หมอเทวดาฮั่วมองเห็นอวี้เฟยเยียนก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมา
สองสามวันของการแบ่งปันความรู้วิชาแพทย์ อวี้เฟยเยียนถ่ายทอดวิชาแพทย์ของนางชนิดหมดเปลือก ทำให้พวกเขาได้ความรู้ไปไม่น้อย
หากเป็นคนอื่นละก็ มีหรือจะไม่หมกเม็ดเอาไว้!
อวี้เฟยเยียนที่จิตใจกว้างขวางเช่นนี้ มิใช่ใครๆ ก็ทำได้
เมื่อนึกถึงว่ายังมีสายตาที่โหดร้ายของเหล่าผู้เฒ่าเมื่อครู่ หมอเทวดาฮั่วก็ไม่รู้จะทำเช่นไร
เหตุใดคนที่รับกรรมต้องเป็นข้าด้วยนะ!
“ท่านหมอฮั่ว ท่านมาแล้วหรือ!”
อวี้เฟยเยียนก็เรียกพลังเสวียนกลับคืนขณะทักทายหมอเทวดาฮั่ว
“ลุงสาม ร่างกายท่านพร้อมแล้ว ข้าสามารถเริ่มรักษาท่านได้ทุกเวลา!”
เมื่อได้ยินว่าสามารถรักษาได้ หมอเทวดาฮั่วก็รีบกลบเกลื่อนสีหน้าเจ็บปวด แล้วเหลือบมองไปที่อวี้เฟยเยียนด้วยสายตาน่าสงสาร
ถึงจะน่าขำ แต่สิ่งที่เขาหลงใหลมากที่สุดนั่นคือวิชาแพทย์และอาหารรสเลิศ
เป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้และรับชมการรักษาเช่นนี้ หมอเทวดาฮั่วไม่อยากจะพลาดมันไป!
“แม่นางน้อยอวี้ ครั้งนี้เจ้าจะต้องช่วยข้านะ! ตาแก่อย่างข้าคราวนี้ถูกเจ้าสำนักหลินและเจ้าเฒ่าทั้งหลายทำร้ายอย่างน่าอนาถ!”
หมอเทวดาฮั่วทอดถอนใจ แล้วทำสีหน้าขมขื่นหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกล่าวว่า
“พวกเขาแต่ละคนมิยอมรามือ เจ้าพวกกบในกะลา ครานี้ได้ยินว่าเจ้าจะรักษาลมปราณที่สูญสิ้นไปแล้วให้กลับคืนมาให้ลุงสามของเจ้า แต่ละคนก็ทำท่าทางราวกับขอทาน หิวกระหายกันเหลือเกิน!”
“แต่ก็กลัวตนเองจะเสียหน้า มิกล้ามาขอร้องเจ้า จึงบังคับให้ข้ามาแทน”
“เจ้าสำนักและพวกศิษย์บอกว่า หากเจ้ามิให้โอกาสละก็ ต่อไป ตาเฒ่าข้าก็มิอาจได้รับในผลประโยชน์ที่ผู้เฒ่าใหญ่พึงได้รับอีกต่อไป เช่นว่าอะไรนะ ขาหมูตุ๋นน้ำผึ้ง วิหคร้อยรส…อาหารเลิศรสพวกนี้กับข้าคงไร้วาสนาต่อกันเสียแล้ว”
“แม่นางน้อยอวี้ พวกเรามีน้ำใจต่อกันมา เจ้าคงมินิ่งดูดายเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยใช่หรือไม่!
เพื่ออาหารเลิศรสพวกนี้แล้ว ข้ากินไม่ได้นอนก็ไม่หลับ ผ่ายผอมลงไปตั้งมากมาย! เจ้าดูสิ…”
หมอเทวดาฮั่วชักแม่น้ำทั้งห้า ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ก็โดนลากเข้ามาพูดจนหมด
มองดูหมอเทวดาฮั่วกล่าวเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนถึงกับหัวเราะจนท้องแข็ง
“ท่านคือจอมตะกละ ข้ารู้ดี! “
แต่ท่าน อย่าเป็นจอมตะกละที่น่าขำขันได้หรือไม่เล่า
จะชั่วดีอย่างไรท่านก็เป็นจักรพรรดิโอสถคนหนึ่งนะ!
เพียงกล่าวถึงของกินขึ้นมาเท่านั้น ภาพที่สร้างมาก็หมดกัน!
ยังมีอีก ก็เห็นกันอยู่ชัดๆว่าท่านนะอ้วนท้วนแข็งแรงน้ำหนักขึ้นมาตั้งเยอะแยะ ทุกคนเขามีตากันทั้งนั้น
เมื่อหัวเราะจนสาแก่ใจแล้ว อวี้เฟยเยียนก็เรียนเชิญหมอเทวดาฮั่ว เจ้าสำนักหลิน และเหล่าผู้เฒ่าคนอื่นๆทมาพร้อมกัน
“ท่านหมอฮั่ว ข้ากำลังจะไปหาเจ้าสำนักหลินอยู่พอดี”
“การรักษาท่านลุงสามในครั้งนี้ ข้าได้เตรียมการขั้นต้นเอาไว้แล้ว แต่ยังมีในส่วนที่ต้องการคำชี้แนะจากเหล่าผู้เฒ่าทุกท่านที่มีความรู้สูงส่งด้วย แต่พวกท่านก็มาหาข้าเสียก่อน ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!”
“จริงหรือ!”
หมอเทวดาฮั่วเข้าไปสวมกอดอวี้เฟยเยียนด้วยความอาการตื่นเต้น
เดิมทีเขาคิดว่าการจะทำให้อวี้เฟยเยียนรับปากนั้น ยากแสนยาก
เพราะหากนางรับปาก อย่างน้อยๆ ก็ต้องยินยอมผู้อื่นมาดูมาศึกษาวิชาแพทย์ของตน ซึ่งต่อให้อวี้เฟยเยียนเห็นแก่หน้าของเขาแล้วยอมรับปาก แต่ก็คงเกิดความรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจ แล้วจะเกิดเป็นรอยร้าวระหว่างนางกับหอราชาโอสถก็เป็นได้
ทว่า หมอเทวดาฮั่วคิดไม่ถึงเลยว่า อวี้เฟยเยียนจะตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยความยินดีเช่นนี้
ทั้งนางยังตอบแบบรักษาหน้าให้กับหอราชาโอสถอีกด้วย ว่าตนเองจะขอคำชี้แนะจากเจ้าสำนักหลินและเหล่าผู้เฒ่า
นางคือจักรพรรดิโอสถ สำหรับการรักษาอวี้เชียนเสวี่ย อวี้เฟยเยียนคงคิดวิธีการและขั้นตอนไว้ในใจแล้ว วิชาแพทย์นางอยู่เหนือกว่าเจ้าเฒ่าพวกนั้นอยู่มากนัก แล้วจะยังต้องขอคำชี้แนะจากพวกเขาได้อย่างไร!
หึหึ…
ก่อนจะออกไป หมอเทวดาฮั่วหันกลับไปมองไปที่อวี้เฟยเยียนอีกครั้ง
ถ่อมตน ซื่อตรง มีคุณธรรม เป็นคนดี ทั้งยังจิตใจกว้างขวาง!
อนาคตของแม่นางน้อยผู้นี้มิอาจคาดเดาได้เลยจริงๆ!
คนรุ่นใหม่นี่น่ากลัวจริงๆ…
หมอเทวดาฮั่วถอนใจยาว
บางที เขาอาจได้เห็นอวี้เฟยเยียนสร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่
หมอเทวดาฮั่วนำข่าวดีนี้ไปบอกกล่าวแก่เหล่าผู้เฒ่า ทำเอาพวกเขาดีใจกันยกใหญ่ ได้ยินว่าอวี้เฟยเยียนกำลังจะเริ่มรักษา พวกเขาก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสะอาดๆ แล้วก็พากันยกโขยงไปที่เรือนของอวี้เฟยเยียนทันที
อวี้เฟยเยียนและอวี้เชียนเสวี่ยต่างก็เตรียมพร้อมตั้งนานแล้ว รอเหล่าผู้เฒ่าเข้ามา ประตูห้องก็ถูกปิดลง
“ท่านป้าสามวางใจ! ช่าช่าจะต้องรักษาท่านลุงให้หายอย่างแน่นอน!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยเห็นมู่เหนี่ยนซีตื่นเต้นจนกำมือไว้แน่น ก็เข้าไปปลอบนางว่า
“พวกเราต้องเชื่อในช่าช่า!”
“ใช่! เสี่ยวอวี้ของเรายอดเยี่ยมจะตาย! แต่สำหรับ…เสวี่ยต่างหาก ข้ายังคงมิอาจวางใจ”
ตั้งแต่กำแพงกั้นบางๆ ระหว่างอวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนี่ยนซีถูกทำลายลง คนทั้งสองราวกับกลายเป็นเด็กชายและเด็กสาวตัวน้อยที่กำลังคบหากันก็ไม่ปาน เดี๋ยวตัวเองเดี๋ยวเรา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอม ความรักเบ่งบานสุกงอม
มู่เหนี่ยนซีรู้ว่า ตอนที่นางเกิดเรื่อง อวี้เชียนเสวี่ยรู้สึกผิดและโทษตัวเองมากเพียงใด ดังนั้นเขาจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตนเองจะดีขึ้นในเร็ววัน
แต่นางก็ไม่อยากให้อวี้เชียนเสวี่ยกดดันตัวเองมากเกินไป
“อมิตตาพุทธ สวรรค์คุ้มครอง!”
มู่เหนี่ยนซีมาถึงที่เรือน ก็ยกสองมือพนมขึ้นแนบอก
“จะต้องราบรื่น!”
ด้วยรู้มาโดยตลอดว่าเส้นทางความรักทั้งสองยากเย็นซับซ้อนมากขนาดไหน ทุกคนจึงเข้าใจในความรู้สึกมู่เหนี่ยนซีเป็นอย่างดี เชียนเยี่ยเสวี่ยเดินตรงเข้าไปหาเหลียนจิ่นแล้วฟาดฝ่ามือใส่เขาหนึ่งที
“เหลียนจิ่น เจ้าทำนายให้พวกเขาหน่อยเถอะ! ว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
วาจาเชียนเยี่ยเสวี่ยทำให้มู่เหนี่ยนซีมีความหวังขึ้นมา นางรีบมองมาที่เหลียนจิ่น ด้วยท่าทางอยากรู้
ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยขานชื่อเสียขนาดนี้ เหลียนจิ่นจึงเริ่มบีบนวดหัวไหล่ของตนเองเชิงเตรียมพร้อมแล้วกล่าวว่า
“เยี่ยนอ๋อง เมื่อครู่ท่านมือหนักไม่เบา! อ่อนโยนสักหน่อยมิได้หรืออย่างไร”
“หนักหรือ”
เชียนเยี่ยเสวี่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วลองฟาดมือใส่ตนเองดูบ้าง
“ก็ไม่นี่นา! ไม่เจ็บสักหน่อย! เจ้าอ่อนแอเกินไปต่างหาก! อีกเดี๋ยวให้ช่าช่าสั่งยาให้เจ้าหน่อย ผอมแห้งราวกับไก่น้อยก็ไม่ปาน จะต้องบำรุงให้มาก บุรุษอ่อนแอเกินไปไม่ดีนะ เดี๋ยวเมียจะรังเกียจเอา!”
เสียงดังโฉ่งฉ่างของเชียนเยี่ยเสวี่ย เหลียนจิ่นทำได้แค่เพียงกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์
เยี่ยนอ๋อง จะชั่วดีอย่างไรท่านก็เป็นสตรีนะ!
ไม่ใช่หญิงอกสามศอก!
ที่เจ้าฟาดมาเมื่อครู่น่ะ หัวใจกับปอดของข้าแทบจะทะลักออกมา! จะสร้างใหม่ให้ข้าใช่หรือไม่ !
“ไม่ต้องกังวลไป! ข้าเคยทำนายอย่างง่ายๆเอาไว้แล้ว หงายหงาย มงคล !”
มีคำพูดนี้ของเหลียนจิ่น ทำให้มู่เหนี่ยนซีมีความมั่นใจขึ้นมาก
“ไม่ว่าเสวี่ยจะเป็นอย่างไร ข้าก็ยังจะชอบเขาเช่นเดิม! ต่อให้เขามิอาจฟื้นพลังได้ดังเดิม ยังคงเป็นคนธรรมดา ข้าก็จะอยู่กับเขา เพราะข้ารักเขา!”
“ตอนนี้ ขอเพียงได้ยินเสียงของเจ้า ข้าก็ดีใจแล้ว!”
“ข้ารู้ดีว่า ลมปราณสูญสิ้นเป็นดั่งปมที่แก้มิออกของเสวี่ย ขอเพียงคลายปมนี้ได้ เขาจึงจะเป็นอวี้เชียนเสวี่ยจริงๆ! ข้าอยากเห็นอวี้เชียนเสวี่ยที่สง่างามผ่าเผย เขาจะต้องรูปหล่อมากแน่ๆ!”
คำสารภาพรักที่ซาบซึ้งถึงใจใครหลายคนของมู่เหนี่ยนซี ดังเข้าไปถึงด้านในห้อง
อวี้เชียนเสวี่ยตะลึงเป็นอย่างมาก แก้มทั้งสองของเขาแดงจัด ร่างทั้งร่างราวกับกุ้งที่กำลังถูกนึ่งก็ไม่ปาน นอนอยู่บนเตียง มือไม้มิรู้จะวางตรงไหนรู้สึกเกะกะไปเสียหมด
อวี้เฟยเยียนยิ่งส่งเสริม นางเปิดหน้าต่างออก ตะโกนว่า
“ท่านป้าสาม คำพูดท่าน ท่านลุงสามข้าได้ยินชัดเจนแล้ว! ท่านวางใจ! ข้าจะต้องทำให้ท่านสมหวังให้ได้!”
เดิมทีมู่เหนี่ยนซีคิดว่าได้เริ่มทำการรักษาไปแล้ว ใครจะรู้ว่าคำพูดของนางเมื่อครู่อวี้เฟยเยียนและอวี้เชียนเสวี่ยต่างได้ยินชัดเจน
ตอนนั้นทำเอาผิวสีข้าวสาลีของมู่เหนี่ยนซีก็ฉาบทับไว้ด้วยสีแดงอ่อนๆ
แต่นางก็มิได้ขัดเขินใดๆ นางยกมือป้องปากตะโกนว่า
“เสวี่ย ข้ารอท่าน! ข้ารักท่าน! ข้าจะรออยู่ด้านนอกนี่ ท่านไม่ต้องกลัว!”
“วู้ๆ!”
เชียนเยี่ยเสวี่ย เซวียเฉียงเป่าปากขึ้นมา
“ท่านป้าสาม ท่านอบอุ่นเช่นนี้ ท่านลุงสามคงมีความสุขมาก!”
เสียงตะโกนเชียนเยี่ยเสวี่ยดังสนั่น ทำให้มู่เหนี่ยนซีอายขึ้นมาจริงๆ
ภายในห้อง เหล่าผู้เฒ่าต่างก็ยิ้ม ‘ฮิฮิ’ ออกมา
“คนหนุ่มสาวมันดีอย่างนี้แหละ!”
ผู้เฒ่ารองลูบเคราแล้วยิ้มราวกับองค์พระสังกัจจายน์กล่าวว่า
“น่าอิจฉาเสียจริง!”
“ตาเฒ่ารอง หากเจ้าอิจฉาก็ไปหาคู่มาอยู่เป็นเพื่อนบ้างสิ!”
ผู้เฒ่าเจ็ดกล่าว
“ถ้าได้ลูกตอนแก่ ถึงจะทำให้ผู้คนอิจฉาจริงๆ”
ถูกผู้เฒ่าเจ็ดหัวเราะเยาะเช่นนี้ ผู้เฒ่ารองถึงกับสำลักไอสองครั้งแล้วทำท่าทีเคร่งขรึมเป็นการเป็นงาน
“ชีวิตนี้ของอุทิศให้กับหอราชาโอสถ! ตอนข้ายังหนุ่มไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย ตอนแก่ยิ่งเป็นไอ้แก่เจ้าสำราญไม่ได้เลย!”
“แม่นางน้อยอวี้ เจ้ารีบเริ่มเถอะ! ข้าชักจะรอคอยไม่ไหวแล้ว!”