เซียงฮั่นไม่อาจกลั่นน้ำตาของนางไว้ได้อีกแล้ว !
ความโกรธในใจของนางที่มีก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว และมันก็ไดเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกซาบซึ้งในช่วงสามประโยคสุดท้าย
แม้ว่ากวนเซี่ยงฮั่นจะเข้าใจในเหตุผลที่พ่อของนางเลือกแบบนั้น แต่หัวใจของนางก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดอยู่ ความจริง นางไม่ได้คิดว่านางจะเสียสละเพื่อสกุลที่น่าเกลียดชังทั้งสองนี้ !
แต่ตอนนี้ ความคิดของเซียงฮั่นก็ได้เปลี่ยนไป และนางจะไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้ต้องตาย
ความคิดของพ่อของนางบังคับให้นางแต่งานเข้าไปอยู่ในเขตซือฮั่นเพื่อความปลอดภัยของสกุลทั้งสองนั้นเมีเหตุผล อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ยินถึงการตัดสินใจของจวินโม่เซี่ยและจวินวูอี้ที่จะยืนหยัดต่อสู้ ความคิดเห็นแก่ตัวจึงหายไปจากใจของนาง !
ความรู้สึกอบอุ่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และความรักก็ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเซียงยี่ ขณะที่นางมองไปยังจวินโม่เซี่ยและจวินวูอี้
พวกเขาจะยืนหยัดเพื่อข้า … แม้มันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของพวกเขา ? อะไรมันจะดีไปกว่าการสร้างความสุขและความมั่นคงของพวกเขากัน ?!
ข้าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้บนความอับยศและหายนะ แต่หากข้าฆ่าตัวตาย เขตซือฮั่นก็จะระบายความโกรธของพวกเขาใส่สกุลกวนและสกุลจวิน … ข้าไม่คิดจะยอมรับความผิดบาปเช่นนั้น !
ข้าจะนำพาความหายนะมาสู่ชายผู้กล้าหาญทั้งสองนี้ และสกุลที่ดีเลิศเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ? ข้าจะปล่อยชีวิตที่บริสุทธิมากมายต้องมาเสียสละ ถูกย่ำยี และถูกทารุณเพื่อช่วยข้าจากการมีชีวิตที่อัปยศนี้ได้อย่างไร ? ข้าจะสามารถให้อภัยตัวเองได้อย่างนั้นหรือ ? หัวใจของข้าจะสงบได้อย่างนั้นหรือ ?!
“ ท่านน้าสาม ท่านพ่อ … ข้ามีอะไรบางอย่างจะพูด ”
กวนเซียงฮั่นรีบแสดงสีหน้าที่เยือกเย็นออกมา และแสดงท่าทางที่สง่างาม
“ จงพูดส่ิงที่อยู่ในใจของเจ้า น้าสามจะสนับสนุนเจ้า ”
จวินวูอี้มองไปยังใบหน้าของนาง ต่อหัวใจของเขาก็รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างที่ถูกส่งมาจากนาง
เซียงฮั่นรีบเงยหน้าขึ้นไปและมองไปยังฝนที่ร่วงหล่นลงมาด้านนอก และสุดท้ายนางก็ตัดสินใจ จากนั้น นางก็หันหน้ามามองจวินวูอี้ และคุกเข่าลง จากนั้นนางก็ก้มหัวลงไปยังพื้นช้าๆเพื่อแสดงความเคารพ
นางมองขึ้นมาที่จวินวูอี้และพูดด้วยความสงบ
“ เซียงฮั่น จะไม่ขัดต่อการตัดสินใจเดิม เพราะเซียงฮั่นมีเหตุผลบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แม้จะเป็นลูกสาวคนโตของสกุล เซียงฮั่นก็ได้นำพาโชคร้ายมาสุ่สกุลจวินตั้งแต่ที่ข้าได้เดินเข้าประตูมา และแม้แต่วันนี้ข้าก็ได้นำพายหายนะเข้ามา เนื่องจากข้าไร้ความสามารถ ข้าได้นำพาหายนะอันใหญ่หลวงมายังสกุลจวิน แต่พวกท่านทั้งสาม ท่านน้า ท่านพ่อ น้องเขยโม่เซี่ย ไม่จำเป็นต้องโต้เถียงกันในเรื่องนี้อีกแล้ว ”
เซียงฮั่นตัดสินใจไปอย่างชัดเจน
“ แม้ว่าโม่โย่และข้าจะแต่งงานกัน แต่เป็นเพียงแค่ในนาม มิได้แต่งกันจริงๆ อย่างไรก็ตาม ข้าก็ได้มาอยู่กับสกุลจวินเป็นเวลานานเพราะความดื้อรั้นของข้า ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผิด และดังนั้น ท่านน้า โปรดอภัย ข้าเซียงฮั่นต้องการ …. ”
เซียงฮั่นกัดริมฝีปากขงนางอย่างเยือกเย็นในขณะที่นางพูดประโยคที่เหลืออยู่
“…. ที่จะถอนหมั้น ! ”
นางไม่สามารถที่จะเงยหน้าได้ต่อไป ดูเหมือนว่านางกำลังจะหมดแรง
“ เซียงฮั่น ต้องการจะพบท่านปู่ และขออภัยท่านด้วยตัวเอง แต่ข้าไม่มีความกล้าอีกต่อไปแล้ว ข้าต้องการจะกลับไปพร้อมกับพ่อของข้าในวันพรุ่งนี้ และกลับไปยังสกุลกวน และภาวนาว่าท่านน้าจะสนับสนุนความคิดของข้า และสกุลจวินจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆอีกต่อไป ! ”
จวินวูอี้เกือบจะกระโดดออกมาจากเก้าอี้เลื่อนของเขา !
คำพูดของเซียงฮั่นนั้นมีความหมายอย่างชัดเจนว่า ตัวของนางเป็นลูกสาวของพ่อแม่ของนาง และไม่ยอมรับการเป็นสะใภ้กับสกุลจวิน ! นั่นหมายความว่าอย่างไร ?
กวนดุงหลิวตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว … ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ผู้หญิงนั้นเข้าใจยาก หากไม่คิดถึงสกุลจวิน การตัดสินใจของนางนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีกับสกุลกวน ! มีน้ำตาสองหยุดหลั่งออกมาจากดวงตาของเขา
จวินโม่เซี่ยมองไปยังใบหน้าที่เยือกเย็นและสงบของกวนเซี่ยงฮั่นอย่างเงียบๆ และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีร่องรอยของอารมณ์ใดๆอยู่บนใบหน้าของนางเลย ไม่ว่าจะฝ่ามือเล็กๆของนาง ที่จับกันอยู่นั้นยังซีดเผือก ซึ่งมันมากพอที่จะทำให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของนาง !
“ เซียงฮั่น การตัดสินใจนี้มิใช่เรื่องเล็กน้อย มันเกี่ยวโยงไปถึงอนาคตและชีวิตของเจ้า ดังนั้น ข้าจึงของแนะนำให้เจ้าคิดอย่างรอบคอบ ! เจ้าจะเป็นสะใภ้ของสกุลจวินตราบเท่าที่เจ้าเลือก และจะไม่มีผู้ใดบังคับเจ้าได้ตราบเท่าที่สกุลจวินยังคงหายใจ ! ”
ดวงตาที่เย็นชาของจวินวูอี้นั้นไม่มีความกล้าพอที่จะมองไปหาเซียงฮั่น แต่กลับมองไปที่มือที่แข็งแกร่งระดับสวรรค์เชวียนของเขาแทน !
“ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรใหม่ ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว และหวังว่าท่านน้าจะยอมฟัง ! ”
เซียงฮั่นยิ้มอย่างโศกเศร้า
“ ความจริง โม่โย่และข้าเจอกันเพียงแค่สามครั้ง แต่ข้าก็ยังเลือกที่จะเดินไปในทางที่ผิด … ”
เซียงฮั่นหันหน้ามองไปยังพ่อของนาง แต่ก็พบว่าพ่อของนางหันหน้าไปทางอื่น สำหรับพ่อของนาง เขาไม่กล้าที่จะมองไปยังดวงตาของลูกสาวในเวลานี้ ! เขากลัวว่าเขาจะใจอ่อน และอาจจะพูดเพื่อหยุดนาง !
เซียงฮั่นยิ้มอย่างนุ่มนวลขณะที่นางเปลี่ยนเรื่อง
“ เวลาไม่เคยหมุนกลับ สิ่งผ่านไปมันจบไปแล้ว ”
ในยุคสมัยนี้ การแต่งงานนั้นถือเป็นข้อตกลงด้วยวาจา และตอนนี้แม้แต่ทะเบียนสมรสก็ไม่อาจจะเปลี่ยนใจนางได้ หากนางเลือก นางก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสกุลจวินอีกต่อไป
จวินโม่เซี่เข้าใจอย่างชัดเจนว่านางกระทำไปเพราะอารมณ์ ขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย เขาก็สงสัยกวนดุงหลิวมากขึ้น
เป็นไปได้ไหมที่เขาจะมีอะไรที่ยังอยู่เบื้องหลังเรื่องราวกนี้อีก ?
“ เซียงฮั่น น้ารู้ว่าที่เจ้าเสียสละตัวเองก็เพื่อช่วยพวกเราจะความชั่วร้าย ! แต่เรื่องนี้มันเกินกว่านั้นไปแล้ว และมันก็ช้าเกินไป แม้ว่าเจ้าจะยุติการแต่งงานและป่าประกาศว่ามิได้เกี่ยวข้องกับสกุลจวิน ซึ่งมันก็สายเกินไปแล้วตั้งแต่ที่ข้าได้รับรู้เรื่องนี้ และข้าจะไม่ละเลย .. ไม่เลย ”
จวินวูอี้ครุ่นคิดชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ่มขึ้นมาทันที
“ เซียงฮั่นตอนนี้ น้านั้นพิการ แต่ต้องไม่ลืมว่าข้านั้นเคยเป็นทหาร ! ข้ายังคงเป็นทหาร และข้าจะเป็นทหารตลอดไป และทหารนั้นเกิดมาจากเลือดและเหล็ก ! ”
“ และสำหรับลูกสะใภ้ของข้า และเจ้าจะต้องเข้าใจว่า ด้วยเลือดวีรบุรุษของข้านั้นไม่ยอมปล่อยให้ข้าผิดสัญญาในเรื่องนี้ ! โดนเฉพาะอย่างยิรง เมื่อมันเกิดขึ้นกับเจ้า … เจ้าคือสะใภ้ของข้า ! ”
จวินวูอี้เลิกคิ้วที่เรียวแหลมของเขาขึ้น
“ ตราบใดที่หัวข้อนี้ยังเกี่ยวข้องกันการถอนการแต่งงาน ข้าจะไม่หยุดเจ้า แต่เมื่อมันเป็นปัญหาที่มาจากเขตซื่อฮั่น ข้าคือคนหนึ่งที่ดูแลสกุลจวิน ! หากเจ้าตัดสินใจจะเป็นลูกสาวในสกุลของข้า เจ้าก็จะยังเป็นลูกสาวสกุลจวิน และพวกเราจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำให้ชื่อเสียงของเจ้ามัวหมอง ! ”
“ ถูกแล้ว ! พูดได้ดีท่านน้า ! ”
จวินโม่เซี่ยพูดขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
“ หากการกระทำของเจ้านั้นออกมาด้วยความเมตตา เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสกุลจวิน อย่างไรด็ตาม พวกเราก็จะไม่ยอมให้เจ้าถอนการแต่งานในตอนนี้ ! หากเจ้าตัดสินใจที่จะยกเลิกการแต่งงานในตอนนี้ พวกเราจะไม่อณุญาติ เพราะมันจะเป็นเรื่องของความอับอายและเสื่อมเสียกับสกุลจวิน ! ”
จวินโม่เซี่ยเพ่งมองไปที่นาง
“ อย่าได้เอาแต่ใจตัวเอง ! เหตุใดตอนนี้เจ้าถึงทำตัวดั่งเช่นผู้หญิง ? เจ้าไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้ ! ”
แม้ว่าจวินโม่เซี่ยจะอวดดีและเยือกเย็น คำพูดของเขาก็ก่อให้เกิดความรู้สึกมากมายขึ้นในหัวใจของนาง
จวินวูอี้เรียกคนใช้ และกระซิบคำบางคำไปที่หูของเขา คนรับใช้ผู้นั้นก็รีบวิ่งออกไปจากโถง และไม่นานเขาก็กลับเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้ และยื่นมันให้กับจวินวูอี้
จวินวูอี้ยกกล่องไม้นั้นขึ้น และพูด
“ หลานเซียงฮั่น ในกล่องนี้คือเอกสารที่เขียนโดยพ่อของข้า เพื่อประกาศว่าเจ้าเป็นสะใภ้ของสกุลจวิน เมื่อเรื่องของเขตซื่อฮั่นได้รับการแก้ไข เวลานั้น ในฐานะของหัวหน้าสกุลจวิน ข้าจะประกาศให้โลกรู้ว่า เจ้า เซียงฮัน และสกุลของข้า ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกันอีกต่อไป หากเจ้าไม่ยอมรับความสัมพันธ์นี้ก่อนถึงเวลานั้น พวกเราจะไม่เห็นด้วย ! ”
จวินโม่เซี่ยยิ้มขณะที่เขามองไปยังกล่องไม้ และพูดขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อย
“ ข้าเชื่อว่าโชคชะตาของกล่องไม้กล่องนี้นั้นมีสองอย่าง หนึ่ง ข้าจะเปิดมันออกมาด้วยตัวเองและประกาศว่าเจ้านั้นเป็นอิสระ สองมันจะถูกเผาไปกับร่างอันไร้วิญญาณของพวกเรา แต่ไม่ว่าทางใดก็ตาม ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปยังเขตซือฮั่น ”
แม้ว่าจวินโม่เซี่ยจะพูดคำเหล่านั้นออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงของเขาก็มากพอที่จะเปิดเผยว่าเขามีความตั้งใจอย่างมาก !
ดวงตาของเซียงฮั่นเต็มไปด้วยน้ำตา ในขณะที่ได้เห็นใบหน้าที่สงบนิ่งและรอยยิ้มที่อ่อนโยนของจวินโม่เซี่ย ดวงตาของเขาเริ่มดูเหมือนกระบี่ที่สามารถปกป้องโลกได้จากอันตรายใดๆก็ตาม … และทันใดนนั้นมันก็เริ่มฝังลึกเข้าไปในดวงใจของนาง
กวนดุงหลิวรู้สึกราวกับว่าเขากำลังนั่งอยู่บนตะปู แม้ว่าทางเลือกของลูกสาวที่ถูกต้องตามหลักศีลธรรมจะทำให้เขาเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่เขาก็ยังคงพอใจที่รู้ว่านางพร้อมที่จะเสียสละเพื่อสกุลของนาง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สถานการณ์ได้พัฒนาไปไกลเกินกว่าที่จะพูดโน้มน้าวใดๆ เขาถอนหายใจและกระทืบเท้า
“ พี่จวิน ท่านจะทำอะไร ? ทางเลือกของท่านนั้นไม่เพียงแต่ไม่ทำตามหัวใจของนาง มันไม่เป็นไปตามความคาดหวังของแผ่นดิน และสกุลของท่านหรือคนของท่าน … ท่านกำลังพูดอะไร ? ”
“ ข้าเข้าใจปัญหาของท่านพี่ชาย และข้าก็เข้าใจหัวอกของเซียงฮั่น ”
จวินวูอี้ยิ้มด้วยความเข้าใจ
“ เจ้านั้นตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และข้าเชื่อว่าแม้แต่องค์จักรพรรดิก็จะเลือกเช่นเดียวกับเจ้าในเรื่องนี้ ไม่มีใครบอกว่าเจ้าผิด แต่ทุกคนนั้นมีจุดยืนที่ต่างกัน ”
“ ความจริง เรื่องเช่นนี้นั้นมันจะเป็นความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่ และแตกต่างระหว่างทางทหารและรัฐ รัฐนั้นมองหาความสงบสุข และทหารนั้นไม่มองเช่นนั้น นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยแก้ได้ หากรัฐมองหาสงครามบ้านเมืองจะถูกแบ่งแยก อย่างไรก็ตาม หากทหารมองหาความสงบสุขบ้านเมืองก็จะไม่เหลืออะไรนอกจากซากประหลักหักพัง ! ”
“ และหากเป็นสกุลของเรา ในฐานะผู้นำกองกำลังของบ้านเมือง จะประณีประนอมในเรื่องนี้ มันจะไม่เป็นการทำให้โลกต้องหัวเราะเยาะไปหรือ ? มันมิใช่ว่าเราไม่ต้องการความสงบ แต่ในเรื่องนี้เราไม่กล้าที่จะประณีประนอม ! ”
กวนดุงหลิวสาปแช่งตัวเองอย่างดุร้ายอยู่ในหัว
ข้าลืมเรื่องนี้ไป ! ข้าเดินเข้าไปยังบ้านของคนบ้า และให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของข้า และยังโง่พอที่จะมีความสุขอยู่ได้อีกหรือ ?! ปิศาจร้ายพวกนี้ ! หากเรื่องนี้เป็นที่ล่วงรู้ต่อสาธารณะ มันจะไม่เป็นอันตรายใดๆกับสกุลจวิน แต่สกุลกวนจะเลวร้ายลงยิ่งกว่าพังพินาศ !
“ แม้ว่าจะเป็นหัวหน้าของสกุลของเจ้าก็ตาม ข้าจะไม่ขอท่านโทษท่านในผลสุดท้ายของเรื่องนี้ ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นไปในทางใหน อย่างไรก็ตามตอนนี้เซียงฮั่นก็ยังคงอยู่ในสกุลจวิน ”
จวินวูอี้ยิ้ม แม้ว่าเสียงของเขาจะเบา ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธ
กวนดุงหลิวถอนหายใจแต่ก็ยังคงเงียบอยู่ จากนั้น เขาก็ยืนขึ้น และเริ่มเดินออกไป เนื่องจากพวกเขาไม่ยอม เขาก็มีหลายอย่างที่ต้องจัดการ จากทั้งหมดนี้ ความพินาศนี้จะเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับสกุลกวน !
“ ในเรื่องของลูกคนที่สองของท่านและผู้หญิงคนนั้น ข้ามีอีกความคิดหนึ่ง ข้าจะขอให้พี่กวนไม่แทรกแซงในเรื่องนี้ ”
กวนดุงหลิวตั้งใจจะเดินทางไปยังทะเลสาปหมอกวิญญาณเพื่อที่จะแก้แค้นยี่เอ๋อ อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องหยุดความคิดนี้ไปหลังจากได้ยินคำพูดของจวินวูอี้
เขาเดินไปถึงประตู และหยุด
“ ลี่จือ ให้เวลาเราแค่สองเดือน ดังนั้นได้โปดท่านพี่จวิน … แก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ”
ดวงตาของจวินวูอี้กระพริบจากที่หนึ่งไปยังอีกที่
“ ขอบคุณท่านพี่ ท่านจะต้องกลับไปและเตรียมการ ”
กวนดุงหลิวกระทืบเท้าขระที่เขาเดินออกไป