ตอนที่ 615 สลัดไม่หลุด / ตอนที่ 616 คิดวนไปวนมา

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 615 สลัดไม่หลุด

 

 

เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ ซย่าเสี่ยวมั่วก็พาเจ้าโกลเด้นกลับบ้าน พอเดินผ่านร้านอาหารเช้าก็รู้สึกท้องมันโล่งๆ แม้ว่าอากาศจะหนาวขนาดไหนก็หยุดการเข้าหาของกินของเธอไม่ได้

 

 

เจ้าของร้านเห็นเจ้าโกลเด้นที่เปลี่ยนเจ้าของอีกแล้วก็เอ่ยแซวขึ้น “ทำไมไม่ให้แฟนมาด้วยล่ะ”

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ซย่าเสี่ยวมั่วหัวเราะแต่ไม่ได้ตอบอะไร

 

 

“ผมรู้สึกว่าพวกคุณไม่มาพร้อมกันเลย น่าแปลกจริงๆ” เจ้าของร้านก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรยังคงหัวเราะอยู่

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็ทำได้แค่ยิ้มๆ พอสั่งอาหารเสร็จก็จูงเจ้าโกลเด้นไปนั่งโต๊ะด้านในสุดแต่เจ้าโกลเด้นกลับหยุดอยู่ที่โต๊ะก่อนหน้าโต๊ะหนึ่งลากอย่างไรก็ไม่ยอมเดินต่อ

 

 

“เป็นอะไร” ซย่าเสี่ยวมั่วอดทนเอ่ยพูด เคาะไปที่หัวของมัน “อย่าหาเรื่องเพิ่มให้ฉันนะ”

 

 

ทุกครั้งซย่าเสี่ยวมั่วจะกลัวว่าเจ้าโกลเด้นจะไปทำให้ลูกค้าคนอื่นตกใจ ดังนั้นก็จะเลือกที่นั่งด้านในสุดแทบตลอด เรื่องที่เจ้าโกลเด้นเลือกที่นั่งเองแบบนี้เหมือนจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

 

ในใจเธอเริ่มแอบคาดเดาถึงสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็รู้สึกว่าตนอาจจะคิดมากไป เนื่องจากว่าลากเจ้าโกลเด้นไม่ไปแล้วอีกอย่างที่นั่งตรงนี้ก็ถือว่าค่อนข้างอยู่ด้านในดังนั้นเธอก็เลยไม่ได้ยื้อต่อ ตัดสินใจนั่งลงตรงที่นั้น

 

 

ตอนเอาอาหารมาเสิร์ฟเจ้าของร้านก็มองมาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างประหลาดใจ “พวกเธอสองคนจองที่นั่งประจำตรงนี้เอาไว้เลยใช่ไหม”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกงง แต่สักพักก็คิดขึ้นมาได้ เจ้าโกลเด้นของงเธอคงไม่ใช่ทาสผู้ซื่อสัตย์ของเหยียนเค่อหรอกใช่ไหม ทำตามความเคยชินของเหยียนเค่อไปซะทุกอย่างเลย

 

 

พอกินข้าวเสร็จ ในหัวของซย่าเสี่ยวมั่วก็มีอยู่แค่สองคำ ‘เหนื่อยใจ’

 

 

“ช่วยทำให้ฉันเบาใจหน่อยได้ไหม” ซย่าเสี่ยวมั่วจูงมันเดินกลับ ถูกวุ่นวายหนักเข้าตอนนี้เธอแทบไม่ไหวแล้ว

 

 

ในใจซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกโมโหเหยียนเค่อ แต่ลมเย็นๆที่พัดมาทำให้เธอได้สติขึ้น เธอนึกถึงเมื่อก่อนที่เหยียนเค่อคอยช่วยเธอแก้ไขปัญหาต่างๆมากมาย แล้วก็นึกถึงเรื่องล่าสุดที่น้ำเธอรั่วลงไปห้องด้านล่าง ได้ยินผู้ช่วยหวังบอกว่าชายหนุ่มเงินไม่ได้จัดการเด็ดขาดขนาดนั้น เขากลัวว่าคนพวกนั้นจะโกรธแค้นซย่าเสี่ยวมั่วเลยตัดสินใจชดใช้เงินไปจำนวนหนึ่ง จึงทำให้เรื่องยุติลงอย่างสันติ

 

 

ถ้าคิดคำนวณดู ตั้งแต่ที่ซย่าเสี่ยวมั่วรู้จักกับเหยียนเค่อ ชายหนุ่มต้องเสียเงินไปกับเธอตั้งเท่าไหร่แล้ว…ดูเหมือนเธอก็นับไม่ถ้วนเหมือนกัน

 

 

เหยียนเค่อจงใจที่จะใช้เรื่องพวกนี้ผูกมัดซย่าเสี่ยวมั่วเอาไว้ ต่อให้วันหนึ่งซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา เขาก็ยังสามารถใช้เรื่องเหล่านี้เป็นข้ออ้างในการรั้งหล่อนเอาไว้ได้

 

 

ได้พูดคุยกับซย่าเสี่ยวมั่วสักพักเหยียนเค่อก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะ เขาไม่ได้ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องแล้ว เดินลงไปด้านล่างกะว่าจะไปดูว่าสวีอิ๋งอิ๋งกับแม่ของตนคุยกันไปถึงไหนแล้ว

 

 

หลังจากกินข้าวเสร็จสวีอิ๋งอิ๋งก็ไปนั่งคุยกับแม่เหยียนอยู่ที่โซฟา เหยียนเค่อที่เดินลงมาจากด้านบนก็สบเข้ากับสายตาของหล่อนพอดี

 

 

พอสวีอิ๋งอิ๋งเห็นชายหนุ่มสายตาก็ส่อแววตำหนิโดยไม่รู้ตัว เหยียนเค่อด่าอยู่ในใจ “ท่าจะบ้า” เอาเชื้อโรคมาแพร่ที่บ้านของเขา

 

 

“ลงมาซะทีนะ” แม่เหยียนนั่งหันหลังให้เหยียนเค่อ พอเหยียนเค่อเดินมาถึงจึงได้รู้ว่าเขายอมออกมาจากห้องแล้ว

 

 

เหยียนเค่อไม่มีท่าทีว่าจะหยุดฝีเท้าเดินตรงไปยังห้องครัว

 

 

“ไม่มีข้าวแล้ว มีเหลือให้แค่ปู่ พ่อ แล้วพี่ของแกเท่านั้น” แม่เหยียนเห็นลูกชายของตัวเองไม่มีมารยาทขนาดนี้ ใบหน้าเคร่งขรึม เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังแล้วพูดขึ้น

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้สนใจ เดินไปรินน้ำใส่แก้วแล้วเดินผ่านหน้าคนทั้งคู่ไป

 

 

แม่เหยียนสูดหายใจลึก เวลานี้เธออยากจะขยี้ลูกชายให้ตายคามือเสียจริงๆ

 

 

เวลาเผชิญหน้ากับศัตรูวิธีที่จะทำให้ศัตรูโกรธที่สุดก็คือการทำเราทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน

 

 

เหยียนเค่อทำออกมาตามที่ใจคิดเนื่องจากเขาไม่อยากสนใจจริงๆจึงได้ทำแบบนี้ แต่ว่าในสายตาของแม่เหยียนแล้วการที่ลูกชายทำแบบนี้คือการท้าทายอำนาจของเธอ เป็นการดูถูกกัน

 

 

เป็นเพราะว่าเหยียนเค่อ…หิวน้ำ ความจริงเขาก็อยากจะหาเหตุผลดีๆสักข้อในการลงไปด้านล้าง แต่พอได้สบตากับสวีอิ๋งอิ๋งเมื่อครู่จึงได้รู้ว่าตนไม่ต้องไปอยากรู้หรอกว่าปีศาจเจ้าเล่ห์ตัวนี้จะคุยอะไรกับแม่ของตนบ้าง

 

 

ตอนเขากำลังจะเดินกลับขึ้นไปด้านบนก็เจอกับพ่อเหยียนและเหยียนเฟิงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องหนังสือของผู้เฒ่าเหยียนพอดี เหยียยนเค่อไม่ได้แสดงท่าทีอะไร หลบทางให้พวกเขา พอพวกเขาลงไปตนจึงได้เดินขึ้นไปด้านบน

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนคุยกับเหยียนเค่อต่อ เพียงแต่ว่าทั้งคู่แค่คุยเล่นกันเฉยๆเท่านั้น เหยียนแค่แสดงอย่างชัดเจนว่าทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองจะเก็บเอาไว้ให้ภรรยาในอนาคต ดังนั้นพวกเขารู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเลยปิดบังไว้ไม่ยอมเปิดเผยออกมาสักนิด

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว พวกเขาทะเลาะกันจนถึงจุดนี้ตนเองจึงได้แต่แสดงตัวว่าสนับสนุนใคร

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 616 คิดวนไปวนมา

 

 

หลังจากผ่านวันนั้นไปพ่อเหยียนกับแม่เหยียนก็ยังไม่ยอมกลับคฤหาสน์ของตัวเอง ยังคงจับตาดูเหยียนเค่ออยู่

 

 

แม่เหยียนนึกว่าวันนั้นที่เหยียนเค่อลงมาคือการยอมอ่อนข้อให้แล้ว แต่พอหลังจากวันนั้นเธอไปเรียกให้เขาลงมากินข้าวก็ยังคงไม่มีเสียงตอบรับอยู่ดี พอให้ออกไปนัดเดทกับสวีอิ๋งอิ๋งก็ทำนิ่งเฉย ทำตัวราวกับคนเป็นใบ้

 

 

เหยียนเค่อทนกับชีวิตแบบนี้มามากพอแล้ว ทั้งวันอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อแม่ อีกอย่างทุกวันยังต้องเห็นสวีอิ๋งอิ๋งมากินข้าวที่บ้านอีก

 

 

เขายิ่งคิดยิ่งกดดัน หงุดหงิดใจจนต้องกลิ้งตัวไปมาอยู่บนเตียง นิ้วมือแตะไปโดนเคสโทรศัพท์สีทองเลยขยับไปหยิบมา ตั้งแต่วันนั้นซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้โทรหารเขาอีกเลย

 

 

ในโทรศัพท์มีภาพของซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ไม่มาก เขาดูจนแทบจะวาดออกมาได้อยู่แล้ว เหยียนเค่อรู้ว่าตอนนี้เขาไม่มีทางรักษาให้หายได้แล้ว ถ้ายังไม่ได้เห็นหน้าซย่าเสี่ยวมั่วอีกเขาต้องป่วยเป็นไข้ใจแน่ๆ

 

 

“โว้ย!” เหยียนเค่อตะเบงเสียงตะโกนออกมา แม่เหยียนเดินขึ้นมาดุ “ดึกขนาดนี้แล้วเอะอะโวยวายอะไร”

 

 

พอแม่เหยียนเดินจากไปลุงฝูก็เดินเข้ามา ใบหน้ามีรอยยิ้มเอ็นดู “นายผู้เฒ่าบอกว่าถ้าคุณไม่อยากอยู่แล้วก็รีบไปเถอะครับ ทางนี้ท่านจะรับมือให้เอง” แทบจะน้อยมากที่จะเห็นคุณชายอาละวาดเหมือนคนบ้านแบบนี้ ลุงฝูก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน

 

 

นัยย์ตาเหยียนเค่อแวววาวขึ้นทันที ที่เขารอก็คือคำพูดของปู่ประโยคนี้นี่แหล่ะ

 

 

“แต่ว่าจะไปอย่างไร ตอนไหน คุณคิดหาวิธีเอาเองนะครับ” ลุงฝูเอ่ยเสริม ในสายตาของเขาผู้เฒ่าเหยียนกำลังจงใจทำให้เหยีนเค่อลำบาก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรกลับรู้สึกเห็นใจเหยยียนเค่อด้วยซ้ำ

 

 

แต่ว่าลุงฝูประเมินความสามารถในการอดทนและการก่อเรื่องของเหยียนเค่อต่ำไปแล้ว ตอนนี้เหยียนเค่ออยู่ต่อไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ลุงฝูออกไปได้ไม่นานเหยียนเค่อก็ปีนจากระเบียงห้องตัวเองลงมายังหน้าต่างชั้นล่าง ไม่ถึงสิบนาทีก็ลงมาข้างล่างได้อย่างราบรื่น

 

 

แม้ว่าไหล่ของเหยียนเค่อจะยังเจ็บอยู่มาก แต่ว่าการเจ็บปวดที่หัวไหล่ก็มาหยุดยั้งการอยากเจอหน้าซย่าเสี่ยวมั่วของเขาในตอนนี้ไม่ได้ ชายหนุ่มเช็ดฝุ่นออกจากมืออย่างพอใจ แล้วเดินไปเด็ดดอกไม้ที่ผู้เฒ่าเหยียนค่อนข้างทะนุถนอมติดมือมาด้วยสองดอก

 

 

พอได้รับอิสระเป็นที่เรียบร้อยก็รีบกลับไปที่บ้านตนเองเพื่อเปลี่ยนชุด พอเดินไปที่ประตูก็รู้สึกว่าตนโผล่ไปให้ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงหมุนตัวกลับไปหยิบอาหารสัตว์ตรงระเบียงที่คราวที่แล้วเก็บใส่กระเป๋าไปให้ไม่หมด จากนั้นก็ขับรถตรงไปหาซย่าเสี่ยวมั่วอย่างมีความสุข

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังคงไม่รู้ตัวว่าจะมีคนจิตไม่ปกติกำลังบึ่งขับรถด้วยความเร็วสูงมาหาเธอ เธอรู้แค่ว่าหากเธอยังต้องพาหมาออกมาเดินเล่นอยู่อย่างนี้ทุกวันเธอต้องกลายเป็นบ้านแน่ๆ

 

 

เจ้าโกลเด้นหย่อนตัวลงตรงแปลงดอกไม้ มองสบตาอย่างตั้งใจกับเจ้านายที่ย่อตัวอยู่ในระดับเดียวกัน ซย่าเสี่ยวมั่วพูดสั่งสอนมันไปเรื่อยๆ พูดจนน้ำลายแห้งคอแต่เจ้าโกลเด้นก็ยังนั่งจ้องตาเธอตาแป๋วเหมือนกับตอนแรกไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

ในใจซย่าเสี่ยวมั่วเต็มไปด้วยความรู้สึกล้มเหลว ไม่รู้ว่าเหยียนเค่อทำให้มันเชื่อฟังได้อย่างไร

 

 

พอเหยียนเค่อขับรถมาถึงที่หมายแล้วกลับรู้สึกเศร้าอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายังไม่ได้เตรียมข้ออ้างอะไรมาเลยก็บึ่งรถมาถึงที่นี่แล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะอยากเจอตนหรือไม่

 

 

หลังจากชายหนุ่มเดินลงมาจากรถก็รู้สึกว่าตนตัดสินใจผิดแล้ว ในมือถืออาหารสัตว์และดอกไม้ไว้จากนั้นก็ยืนคิดวนไปวนมาอยู่ใต้ที่พักของซย่าเสี่ยวมั่ว มองดูภาพนี้แล้วช่างน่าขำนัก

 

 

ผ่านประสบการณ์การเลี้ยงหมามาหนึ่งอาทิตย์ เหยียนเค่อก็คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมบริเวณรอบๆนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นสมองที่ไม่ปกติของเขาก็เริ่มคิดสงสัย หากซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากพบเขา เขาควรจะปีนขึ้นไปหาซย่าเสี่ยวมั่วดีไหม แต่แบบนั้นคงจะโดนหล่อนเตะออกมาจากห้องแน่ๆ

 

 

เหยียนเค่อเอาเท้าเตะก้อนหินอย่างไม่มีอะไรทำ ไม่รู้ว่าตนควรจะขึ้นไปรบกวนดีหรือไม่ แม้กระทั่งไปคุยงานเขายังไม่เคยลังเลขนาดนี้มาก่อนเลย ขนาดตอนที่ถูกเฉินเจวี้ยนขโมยเงินไปหมดตัวก็ยังไม่เคยลังเลแบบนี้เลย