอยู่ “คุณป้าพูดอะไรอย่างนั้นคะ จะเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้วทานข้าวด้วยกันทานเมื่อไหร่ก็ได้”

 

 

“จริงด้วย” พอแม่เหยียนคิดว่าในบ้านจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาก็รู้สึกดีใจ “แต่ไปมีลูกสักสองคน ที่บ้านก็คึกครื้นขึ้นแล้ว”

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งได้แต่ยิ้ม ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีเรื่องอยากจะคุยกับเหยียนเฟิงเธอก็คงไม่อยู่นั่งคุยเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นกับแม่เหยียนหรอก

 

 

เธอได้บอกแผนการก่อนหน้านี้ที่เธอช่วยกันคิดกับเซียวอู๋อี้ให้เหยียนเฟิงฟังไปหมดแล้ว และก็ยังให้ชายหนุ่มช่วยแก้ไขอีกนิดหน่อย ยิ่งพอเกิดเรื่องกับบริษัทตระกูลเหยียนและ YAN ทำให้เธอยิ่งมองเห็นว่าใครควรเป็นแพะรับบาป

 

 

เหยียนเฟิงยืนอย่างสำรวมอยู่ในห้องหนังสือ ผู้เฒ่าเหยยียนไม่ได้สั่งสอนเหยียนเค่อเอาแต่บ่นว่าพ่อเหยียน ถึงแม้ตอนนี้พ่อเหยียนจะเป็นผู้นำตระกูลแล้วแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าเหยียนเขาก็ยังเชื่อฟังอยู่เสมอ

 

 

“นิสัยอย่างแกนับวันยิ่งแย่ลงทุกทีนะ แกยังสู้เหยียนเค่อไม่ได้ด้วยซ้ำ แกไม่เข้าใจลูกแท้ๆของแกสักนิดมีสิทธิ์อะไรไปว่าวิธีการของลูก”

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนไม่ได้ต่อว่าเหยียนเฟิง แต่ว่าทุกคำพูดล้วนแต่เสียดสีทั้งนั้น ช่างเหมือนกับคำกล่าวที่ว่า ลูกชายไม่เชื่อฟัง พ่อต้องรับผิดชอบ

 

 

“ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าเหยียนเค่อทำแบบนี้เพราะเหตุผลอะไร แต่ว่าแกยังไม่ทันรู้ความจริงก็ไปลงไม้ลงมือกับลูกขนาดนั้น แกคิดว่ามันยังเด็กอยู่หรือไง ถึงว่าอีกคนเลี้ยงออกมาดีอีกคนเลี้ยงมาไม่ดี ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ไง”

 

 

คนทุกคนต่างมีความลำเอียง ผู้เฒ่าเหยียนไม่อยากว่าเหยียนเฟิงเพราะเขาไม่คู่ควร แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่เอ่ยขึ้นมาว่าใครดีใครไม่ดี

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนโยนเอกสารจำนวนหนึ่งไปให้พ่อเหยียน “ดูเอาดีๆแล้วกันว่าตกลงแล้วลูกชายแกมีอะไรให้ต้องกังวลไหม”

 

 

พ่อเหยียนถูกตำหนิเสียจนไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดี ยิ่งไปกว่านั้นทุกคำพูดของผู้เฒ่าเหยียนก็คือเขาสู้แหยียนเค่อไม่ได้ มีใครเอาลูกมาเปรียบเทียบกับพ่อกันบ้างเนี่ย

 

 

ในใจพ่อเหยียนรู้สึกไม่พอใจ เปิดเอกสารอ่านด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แต่พอเขาเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในก็รู้สึกตกตะลึงจริงๆ

 

 

เหยียนเฟิงก็อยากจะเดินมาดู แต่ผู้เฒ่าเหยียนโบกมือให้ยืนอยู่กับที่อย่าขยับ “เอกสารลับ” จากนั้นก็เริ่มเอ่ยพูดกับเหยียนเฟิง “นั่นคือน้องชายแท้ๆของแก ฉันจะไม่พูดว่าให้แกช่วยดูแลน้อง พวกแกทั้งคู่อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ต่างมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ไม่สนิทกันก็ไม่แปลก ยิ่งต่อไปถ้ามีครอบครัวก็จะยิ่งห่างเหินกันไปอีก ความแค้นอะไรที่มีแล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ”

 

 

“ครับ” ผู้เฒ่าเหยียนพูดคำพูดพวกนี้ออกมาก็เพื่อไม่ให้เหยียนเฟิงคัดค้าน เขาจึงทำได้เพียงรับคำ

 

 

พ่อเหยียนอ่านเสร็จก็เก็บเข้าซองเหมือนเดิม ไม่เอ่ยอะไร

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนให้ดูคือราคาที่ดินที่เหยียนเค่อไปเปิดบริษัทแยกที่เมืองจิงตู ตัวเลขนั้นทำเอาคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการธุรกิจมาอย่างโชกโชนอย่างเขาถึงกับสะดุ้ง สำหรับเงินที่เหยียนเค่อนำมาลงทุนกับบริษัทเหยียนนั้นยังถือว่าเป็นแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นเอง

 

 

เหยียนเฟิงไม่เต็มใจแต่ก็ไม่สามารถขัดเจตนารมณ์ของผู้เฒ่าเหยียนได้ จึงได้แต่ยืนมองห่างอยู่ที่จุดเดิม