หลิงซูฟางถามขึ้นว่า “ใครกันที่เป็นคนโชคร้ายคนนั้น”
“เขาเป็นคนเอ่ยปากขอเลิกก่อน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอ่อน เธอต่างหากที่เป็นคนถูกทิ้ง โชคดีที่วันนี้หวังหมิงเหยาไม่ได้มางานด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงทำตัวไม่ถูกแน่
“เขาต้องมีปัญหาทางสายตาแน่!” เป่าเอ๋อร์พูด
ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ยิ้ม ส่วนเป่าเอ๋อร์มองเซียวเหอครู่หนึ่งจึงพูดว่า “นี่ เซียวเหอ”
“ไม่ทราบว่าคุณเป่าเอ๋อร์มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” เซียวเหอยิ้มกวนถามกลับไป
“ได้ยินมาว่านายอยู่ที่บริษัทเซียงเฟิงจิวเวอรี่ เป็นผู้จัดการฝ่ายขายใช่ไหม” เป่าเอ๋อร์ถาม “ฉันอยากจะซื้อแหวนแต่งงานสักวง แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหนถึงเหมาะสมดี”
“อันนี้ก็ต้องดูว่าเธอต้องการเกรดระดับไหน ขอแค่เธอไม่ได้มีความต้องการเหมือนคุณซีเหมินที่อยากได้เพชรสีเลือด บริษัทของฉันก็พร้อมตอบรับความต้องการของเธอได้หมด” เซียวเหอพูด
“เพชรสีเลือด?” เป่าเอ๋อร์และหลิงซูฟางหันไปมองทางซีเหมินจินเหลียนอย่างสงสัย
“ฉันก็แค่ล้อเล่นน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะ “ฉันไม่ได้จะแต่งงาน แล้วจะซื้อเพชรมาทำไมกัน เพียงแต่แค่เซียวเหอเสนอจะขายเพชรให้ฉัน ฉันก็เลยถามไปเล่นๆ”
เมื่อเธออธิบายออกไปอย่างนั้น หลิงซูฟางกับเป่าเอ๋อร์ก็ยิ้มออกมา เพชรสีเลือดไม่ได้เป็นสิ่งที่จะพบได้ง่ายๆ ถึงจะมีก็เป็นของที่หายาก ไม่มีใครกล้าเอาออกมาขายเผยแพร่ง่ายๆ หรอก
“ถ้าแพงเกินไปฉันก็ซื้อไม่ไหวนะ” เป่าเอ๋อร์พูด “ประมาณหมื่นสองหมื่นฉันยังพอรับได้”
“เธอว่างเมื่อไหร่ล่ะ ลองมาเลือกแบบที่ร้านดูสิ” เซียวเหอพูดพลางหยิบนามบัตรส่งไปให้ “ฉันจะลดราคาให้เธอยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลย รับรองว่าถูกกว่าราคาในตลาดแน่นอน”
“ดีเลย” เป่าเอ๋อร์รับนามบัตรของเซียวเหอมา เมื่อได้ยินว่ากำลังพูดถึงเรื่องเพชรกันอยู่ เพื่อนร่วมรุ่นผู้หญิงก็เดินเข้ามารุมล้อมให้ความสนใจมากมาย เมื่อได้ยินว่าเป่าเอ๋อร์จะแต่งงาน ก็พากันอิจฉากันถ้วนหน้า
เถียนเถียนเห็นซีเหมินจินเหลียนก็เลยยิ้มเดินเข้ามาทักทาย “จินเหลียนทำไมไม่พาแฟนมางานด้วยล่ะ”
“เอ่อ…เขามีธุระน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดไปอย่างนิ่งเฉย
“จินเหลียน ไหนเมื่อกี้เธอยังบอกว่าตัวเองไม่มีแฟนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” หลิงซูฟางถามพลางโอบซีเหมินจินเหลียนเข้ามา สัมผัสของใยผ้าไหมที่นุ่มนิ่ม ทำให้เธอนึกอิจฉาอีกครั้ง “จินเหลียน เธอซื้อชุดเดรสตัวนี้มาจากที่ไหนเหรอ”
“ซิ่วฟางน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มตอบ “เรียบง่ายใช่ไหม ฉันชอบการปักของที่นี่”
“ฉันก็ชอบ!” หลิงซูฟางพูด “ราคาเท่าไหร่เหรอ รอให้เงินเดือนออก ฉันจะไปซื้อมาสักตัว”
ราคาเท่าไหร่งั้นเหรอ? ซีเหมินจินเหลียนสับสน รายละเอียดยิบย่อยว่าราคาเท่าไหร่ เธอก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก ยังจำได้ตอนที่จ่ายเงินตอนนั้น จ่านป๋ายก็โทรเข้ามาพอดี อีกอย่างก็เป็นฉินเฮ่าที่ไปรูดบัตร ส่วนเธอนั้นได้มองราคาแค่แวบเดียว เหมือนว่าจะเป็นสามหมื่นกว่าล่ะมั้ง?
“น่าจะประมาณสองสามหมื่นน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกทำตัวไม่ถูก พูดเสียงเบา
“สองสามหมื่น?” เป่าเอ๋อร์พูดอย่างโอเว่อร์ “จินเหลียน ราคาสองสามหมื่นนี่ก็ซื้อแหวนเพชรได้เลยนะ! เธอก็ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว?”
“ก็เพราะต้องมางานเลี้ยงรุ่นวันนี้ ฉันเลยตั้งใจใส่มาโชว์สักหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
ไม่นานผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เถียนเถียนพูดว่า “แฟนของซีเหมินจินเหลียนมีเงิน เขาขับรถเบนซ์ราคาตั้งหลักล้านเชียวนะ จะใช้เงินเล็กน้อยมาซื้อกระโปรงให้เธอแค่หลักหมื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก” วันนั้นที่จ่านป๋ายขับรถเบนซ์ไปส่งพวกเธอกลับบ้าน เธอก็ไม่ได้คิดว่าซีเหมินจินเหลียนเป็นคนแต่งตัวล้าสมัยในยุคนี้
คนที่สามารถขับรถเบนซ์ได้ ถึงแม้ในเมืองเซี่ยงไฮ้จะยังมีน้อย โดยเฉพาะรถเบนซ์รุ่นนำเข้ามาจากประเทศเยอรมัน ถูกสุดคงน่าจะประมาณหลักล้านเริ่มต้น
“จินเหลียน ทำไมเธอถึงโชคดีแบบนี้นะ!” หลิงซูฟางพูดด้วยความอิจฉาไม่หยุด
“ไม่หรอก” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า จ่านป๋ายเป็นแค่โล่บังหน้า เขาก็ไม่ใช่แฟนของเธอ…
“หลิงหลิง เธอไม่มีคนที่เล็งไว้เลยเหรอ?” เถียนเถียนถาม “เธอก็สวยออกขนาดนี้ อย่าพลาดโอกาสแบบนี้เชียวนะ”
“มันก็มีอยู่หรอก แต่แค่ฉันเข้าไม่ถึงเขาก็เท่านั้น” หลิงซูฟางได้ยินเช่นนั้นได้แต่ถอนหายใจพูดว่า “พวกเธอรู้จักจินโอวกรุ๊ปไหม?”
“เฮ้ย ใครจะไม่รู้จักจินโอวกรุ๊ปบริษัทใหญ่ข้ามประเทศกันล่ะ? คงมีแต่คนบ้านนอกเท่านั้นแหละที่ไม่รู้จัก” เป่าเอ๋อร์ดูถูกหลิงซูฟาง ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ยิ้มเฝื่อน เธอนั่นแหละที่เป็นคนบ้านนอก เธอไม่รู้จัก จินโอวกรุ๊ปจริงๆ
“ลูกชายของประธานจินโอวกรุ๊ป เป็นคนฝังใจรัก น่าเสียดาย!” หลิวซูฟางถอนหายใจ “ทำไมผู้ชายคนที่มีความรักฝังใจให้ใครแบบนี้ แถมมีเงินเยอะขนาดนี้ ฉันถึงไม่เจอกับตัวเองบ้างสักครั้ง?”
“ไม่ใช่ว่าเธอทำงานอยู่ที่จินโอวกรุ๊ปเหรอ ลองเข้าใกล้เขาสักครั้งแล้วทำให้เขาติดกับสิ!” เถียนเถียนโอบไหล่หลิงซูฟาง แล้วพูดขึ้นด้วยสายตายิ้มแย้มว่า “หุงข้าวดิบให้กลายเป็นข้าวสุกก่อน หลังจากนั้นค่อยแต่งงาน กลายเป็นภรรยาของมหาเศรษฐี ใช้ชีวิตดื่มด่ำอยากได้อะไรก็ไม่ต้องกังวลเลย”
หลิงซูฟางได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะแห้งๆ “ฉันก็คิดแบบนั้น แต่แค่ไม่มีโอกาส! ฉันเคยเจอเขาครั้งหนึ่ง หน้าตาก็ไม่ได้แย่เลย ฉันยังแอบถ่ายรูปเขามาด้วยนะ เพียงแต่เขามีคนอยู่ในใจแล้ว ฉันคงหมดหวังแล้วล่ะ”
“ก็แค่มีคนที่ชอบ ไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย เธอจะกลัวอะไร?” จินอ้ายหัวเดินเข้ามาพูด
“ใช่แล้ว เอารูปมาให้พวกเราดูหน่อยสิ อยากจะรู้นักว่าลูกคนรวยจะหน้าตาเป็นยังไง” เป่าเอ๋อร์ตื่นเต้นขึ้นมา
“ไม่มีหรอก!” หลิงซูฟางรีบพูด
“เอามาดูเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เป่าเอ๋อร์ใช้โอกาสนี้ดันตัวหลิงซูฟางนั่งลงที่โซฟา ยื่นมือไถ่ของให้เธอนำรูปออกมา หลิงซูฟางยิ้มด้วยดวงตาสั่นเทา
ซีเหมินจินเหลียนเห็นพวกเธอวุ่นวายเกาะกลุ่มกันอยู่ ส่วนผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ได้แต่หัวเราะกันคิกคัก งานเลี้ยงรุ่นนี้ช่างสนุกเสียจริง พูดจายิ้มแย้ม ดื่มกินกันอย่างมีความสุข…
“เป่าเอ๋อร์อย่าทำให้ยุ่งยากเลย ฉันให้ดูก็ได้!” หลิงซูฟางไม่มีกำลังที่จะเอาชนะเธอ จึงได้แต่จำยอมเอารูปออกมา
“ต้องอย่างนี้สิ!” เป่าเอ๋อร์ลดมือลงมา แล้วปล่อยหลิงซูฟาง
หลิงซูฟางหยิบกระเป๋าสะพายข้างๆ แล้วส่ายหน้าพูด “ยอมพวกเธอเลยจริงๆ อยากจะดูอะไรขนาดนั้น ก็ไม่ใช่มีสองตาหนึ่งจมูกหรอกเหรอ?”
“แล้วอย่างนั้นเธอจะแอบพวกเราทำไมล่ะ” เถียนเถียนพูดอย่างไม่เกรงใจ
หลิงซูฟางหยิบโน้ตบุ๊คสีชมพูหวานแหววออกมาจากกระเป๋าสะพาย จากนั้นเปิดเครื่องขึ้ร
ไม่นานเธอก็เปิดแฟ้มภาพออกมาเปิดรูปให้ดู “หน้าตาประมาณนี้แหละ!”
ผู้คนต่างอดไม่ได้ที่อยากจะแย่งกันดู ซีเหมินจินเหลียนมองผ่านตาแค่แวบเดียว ไม่นานก็ตกใจค้างนิ่ง เขาอย่างนั้นเหรอ? ที่แท้จินโอวกรุ๊ปอะไรนั่นก็เป็นของบ้านเขา?
จินอ้ายหัวมองครู่หนึ่งก็รู้สึกตกใจแล้วหันไปมองซีเหมินจินเหลียนแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนเถียนเถียนสีหน้าแสดงความผิดปกติออกมา
เห็นได้ชัดว่าภาพที่เอามาให้ดูเป็นภาพที่หลิงซูฟางเป็นคนแอบถ่าย ทำให้ภาพที่ได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ มีอยู่รูปหนึ่งเห็นเพียงแค่เงาเท่านั้น ส่วนอีกรูปเป็นภาพเต็มทั้งตัว แต่เพราะระยะทางไกลเกินทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด แต่ในนั้นมีรูปหันข้างรูปหนึ่งที่พอดูได้อยู่
“ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาหน้าตาคุ้นๆ?” เถียนเถียนตบหัวตัวเองอย่างเบาๆ หลายครั้ง “ยับวันสมองฉันก็ยิ่งเบลอ คนคนนี้เหมือนฉันจะเคยเห็นมาก่อน”
“จริงเหรอ?” หลิงซูฟางถามอย่างกระวนกระวาย “เธอเห็นเขาเมื่อไหร่”
ซีเหมินจินเหลียนคิดทบทวนอย่างละเอียด วันนั้นตอนที่ฉินเฮ่ามา เถียนเถียนก็มึนเมาสติเลือนรางแล้ว หวังว่าเธอจะจำความไม่ได้
แต่เห็นได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเธอจะดื่มจนเมาเละเทะ แต่ก็ไม่ได้โซซัดโซเซขนาดนั้น “อ้ายหัว จินอ้ายหัว…”
“เถียนเถียน เธอจะเรียกฉันเสียงดังทำไมกัน ฉันก็อยู่ข้างๆ เธอเนี่ย!” จินอ้ายหัวจับใบหูของตัวเอง พูดพลางมองไปทางซีเหมินจินเหลียน ผู้ชายที่อยู่ในรูปนั่นน่าจะเป็นฉินเฮ่า เธอเคยเห็นเขาสองครั้ง ไม่มีทางจำผิดอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าการถ่ายภาพของเธอจะไม่ค่อยได้เรื่องก็ตาม
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจ ถ้าหากมีใครแอบรักหลินเสวียนหลาน เธอยังพอจะเข้าใจได้ เพราะว่าหลินเสวียนหลานหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่นี่ก็เป็นฉินเฮ่า! เขาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร นอกจากหัวโตไปหน่อย อย่างอื่นก็ถือว่าใช้ได้ แต่ว่าผู้ชายที่เห็นทั่วไปตามท้องถนน แต่เมื่อรวมกับความหล่อแล้ว ถ้าครอบครองได้ก็ถือว่าเป็นโชคชั้นใหญ่ ส่วนเขาไม่น่าจะทำให้คนอื่นมีแอบรักได้นี่น่า? จ่านป๋ายยังดูดีกว่าเขาตั้งเยอะ
แต่หลิงซูฟางรูปร่างหน้าตาสวย หากจะแอบรักใคร อีกฝ่ายก็ไม่น่าจะเป็นผู้ชายที่ธรรมดาแบบนี้นี่นา?
“เขา…ไม่ใช่ว่าเขาคือผู้ชายที่อยู่กับจินเหลียนวันนั้นหรอกเหรอ?” เถียนเถียนพูดพลางหันหน้ามามองเธอ
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “เถียนเถียน วันนั้นเธอก็เมามาก สองคนนั้นอาจจะแค่หน้าตาเหมือนกันนิดหน่อยเท่านั้น” เห็นผู้คนที่กำลังรายล้อมมองด้วยสายตาจ้องจับผิด ยิ่งเหมือนกับกำลังถูกสปอร์ตไลท์สาดเข้ามา เธอเลยจนปัญญาต้องสร้างเรื่องขึ้น
“จริงเหรอ? ฉันดื่มมากไปเหรอ?” เถียนเถียนพยายามส่ายหัวไปมา แล้วหันไปมองรูปที่อยู่บนหน้าจอคอมอีกครั้ง แต่ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนขนาดนี้นะ?
ระหว่างที่ซีเหมินจินเหลียนกำลังจะพูดนั้น หลิงซูฟางก็ร้อนใจรีบถามขึ้นมาก่อน “เธอเคยเจอเขาที่ไหนเหรอ”
“ถนนคนเดินแห่งหนึ่งแถบย่านพักน่ะ!” เห็นได้ชัดว่าวันนั้นเถียนเถียนไม่ได้ดื่มจนจำความอะไรไม่ได้
“หา?” หลิงซูฟางส่ายหัว “ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะเป็นคนที่หน้าตาคล้ายๆ กันเท่านั้น เขาจะไปอยู่ถนนคนเดินที่แบบนั้นได้ยังไงกัน”
ซีเหมินจินเหลียนพึมพำในใจ ทำไมเขาถึงจะไปไม่ได้? เหมือนว่าเขาจะชอบปิ้งย่างเสียด้วยซ้ำ
“เธออย่าเชื่อคำพูดของเถียนเถียนเลย” จินอ้ายหัวรีบเข้ามาอธิบาย “วันนั้นเธอดื่มจนไม่มีสติ จะจำอะไรได้ที่ไหนกัน”
“ใช่ๆ!” ซีเหมินจินเหลียนรีบตอบสมทบ
ขณะนั้นเสียงทำนองไพเราะของขลุ่ยก็เรียกความสนใจของผู้คนในห้อง เป่าเอ๋อร์หันมาถามอย่างสงสัย “เสียงโทรศัพท์ใครน่ะ?”
ซีเหมินจินเหลียนรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋าขึ้นมาดูเบอร์โทร คิดว่าเป็นจ่านป๋าย แต่สุดท้ายกลับเป็นคนที่ถูกคนแอบรักอย่างฉินเฮ่า เธอจึงเดินถอยหลังออกมาหลายก้าวแล้วกดปุ่มรับสาย
“มีธุระอะไรเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ไม่มีครับ” ฉินเฮ่ายิ้มบางเบา “พอดีจ่านป๋ายติดธุระเลยไปรับคุณไม่ได้ เขาเลยสั่งให้ผมไปรับคุณแทนน่ะ ผมก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ตอนนี้เลยอยากจะถือโอกาสนี้ไปร่วมสังสรรค์ในงานเลี้ยงรุ่นคุณด้วย คุณยินดีไหมครับ”
ซีเหมินจินเหลียนปาดเหงื่อใจเต้นแรง เขาอยากจะมางานเลี้ยงรุ่นด้วย? นี่ล้อเล่นอะไรกันเนี่ย ที่นี่ยังมีคนที่แอบรักเขาอยู่ทั้งคน…
“ไม่ได้ค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนรีบปฏิเสธออกมาทันควัน
“ทำไมล่ะ” ฉินเฮ่าถาม “จ่านป๋ายบอกว่างานนี้พาแฟนไปได้ ผมไม่เชื่อว่าเพื่อนของคุณจะไม่มีใครพาแฟนไปเลย”
“แต่คุณไม่ใช่แฟนของฉันนี่” ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตามองไปยังผู้คนรอบๆ แล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องมารับฉันหรอก เดี๋ยวฉันค่อยเรียกรถกลับไปเองได้”