ตอนที่ 692 นางจิตป่วยไปแล้วหรือ / ตอนที่ 693 อย่าหาว่าข้าใจดำ

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 692 นางจิตป่วยไปแล้วหรือ

 

 

คิดถึงตรงนี้ จู่ ๆ จูจิ่นก็คุกเข่าลง

 

 

“ไทเฮา เซียงหนานยังเป็นเด็กน้อย ขอร้องไทเฮาอย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย ข้ากับหลิงอวี้จื้อรวมถึงเซียวเหยี่ยนตัดขาดกันอย่างชัดเจนแล้ว ต่อไปไม่มีทางติดต่อกับพวกเขาอีกแล้ว วันนี้ข้าไม่มีคำขอร้องอื่นใด ขอเพียงได้อยู่กับเซียงหนานจนเขาเติบโต เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนี่อวิ๋นเพียงหนึ่งเดียว ไทเฮาได้โปรดสงเคราะห์ด้วยเถิดเพคะ”

 

 

“จูจิ่น นี่เจ้าทำอะไร”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ขมวดคิ้ว

 

 

“เราแค่อยากดูแลเซียงหนานเองเท่านั้น เหตุใดเจ้าต้องมีปฏิกิริยาใหญ่โตเพียงนี้ ไม่ว่าเซียงหนานจะถูกเลี้ยงดูที่ใด เขาก็เป็นลูกชายเจ้าอยู่วันยังค่ำ”

 

 

“เซียงหนานยังเล็กอยู่เลย”

 

 

จูจิ่นแทบจะน้ำตาร่วง และแน่ใจในจุดประสงค์ของมู่หรงกวานเย่ว์มากขึ้น

 

 

“ถึงแม้เขาจะเพิ่งเกิด เราก็จะดูแลเขาอย่างดี อาจิ่น เจ้าออกไปก่อนเถิด เซียงหนานสบายดี หากไม่มีธุระก็ไม่ต้องมาที่วังฉางเล่อกงอีก อีกสักพักเราจะให้เจ้าได้พบเซียงหนาน”

 

 

“ไทเฮา…”

 

 

จูจิ่นยังอยากขอร้องมู่หรงกวานเย่ว์ เพียงแต่มู่หรงกวานเย่ว์โบกมือเสียแล้ว ไม่นานก็มีคนมาดึงตัวจูจิ่นออกไป จูจิ่นจึงถูกบังคับให้ออกไปเช่นนั้น

 

 

เพียงแต่นางไม่ได้ออกจากวัง แต่มุ่งหน้าไปที่วังกานเฉวียนกง ตอนนี้ทำได้เพียงขอร้องเฉินมั่วฉือแล้ว

 

 

ในที่สุดหลิงอวี้จื้อก็จัดการบัญชีทั้งหมดของจวนเซียวอ๋องเสร็จ เธอวางบัญชีเล่มสุดท้ายลง ถอนหายใจยาว ๆ ไม่ง่ายเลย ในที่สุดก็คิดทุกอย่างออกมาเรียบร้อยแล้ว

 

 

เพิ่งจะดื่มชาน้ำผึ้งส้มโอไปด้วยถ้วยเดียว มั่วชิงก็เดินเข้ามา ถือจดหมายฉบับหนึ่งยื่นให้หลิงอวี้จื้อ

 

 

“พระชายา จดหมายของท่านเพคะ”

 

 

“ใครเขียนมาหรือ”

 

 

“มิได้ลงชื่อ เด็กน้อยคนหนึ่งส่งมาให้เพคะ”

 

 

บนซองจดหมายไม่ลงชื่อจริง ๆ หลิงอวี้จื้อฉีกเปิดอย่างสงสัย เดิมยังยิ้มร่าเริงอยู่ เมื่ออ่านเนื้อหาในจดหมายแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงอวี้จื้อก็ค่อย ๆ เลือนหาย สุดท้ายสีหน้าก็ดูไม่ได้ ตบจดหมายลงบนโต๊ะ ก่นด่าหนึ่งประโยค

 

 

“ทุเรศ นี่มันบ้าแท้ ๆ”

 

 

มั่วชิงเห็นท่าทางของหลิงอวี้จื้อก็เดาออกแล้วว่าในจดหมายต้องพูดเรื่องอะไรไม่ดีแน่นอน มิเช่นนั้นหลิงอวี้จื้อคงไม่เอ่ยปากด่าคน หลิงอวี้จื้อสูดหายใจเข้าลึก พูดต่อว่า

 

 

“จดหมายนี้มู่หรงกวานเย่ว์เป็นคนเขียน นางเอาเซียงหนานไป”

 

 

“พระชายาหมายถึงมู่หรงเซียงหนานหรือเพคะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อพยักหน้า

 

 

“ใช่มู่หรงเซียงหนาน ลูกชายของนี่อวิ๋น นางบอกว่าหากอยากรักษาชีวิตของเซียงหนานกับอาจิ่นไว้ก็เอาแผนที่กองทัพของอาเหยี่ยนมาแลก เจ้าว่านางบ้าไปแล้วหรือไม่ เซียงหนานเป็นหลานชายแท้ ๆ ของนาง และยังเป็นทายาทหนึ่งเดียวของตระกูลมู่หรง นางเอาหลานชายแท้ ๆ ของตนเองมาขู่ข้า นางจิตป่วยไปแล้วหรือ”

 

 

มั่วชิงตระหนักดีถึงมิตรภาพระหว่างหลิงอวี้จื้อกับมู่หรงนี่อวิ๋น

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นตายเพื่อหลิงอวี้จื้อ ในใจหลิงอวี้จื้อ มู่หรงนี่อวิ๋นเป็นคนที่อยู่ตำแหน่งพิเศษ มู่หรงเซียงหนานเป็นลูกชายคนเดียวของมู่หรงนี่อวิ๋น หลิงอวี้จื้อจะไม่ยุ่งไม่ได้

 

 

“พระชายา ไทเฮาไม่ใช่คนที่ไม่เป็นห่วงครอบครัวทางมารดาของตนเอง มู่หรงหงรักใคร่เอ็นดูหลานขนาดนี้ ไทเฮาจะลงมือลงได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าใช้เรื่องนี้เพื่อหยั่งเชิงพระชายา พระชายาอย่าหลงกลนะเพคะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อเงียบ แผนที่กองทัพเป็นของสำคัญอย่างยิ่ง หากสิ่งนี้ตกอยู่ในมือของมู่หรงกวานเยาว์แล้วผลที่ตามมาไม่อยากจะนึกถึง มู่หรงเซียงหนานเป็นหลานชายแท้ ๆ ของมู่หรงกวานเย่ว์ นางไม่เชื่อว่ามู่หรงกวานเย่ว์จะลงมือกับมู่หรงเซียงหนานจริง ๆ

 

 

เมื่อใดที่ลงมือแล้ว ตระกูลมู่หรงจะไม่ให้อภัยนาง เฉินมั่วฉือก็จะไม่ให้อภัยนาง ก่อนหน้านี้หลิงอวี้จื้อมองเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่าเฉินมั่วฉือรักใคร่เอ็นดูมู่หรงเซียงหนานมาก นางจะต้องจ่ายมากเกินไปสำหรับการกระทำเช่นนี้ เธอพนันได้เลยว่ามู่หรงกวานเย่ว์ไม่กล้า

 

 

คิดเช่นนี้แล้ว หลิงอวี้จื้อก็ตัดสินใจว่าจะไม่สนจดหมายฉบับนี้ เธอสั่งการให้มั่วชิงไปตรวจสอบเรื่องนี้ อยากดูว่าตอนนี้มู่หรงเซียงหนานอยู่ที่ใด สุดท้ายรู้มาว่ามู่หรงเซียงหนานถูกมู่หรงกวานเย่ว์รับตัวเข้าวังไป มิหนำซ้ำยังอยู่ที่นั่นมาระยะหนึ่งแล้ว

 

 

เธอก็เริ่มมีความกังวล ว่ามู่หรงกวานเย่ว์กักขังมู่หรงเซียงหนานไว้ข้างกายตนเองจริง ๆ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 693 อย่าหาว่าข้าใจดำ​​​​​​​

 

 

หลังจากจูจิ่นไปหาเฉินมั่วฉือแล้ว เฉินมั่วฉือก็ใช้เวลาว่างไปที่วังฉางเล่อกง ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ส่งหลิงอวี้จื้อออกไป เฉินมั่วฉือก็ไม่ได้มาวังฉางเล่อกงอีก คราวนี้จู่ ๆ มาวังฉางเล่อกง ท่าทางก็ดูเย็นชามาก

 

 

ทำความเคารพเรียบร้อยแล้ว เฉินมั่วฉือก็นั่งลงบนเก้าอี้ถัดลงไปจากมู่หรงกวานเย่ว์ พูดเปิดอย่างตรงไปตรงมา

 

 

“เสด็จแม่ ลูกอยากพาเซียงหนานไป”

 

 

“ฝ่าบาททรงยุ่งเรื่องการบ้านการเมือง จะมีเวลาดูแลเซียงหนานได้อย่างไร อย่างไรแม่ก็ว่างไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว จึงพาเซียงหนานมาดูแลพอดี ฝ่าบาทก็มิไว้ใจแม่หรือ”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ยังโกรธเฉินมั่วฉืออยู่ ดังนั้นน้ำเสียงจึงไม่มีความอบอุ่น

 

 

“เซียงหนานมีแม่แท้ ๆ เหตุใดจะต้องเอามาไว้ในวังฉางเล่อกง เสด็จแม่ว่างถึงขนาดอยากเลี้ยงดูเด็กจริงหรือ”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์เหลือบตาขึ้น

 

 

“นางในวังหลังยังไม่มีลูกหลาน แม่ก็ได้แต่ดูแลเซียงหนาน มั่วฉือ แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็ต้องยุ่งด้วยหรือ แม่เป็นแม่แท้ ๆ ของเจ้า หรือว่าในวังนี้แม่ทำอะไรไม่ได้แล้ว เอาเด็กมาคนนึงฝ่าบาทถึงกับต้องมาถามด้วยพระองค์เองเชียวหรือ”

 

 

“ลูกผิดเอง ต่อไปลูกจะคิดถึงเรื่องวังหลังให้มากกว่านี้ เสด็จแม่ไม่ต้องกังวล เสด็จแม่จะได้มีความสุขกับครอบครัวที่ลูกหลานรวมตัวกันทั่วหน้าแน่นอน

 

 

เซียงหนานอยู่ในวังนาน ท่านตากับน้าสะใภ้ต่างก็ต้องคิดถึง พรุ่งนี้ลูกจะให้คนพาเซียงหนานกลับไปจวนมู่หรง หากเสด็จแม่คิดถึงเซียงหนาน อีกสักพักก็ค่อยพาเขามาอยู่ใหม่ได้”

 

 

“อีกสักพักแม่จะส่งเซียงหนานกลับจวนมู่หรง หลายวันมานี้แม่มักจะมีอาการแน่นหน้าอก มีเซียงหนานอยู่ข้าง ๆ ชีวิตก็สบายยิ่งขึ้น เซียงหนานเด็กคนนี้น่ารักน่าชังใคร ๆ ก็ชอบ คล้ายฝ่าบาทตอนเด็ก ๆ มาก แม่อยากให้เซียงหนานอยู่นานกว่านี้อีกสักพัก เขาเป็นหลานชายแท้ ๆ ของแม่ แม่จะต้องดูแลเขาอย่างดีแน่นอน”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ปฏิบัติต่อมู่หรงเซียงหนานอย่างไร เฉินมั่วฉือก็รู้ดี หลายวันมานี้มู่หรงกวานเย่ว์ไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน อยู่แต่ในวังฉางเล่อกงทุกวัน ให้มู่หรงเซียงหนานอยู่เป็นเพื่อนนางเช่นนี้ก็ไม่มีอะไร เขาก็ไม่อยากทะเลาะกับมู่หรงกวานเย่ว์จนถึงทางตันเช่นนี้ เขารู้ว่าจูจิ่นคิดถึงลูกมาก จึงเพิ่มไปอีกหนึ่งประโยค

 

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เสด็จแม่ก็ให้น้าสะใภ้พบเซียงหนานสักหน่อย นางเป็นแม่แท้ ๆ ของเซียงหนาน”

 

 

“นางไปหาฝ่าบาทแล้วหรือ แม่แค่ว่านางไปไม่กี่คำ นางกลับวิ่งไปฟ้องฝ่าบาทเสียแล้ว นางคิดแต่จะช่วยเซียวหยี่ยน ให้บทเรียนนางสักหน่อยก็ดี

 

 

มั่วฉือ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่งแล้ว แม่แค่อยากให้เซียงหนานอยู่เป็นเพื่อนข้างกายระยะหนึ่งเท่านั้น เจ้าก็โตมาด้วยมือแม่ นี่ก็หลายปีแล้ว เจ้าไม่ต้องการแม่อีกต่อไป แม่แค่อยากเลี้ยงดูเซียงหนานให้ดี ๆ”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์พูดเช่นนี้แล้ว เฉินมั่วฉือก็ไม่พูดอะไรอีก ถือว่ายอมรับให้มู่หรงเซียงหนานอยู่ที่วังฉางเล่อกงต่อ

 

 

“ลูกมิใช่ไม่ต้องการเสด็จแม่แล้ว เพียงแต่หวังว่าเสด็จแม่จะวางมือจากเรื่องเหล่านี้ ลูกมิใช่เด็กเล็กตั้งนานแล้ว ถึงแม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะดูไร้สาระในสายตาของเสด็จแม่ ลูกก็ไม่เสียใจ และรู้ดีว่าตนเองกำลังทำอะไร

 

 

นี่คือชีวิตของลูก เสด็จแม่ไม่สามารถใช้ชีวิตแทนลูกได้ ลูกกับเสด็จแม่ไม่เคยเป็นคน ๆ เดียวกัน สิ่งที่สำคัญสำหรับเสด็จแม่ สำหรับลูกมิใช่สิ่งสำคัญ”

 

 

“มั่วฉือ แม่เพียงแต่อยากให้ลูกจำไว้ว่า เจ้าเป็นฮ่องเต้ บนบ่าเจ้ามีความรับผิดชอบที่เจ้าจะต้องแบกรับ”

 

 

เฉินมั่วฉือดูเหมือนจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว พูดเน้นทุกพยางค์

 

 

“ลูกเข้าใจ ลูกกับราชวงศ์เว่ยตะวันตกต้องร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกัน”

 

 

ทิ้งประโยคนี้ไว่แล้ว เฉินมั่วฉือก็ออกไปจากวังฉางเล่อกง

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์พิงเก้าอี้ เฉินมั่วฉือบอกว่าเขาเข้าใจ แต่ที่จริงไม่เข้าใจอะไรเลย สิ่งที่เขาควรละทิ้งเขาไม่ละทิ้งเลยสักอย่าง การรับผิดชอบหมายถึงการยอมทิ้งสิ่งต่าง ๆ มากมาย บางครั้งอาจจะทำให้ตนเองเจ็บปวดใจ แต่ก็ต้องยอมทิ้ง เพราะว่าเขาเป็นฮ่องเต้ บนโลกนี้ต้องได้อย่างเสียอย่าง

 

 

มั่วฉือ อย่าหาว่าแม่ใจดำแล้วกัน