เวลานั้นนั่นเองโทรศัพท์มือถือของถังซีก็ดังขึ้น เธอมองดูชื่อผู้โทร และเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกที่ไม่รู้จัก เธอเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะรับสาย “สวัสดีค่ะ ถังซีค่ะ” 

 

 

“ซีซี ช่วยฉันด้วย” เสียงอ้อนวอนของฉินซินหยิ่งดังมาตามสาย 

 

 

ถังซีขมวดคิ้ว ทำไมฉินซินหยิ่งจึงโทรมาหาเธอ ทำไมถึงมาขอให้เธอช่วย คลิปวิดีโอถูกปล่อยออกไปแล้ว อะไรที่ทำไปแล้วไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ มหาชนคงไม่ยอมทนกับบุคคลที่น่ารังเกียจอย่างหล่อนเป็นแน่ 

 

 

เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี ซึ่งสั่นศีรษะให้เขา ก่อนจะหันหน้าเข้ามุม เธอกล่าวเสียงเยือกเย็นว่า “เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเธอได้” 

 

 

ถังซีแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจว่าฉินซินหยิ่งกำลังพูดถึงเรื่องอะไร  

 

 

ฉินซินหยิ่งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “ฉันอธิบายทางโทรศัพท์ไม่ค่อยสะดวก คุยกันแบบเจอตัวจะดีกว่า ฉันรู้ว่าเธออยู่ในปารีส ฉันก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน เรามาเจอกันนะ” 

 

 

ดวงตาถังซีส่องประกายเยือกเย็น นี่ฉินซินหยิ่งต้องการจะทำอะไร หล่อนกำลังพยายามจะหลอกใช้เธออีกอย่างนั้นหรือ 

 

 

“วันนี้ฉันไม่ว่าง ไว้จะโทรกลับตอนที่มีเวลาว่างนะ” ถังซีไม่อยากใส่ใจเสียเวลากับฉินซินหยิ่งอีกต่อไป และกำลังจะวางสาย เมื่อฉินซินหยิ่งชิงพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อนสิ”  

 

 

ถังซียกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง ถามว่า “ว่าไง” 

 

 

“ซีซี เธอเปิดดูในไมโครบล็อกสิ แล้วเธอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันหวังว่าเธอจะช่วยออกหน้าแก้ข่าวให้ฉันได้ มีเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้ตอนนี้ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมานานหลายปี เธอคงไม่อยากเห็นชีวิตฉันต้องพังพินาศไปหรอก ใช่ไหม” ฉินซินหยิ่งพยายามพูดอย่างอ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยความหวังว่าถังซีจะช่วยเธอเพื่อเห็นแก่มิตรภาพที่เคยมีต่อกัน 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายเช่นนั้น ถังซีก็ยิ้มหยัน ทำเสียงตอบรับในลำคอและกล่าวว่า “เดี๋ยวจะเปิดดู” แล้ววางสายไป 

 

 

ถังซีอ่านโพสต์ในไมโครบล็อกต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่เขียนแสดงความคิดเห็นใดๆ  

 

 

อีกครู่ต่อมาสื่อมวลชนจากหลายแห่งต่างก็โทรเข้ามาหาถังซี เพื่อขอให้เธอยืนยันข้อมูลในข่าว พวกเขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือของถังซี จึงโทรเข้าไปที่บริษัท ผู้ช่วยหวังซึ่งนั่งประจำอยู่ที่ห้องทำงานของถังซีแทบประสาทเสียเพราะโทรศัพท์มากมายที่โทรเข้ามา ในที่สุดเธอจึงดึงปลั๊กโทรศัพท์ออก แล้วใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาถังซีเพื่อขอคำแนะนำว่าควรทำอย่างไร 

 

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องปฏิเสธ ไม่ต้องตอบรับ ปล่อยให้คนคิดกันไปเองก่อน” ถังซีเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวต่อไปว่า “คอยเฝ้าดูราคาหุ้นของเอ็มไพร์กรุปและฉินกรุป เมื่อไรที่ราคาหุ้นฉินกรุปตก รีบช้อนซื้อไว้แบบไม่ต้องแสดงตัว” 

 

 

เฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่ข้างถังซี เลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำสั่งของเธอ เขามองหน้าถังซีซึ่งยิ้มหวานให้เขา ก่อนจะหันไปพูดกับผู้ช่วยหวังต่อไป แล้วเธอก็วางสาย หันมาพูดกับเฉียวเหลียงว่า “ฉินซินหยิ่งโทรมา เธอขอให้ฉันช่วย แต่ฉันวางแผนว่าจะช่วยแทงเธอข้างหลังแทน”  

 

 

เฉียวเหลียงขยี้ผมถังซีเบาๆ กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “คุณคงรู้สึกรังเกียจเธอมากเลย” 

 

 

ถังซีเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “เธออยากมาพบฉัน ฉันคิดว่าเธอก็คงมาอ้อนวอน ขอให้ฉันช่วยเขียนแก้ข่าวให้ในไมโครบล็อก ฉันตกลงใจแล้วว่าจะไปพบเธอ” 

 

 

เฉียวเหลียงมองถังซีแล้วขมวดคิ้ว “เธอจ้างสวีฟังให้ไปล่อลวงคลอส เลิฟให้มาลวนลามคุณ แล้วคุณยังคิดจะช่วยเธออีกเหรอ” 

 

 

ถังซียิ้ม นัยน์ตาวาววับด้วยประกายดุดัน เธอวางมือข้างหนึ่งลงบนมือเฉียวเหลียง และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันตกลงใจว่าจะไปพบเธอ แต่ฉันจะไม่ช่วยเธอ ฉันเคยมอบผลงานออกแบบของฉันให้เธอ เพราะถือว่าเธอเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่เพียงแต่เธอจะขโมยผลงานของฉัน แต่ยังขโมยผลงานของคนอื่นด้วย คนแบบนี้ไม่ควรมีที่ยืนในวงการแฟชั่น” 

 

 

เมื่อทั้งสองมาถึงโรงแรมที่พัก ถังซีได้รับโทรศัพท์จากเซียวจิ่ง “พวกเราอยู่ที่ภัตตาคารจีนบนชั้นสาม ขึ้นมาข้างบนเลยนะ” 

 

 

เมื่อถังซีกับเฉียวเหลียงไปถึงภัตตาคารจีน เซียวจิ่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปหา และเซียวจิ่งก็รีบเดินออกมารับครึ่งทาง “ทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว รวมทั้งเฮ่อหว่านโจวกับเฮ่อหว่านหนิงด้วย พวกเขาบอกว่าเดินทางเป็นเพื่อนน้องสาวมาปารีส แต่พี่คิดว่าพวกเขามาเพื่อให้กำลังใจเธอนะ โหรวโหรว ดีใจไหม” 

 

 

ถังซียิ้มตอบ เธอไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้มีมิตรที่ดีหลายคนเช่นนี้ หลังจากได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง 

 

 

เมื่อทั้งหมดเดินเข้าไปในห้องพิเศษของภัตตาคาร เฮ่อหว่านอีก็ตรงเข้ามากอดเธอ “สาวน้อยของพี่ เธอทำให้พี่ประหลาดใจมาก! พี่ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีแฟชั่นโชว์ของตัวเองที่ปารีสแฟชั่นวีก พี่ภูมิใจในตัวเธอมากเลย พี่คิดว่าเธอจะต้องกลายเป็นตำนาน แบบตำนานเรื่องลูกเป็ดขี้เหร่ที่กลายร่างเป็นหงส์ขาว” 

 

 

ถังซีโอบเฮ่อหว่านอีไว้ ตบหลังเธอเบาๆ แล้วจูงมือเธอเดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพี่ ถ้าพี่ไม่สนับสนุน ฉันก็คงไม่สามารถจะจัดแฟชั่นโชว์ของตัวเองที่ปารีสแฟชั่นวีกแบบนี้ได้” 

 

 

ถังซีมองเฮ่อหว่านโจวและคนอื่นๆ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เฮ่อคะ ฉันขอบคุณมากจริงๆ ที่พี่มาให้กำลังใจฉัน” 

 

 

เฮ่อหว่านโจวยักไหล่ “ตอนแรกฉันก็ตั้งใจว่าจะพานักแสดงทั้งหญิงและชายที่บริษัทมาด้วย แต่หว่านอีบอกว่า แบรนด์ใหม่นี้ยังอยากเก็บไว้ให้ดูลึกลับสักหน่อยก่อน และตัวเธอเองซึ่งเป็นดาราแถวหน้าก็น่าจะเพียงพอแล้ว ฉันก็เลยไม่ได้พาใครมาด้วย” 

 

 

ถังซีขอบคุณเฮ่อหว่านอี แล้วดึงเก้าอี้ออกมานั่งลงข้างเฉียวเหลียง จากนั้นก็หันไปทางหนิงเหยี่ยน กล่าวว่า “ผู้กำกับหนิง ขอบคุณมากนะคะที่ตอบตกลงจะถ่ายทำคลิปโฆษณาแบรนด์ให้ฉัน ฉันเป็นหนี้คุณครั้งหนึ่งแล้ว!” 

 

 

“เป็นเพราะเราสามารถร่วมงานกันได้อย่างราบรื่นเมื่อคราวก่อน ครั้งนี้หวังว่าเธอจะทำให้ฉันประหลาดใจได้มากกว่าครั้งก่อนนะ” หนิงเหยี่ยนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย 

 

 

ถังซียิ้ม เมื่อนึกถึงแผนงานที่วางไว้ก็พยักหน้าและตอบอย่างมั่นใจ “ขอให้คุณวางใจได้เลยค่ะ ผู้กำกับหนิง ฉันวางแผนไว้ว่าจะให้คลิปวิดีโอเปิดตัวแบรนด์เรื่องนี้นำแสดงโดยราชินีสองคน ราชินีแห่งวงการบันเทิง และราชินีแห่งแวดวงธุรกิจ น่าจะเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากทีเดียวสำหรับผู้ชม!” 

 

 

“อย่างนั้นเหรอ” หนิงเหยี่ยนเลิกคิ้วสูง มองหน้าถังซี  

 

 

ถังซีหันไปมองเฉียวเหลียงซึ่งกล่าวขึ้นว่า “เธอวางแผนว่าจะเชิญถังซี เจ้าหญิงแห่งเอ็มไพร์กรุปมาแสดงนำในคลิปวิดีโอเปิดตัวเรื่องนี้” 

 

 

หนิงเหยี่ยนผิวปากหวือ “ถังซีเหรอ แต่ถังซีไม่ได้ต้องการเงินนี่ จะมาแสดงให้เหรอ แล้วอีกอย่าง…” หนิงเหยี่ยนเหลือบตาไปทางเฉียวเหลียง ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ “เธอไม่กลัวหรือว่าเฉียวเหลียงแฟนเธอจะกลับไปคืนดีกับถ่านไฟเก่า แล้วเธอจะต้องเสียเขาไป!” 

 

 

ถังซีทำเสียงคำรามอยู่ในลำคอ แล้วกล่าวเสียงจริงจังว่า “กลัวสิคะ เพราะงั้นฉันเลยวางแผนไว้แล้วว่า เฉียวเหลียงกับฉันจะไม่โผล่ไปดูตอนถ่ายทำโดยเด็ดขาด”